ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น รีวิวหนัง
ประเภท : สยองขวัญ / ฆาตกร
ปีที่ฉาย : 2004
เวลา : 1.43 ชั่วโมง
IMDb: 7.6 /10
ก่อนที่จะไปทำความรู้จักกับ SAW ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น ในหนังเรื่องนี้ ผู้เขียนต้องขอออกตัวก่อนว่าตัวเองเป็นแฟนหนังเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน เพราะโดยส่วนตัวแล้วรู้สึกประทับใจกับความโหดร้ายในหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียวอย่างไรก็ตาม รีวิวหนัง netflix ของ SAW ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น ผู้เขียนจะพยายามวางตัวให้เป็นกลางในการพูดถึงหนังเรื่องนี้อย่างรอบด้าน โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังสนใจอยากที่จะลองเปิดดูหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ส่วนเนื้อหาของ SAW ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็นจะน่าสนใจแค่ไหนกันนั้น มาติดตามอ่านกันเลย
เรื่องย่อ
SAW ซอว์ เกมต่อตาย. ตัดเป็น เริ่มต้นขึ้นเมื่อชายแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนสองลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องที่ถูกปิดล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา โดยที่พวกเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน พวกเขาก็เริ่มตระหนักว่าตัวเองได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเกมเอาชีวิตรอดจากฆาตกรโรคจิตที่ตำรวจขนานนามให้ว่า “The Jigsaw” ดูหนังออนไลน์,ดูหนังฟรี
ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น รีวิวหนัง
จุดเด่นและจุดด้อยของหนังสยองขวัญ SAW ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น
หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่าเบื้องหลังการถ่ายทำ SAW ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น ใช้เวลาเพียง 18 วัน เท่านั้น เพราะฉากส่วนใหญ่แล้วถ่ายทำเพียงในห้องแคบ ๆ แห่งเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าทึ่งมากกว่าคือ จิตวิทยาที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราวทั้งหมด โดยเฉพาะที่ The Jigsaw ไม่ได้ลงมือฆ่าใครเลยแม้แต่คนเดียว แต่เป็นการเล่นสนุกกับจิตใจของเหยื่อและสร้างสถานการณ์บีบคั้นที่นำไปสู่ความตายเท่านั้น
นอกจากนี้ SAW ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็นยังฉลาดในการเล่าเรื่องราวแบบสลับไปมาไม่เป็นเส้นตรงเพื่อเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นรูปแบบที่ค่อนข้างใหม่ในวงการภาพยนตร์สมัยนั้น เพราะถ้าหากทำพลาดก็คือจบ เพราะผู้ชมจะไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือ พลังของนักแสดงที่สวมบทบาทความหวาดกลัว สิ้นหวังและความเครียดออกมาได้อย่างเจ็บปวด จนกระทั่งนำไปสู่จุดสูงสุดของภาพยนตร์ที่เฉลยทุกสิ่งที่ทำให้ต้องขนลุกเกรียวจากความเยือกเย็นจนไม่สามารถลืมได้ลง อย่างที่หนังสยองขวัญชั้นเยี่ยมควรมี
สำหรับจุดด้อย เนื่องจากบทมีการเขียนขึ้นมาให้มีการกระโดดข้ามช่วงเวลาหลายครั้ง ทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งใจติดตามจริงๆอาจไม่รู้เรื่องเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันบ้าง!? นอกจากนี้ ตัวหนังแม้จะไม่ได้มีการใส่เลือดเข้ามาจนเกินความจำเป็น แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่ารุนแรงมากอยู่ดี ดังนั้น ทำให้ SAW ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น อาจไม่เหมาะกับการรับชมร่วมกับครอบครัว หรือคนขวัญอ่อนนัก
โดยรวมหนังสยองขวัญ
สำหรับผู้เขียน การเข่นฆ่าใน SAW ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น เปรียบได้กับงาน “ศิลปะแห่งความตาย” เพราะทุกองค์ประกอบ ได้ถูกสร้างสรรค์และคิดมาอย่างรอบคอบนำเอามาประกอบรวมกันได้กลายมาเป็นความรุนแรงที่กลมกล่อมด้วยจิตวิทยาอาชญากรได้อย่างลงตัว
ที่สำคัญคือ หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยเหตุผล และเรื่องที่ชวนให้คิดตามเกี่ยวกับชีวิตและความตายมากมาย ดังนั้น ถ้าหากใครกำลังหาหนังสยองขวัญที่มีอะไรมากกว่าเพียงแค่การไล่ล่าเลือดสาด ขอแนะนำเลยว่าไม่ควรพลาด SAW ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น อย่างแน่นอน
ซอว์ เกมต่อตาย..ตัดเป็น รีวิวหนัง
จากหนังสั้น 9 นาทีครึ่งภายใต้การกำกับของ James Wan และบทที่ร่วมกันคิดกับ Leigh Whannell ทำให้สตูดิโอ Lions Gate สนใจบทหนังเรื่องนี้ครับ กับผลงานกระชากขวัญที่ถือว่าเปิดศักราชหนังสยองยุคใหม่ขึ้นอีกระลอก กับเรื่องราวที่มีครบทั้งความโหด ความสยอง การใช้สมอง และการหักมุม
จุดดี ต่อมานักแสดงที่แม้จะไม่ใช่ดาราระดับแม่เหล็ก แต่ทุกเจ้าล้วนเป็นยอดฝีมือ ไม่ว่าจะ Elwes ที่เล่นได้ดีมากๆ (โดยเฉพาะช่วงท้ายครับ เมคอัพใบหน้าได้สุดยอดจริงๆ เห็นแล้วอดสยองตามไม่ได้) ตามด้วย Danny Glover ในบทนายตำรวจเดวิด แท็ปที่หมายมั่นจะตามจับจิ๊กซอว์วายร้ายให้ได้, Ken Leung ดาราเอเซียหน้าคุ้นในบทตำรวจคู่หูของแท็ป, Monica Potter ในบทภรรยาของคุณหมอลอว์เรนซ์ หรือแม้แต่ Whannell คนเขียนบทก็โดดลงมาเล่นด้วย รายนี้ก็มีดีเช่นกัน ทั้งหมดมีส่วนช่วยให้หนังน่าติดตามอีกแรงหนึ่ง
ไหนจะดนตรีที่เร้าอารมณ์อย่างได้ผล โดยเฉพาะธีม Hello Zepp ที่ประพันธ์โดย Charlie Clouser, ลีลามุมกล้องที่เร้าอารมณ์คนดู ยิ่งตอนทำมุมฉวัดเฉวียนเหวี่ยงๆ หวือๆ นี่ก็ยิ่งเพิ่มอารมณ์ตื่นเต้นได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ ต้องเรียกว่าหนังครบเครื่องจริงๆ ทั้งดาราดี ดนตรีเร้า มุมกล้องก็ระทึก หลายฉากก็น่ากลัวสุดขีด เสียวไส้เอาเรื่อง (โดยเฉพาะฉากเกี่ยวกับ “เลื่อย” ในตอนท้ายนั่น) ด้านบทก็ซับซ้อน การทิ้งปมก็พอเหมาะ ไหนจะการหักมุมพร้อมบทสรุปที่ “ไม่เป็น Hollywood เท่าไร” อีก แหม ผมดูรอบแรกก็ชอบเลยครับ ครั้นมาดูอีกความอร่อย ความตื่นเต้นก็ยังไม่หนีไปไหน ไปๆ มาๆ การได้รู้อะไรก่อนแล้วมันชวนให้เราสังเกต แล้วก็ดูหนังสนุกขึ้นไปอีกแน่ะ
อีกสิ่งหนึ่งที่หนังทำสำเร็จคือการสร้างคาแรคเตอร์ของ จิ๊กซอว์ให้เป็นที่จดจำ มันไม่ใช่แค่ฆาตกรสวมหน้ากาก ไม่ใช่วิญญาณร้าย ไม่ใช่ตัวประหลาด แต่จิ๊กซอว์คือคนที่มีเลือดเนื้อ และมีความฉลาดแบบสุดๆ แล้วก็มีความต้องการจะ “สอน” ให้คนทั้งหลายได้ตระหนักถึงความสำคัญของคุณค่าชีวิต สอนให้คนที่ไม่เคยสนใจคนรอบตัว ไม่เคยถนอมนาทีอันมีค่าของการมีลมหายใจ ให้ได้เข้าใจถึงสิ่งเหล่านั้นบ้าง เพียงแต่อาจจะเป็นการสอนที่นองเลือดไป หน่อยน่ะครับ
หนังสยองขวัญที่มีความน่าสนใจอย่างมาก
จิ๊กซอว์ ก็คือตัวแทนของความตาย อุบัติเหตุ เภทภัย โรคร้าย หรือสิ่งหายนะทั้งมวลที่อาจเกิดกับทุกคนได้ทุกเมื่อครับ จะว่าไปแล้วสำหรับภาคแรก คอนเซปต์ของจิ๊กซอว์ยังค่อนข้างมีทิศทางที่น่าสนใจ เพราะเขาจะเลือกเล่นเกมกับคนที่ไม่รักชีวิต ไม่ว่าจะพวกที่คิดฆ่าตัวตาย พวกติดยา หรือไม่ก็พวกนอกใจครอบครัว ไม่ได้ฆ่าดะเอาสนุก และจริงๆ พี่แกก็มอบโอกาสรอดให้กับเหยื่อทุกครั้ง (เหมือนอย่างที่เขาบอกน่ะครับว่า “ไม่เคยฆ่าใครสักหน่อย แค่ปล่อยไว้ในกับดักเท่านั้น”)
นอกจากนี้ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าหนังแอบสอดสาระสำคัญที่สุดไว้ท่ามกลางเรื่องราวโหดๆ และกับดักสุดตื่นเต้น…. สติไงครับ จะเห็นได้ว่าหลายครั้งถ้าเหยื่อใจเย็น มีสติ โอกาสรอดย่อมมี แต่หากลืมตัว สติแตกเมื่อใดอันตรายก็จะยิ่งทวีคูณเท่านั้น
Saw สามารถจับประเด็นมาย้อนสอนเราได้หลายอย่างเหมือนกันครับ อย่างการทำอะไรใจเย็นๆ มีสติ เจอปัญหาก็ค่อยๆ ลงมือแก้ไข อย่าใช้อารมณ์ อย่าปล่อยให้พลังแห่งสติแตกมากุมชะตาหรือนำพาให้ชีวิตเข้ารกเข้าพง
ถ้าเรามีสติ หมั่นรอบคอบและตรวจสอบชีวิตตนเสมอว่า เราใช้ชีวิตดีหรือยัง เราทำสิ่งที่ถูกหรือผิดอยู่ ทบทวนมันให้ดี คิดพิจารณาอีกครั้ง นอกจากมันจะทำให้เราสร้างชีวิตที่ดี ใช้ชีวิตที่คุ้มได้แล้ว ยังทำให้เราห่างไกลจากอันตรายได้มากเท่านั้น
เหยื่อหลายรายหากตรวจสอบชีวิตตน ไม่ทำผิด ก็คงไม่ต้องเจอกับความตายหรือตัวแทนความตายอย่างจิ๊กซอว์ ที่พูดนี่ก็เชิงเปรียบเปรยนะครับ ไม่ได้จะบอกว่าพี่จิ๊กแกทำถูก เพราะยังไงการลงมือทำร้ายคนก็ไม่ใช่อะไรที่เหมาะอยู่ดี คิดเสียว่าหนังสะท้อนมุมให้เรามองก็แล้วกัน
ทีนี้ทุกอย่างก็มาพลิกผันตอนฉายรอบทดลองน่ะครับ ปรากฏว่ามันออกมา “ดีมาก” ทุกคนที่ได้ดูต่างยกนิ้วชื่นชม จนทางผู้ใหญ่ตัดสินใจโยกหนังมาฉายโรง แล้วยังไฟเขียวให้มีการวางเรื่องสำหรับภาคต่อทันทีที่หนังออกฉายด้วย เรียกว่ามั่นใจในตัวหนังแบบสุดๆ เลยล่ะครับ
และผลที่ได้ก็คือความสำเร็จสุดขีด ทำเงินไป 102.8 ล้านจากทั่วโลก ตามด้วยภาคต่ออีก 6 ภาค เรียกว่าหายเหนื่อยกันไปเลยล่ะครับทีมงานน่ะ โดยเฉพาะ Wan กับ Whannell ที่ทุ่มแบบเต็มแรง และรายได้ที่เขารับจากหนังก็กลายเป็นมากมายทวีคูณกว่าที่พวกเขาคิดไว้อีกครับ เพราะตอนแรกก็นึกว่าได้เปอร์เซ็นต์จากวีดีโอเท่านั้น แต่นี่ได้เพียบทั้งจากฉายโรง จากวีดีโอ ก็น่าดีใจแทนพวกเขาเหมือนกันนะครับ
เกร็ดเล็กๆ อีกอย่างของหนังเรื่องนี้ก็คือ Shawnee Smith ที่มาแสดงเป็นหนึ่งในเหยื่อของจิ๊กซอว์นั้น ตอนแรกเธอบอกปัดครับ หลังจากอ่านบทแล้วรู้สึกไม่อยากเล่น แต่พอได้ดูหนังสั้นที่ Wan ทำเท่านั้นล่ะ เธอเปลี่ยนใจมารับเล่นทันที แล้ว Wan เองก็มาเปิดเผยทีหลังครับว่าเขาน่ะอยากให้เธอมารับบทนี้มากๆ เพราะเขาชอบเธอครับ ชอบตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ตอนได้ดูหนังที่เธอแสดง อย่าง The Blob