บ๊ายบายแม่จ๋า รีวิว
รีวิวหนัง ณ ตอนที่ผู้เขียนดูซีรีส์เรื่องนี้ จำไม่ได้แล้วว่านานขนาดไหนแล้วที่ไม่ได้ดูซีรีส์แนวนี้ เพราะโดยปกติตัวเลือกแรกๆของดูไปบ่นไปมักจะเลือกดูประมาณแนวสืบสวนสอบสวนเข้มๆ เดาทางยากๆหรือหักมุมจนอ้าปากค้าง แต่เมื่อได้ยินกิตติศัพท์คำร่ำลือในสื่อต่างๆ (ณ ตอนนั้น เมื่อสองปีที่แล้ว) ว่าซีรีส์เรื่องนี้มีดีกว่าที่เห็นตามหน้าเสื่อ แต่เมื่อครั้งกระนู้นผู้เขียนยังมีอุปนิสัยบางประการในการดูซีรีส์คือจะไม่ดูออนแอร์สด ซึ่งตอนนั้นทาง NETFLIX สตรีมสดเป็นรายสัปดาห์พร้อมกับทางเกาหลีแล้ว แต่ด้วยความที่ผู้เขียนไม่อยากรอคอยและอยากดูต่อเนื่องกันเพราะการดูต่อเนื่องกันมันสามารถเห็นรายละเอียดการเชื่อมโยงมิติบางอย่างชัดกว่าและแน่นอนวัฒนธรรมการสปอยล์เนื้อหายังไม่รุนแรงเหมือนวันนี้ ที่สุดแท้จะหลีกเลี่ยงกันยังไงในปัจจุบันเพราะผู้เขียนก็พอเข้าใจได้ว่าเนื้อหาที่ดูสดในแต่ละสัปดาห์กับซีรีส์ชั้นดีนั้น มักจะสร้างความประทับใจจนอัดอั้นอยากพูดคุยกับคนรู้ใจสักคน แต่กับเรื่องนี้เมื่อตอนนั้นก็มีเพียงแต่ไม่รุนแรงมากเลยสามารถรอดูรวดเดียวได้ ผิดกับตอนนี้ที่ดูไปบ่นไปดูออนแอร์สดอยู่สองเรื่อง และสหรับเรื่องนี้ในเวลานั้นการรอคอยที่ยาวนานให้ซีรีส์ครบทุกตอนทำให้ได้สัมผัสเรื่องราวอย่างต่อเนื่อง ได้มอบความรู้สึกที่คุ้มค่ากับเรื่องของโอกาสที่สอง เรื่องของความรักในหลากหลายมุมมอง เรื่องของการยอมรับความตายและการจากลา และเรื่องของการปล่อยมือเพื่อที่จะเดินต่อไป HiBye,Mama! รีวิวซีรี่ย์ netflix
เรื่องย่อ บ๊ายบายแม่จ๋า
บ๊ายบายแม่จ๋า รีวิว ด้วยเนื้อหาของซีรีส์มีแง่คิดและมุมมองในการใช้ชีวิตที่แหลมคมจึงไม่สามารถเขียนโดยไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญได้ หากท่านที่ยังไม่ได้ดูและประสงค์ที่จะดูแบบอรรถรสเต็มร้อย หรือไม่สะดวกใจที่จะรับทราบเนื้อหาบางประการก็ข้ามบทความนี้ไปก่อนได้ ด้วยเรื่องของผีสาวชายูรี (คิมแตฮี) ที่ต้องตายจากอุบัติเหตุเมื่อตอนใกล้คลอดและทิ้งลูกน้อยให้มีชีวิตอยู่กับสามีที่เธอรัก แต่เธอกลับปล่อยวางไม่ได้จึงไม่ยอมจากไปสู่ภพภูมิที่ถูกที่ควร เธอจึงยังวนเวียนเฝ้าดูสามีและลูกน้อยรวมทั้งครอบครัว คอยอยู่ใกล้และเฝ้ามองคนที่เธอรักอยู่ตลอดมา เพื่อให้ได้เห็นและได้รับรู้ความเป็นไปของคนที่เธอรักเหล่านั้น hi bye mama พากย์ไทย
ส่วนสามีของเธอโชคังฮวา (อีคยูฮยอง) แต่งงานใหม่กับโอมินจอง (โกโพคยอล) และใช้ชีวิตต่อไปตามครรลอง แต่ความที่วิญญาณของชายูรียังวนเวียนอยู่ไกล้ๆโชซออู (ซออูจิน) ลูกน้อยที่น่ารักของเธอจึงกลายมาเป็นเด็กเห็นผี จนในวันที่ซออูโตขึ้นชายูรีกลับพบว่าลูกของเธอผิดปกติ แล้วในวันหนึ่งเมื่อลูกมีภัยแต่เธอกลับไม่สามารถช่วยลูกได้ สุดท้ายในตอนที่อับจนหนทาง การก่นด่าการร่ำร้องต่อพระเจ้าที่โหดร้ายกับเธอกลับกลายเป็นพรหรือการลงทัณฑ์ก็ไม่อาจทราบได้ที่ให้เธอกลับมาเป็นมนุษย์ได้เพียงสี่สิบเก้าวัน โดยมีเงื่อนไขว่าเธอต้องกลับไปอยู่ในที่เดิมของเธอแล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ด้วยการเป็นมนุษย์อีกครั้ง
แต่ทว่าที่ตรงนั้นของเธอกลับมีคนอื่นอยู่แล้วนั่นคือโอมินจองที่เป็นทั้งภรรยาของโชคังฮวาและเป็นคนที่ซออูเรียกว่าแม่ และนั่นทำให้สี่สิบเก้าวันที่มีอยู่เป็นโอกาสของเธอที่จะสางสิ่งที่ค้างคาใจ และเมื่อสุดท้ายคนที่ได้โอกาสที่สองจะโลภมากอยากเป็นคนต่อไปแต่นั่นคือการที่ต้องแลกกับอะไรบ้างอย่างที่ชายูรีไม่ยอมแลก และทำให้ซีรีส์สรุปลงอย่างสวยงามทั้งในมุมความเป็นแม่ ในมุมของการเป็นลูก แง่มุมที่จะปล่อยผ่านเรื่องราวในอดีต แง่มุมของคนรักที่เสียสละ และสุดท้ายการจากลาหาได้โศกเศร้าเสมอไปเมื่อคนที่ยังอยู่ได้ปล่อยวางและปล่อยมือ แล้วคนที่จะไปไม่มีอะไรค้างคาก็คือความงดงามที่ซออูจะเอ่ยว่าบ๊ายบายแม่จ๋าในตอนท้าย ดูหนังฟรี
บ๊ายบายแม่จ๋า รีวิว
นี่คือซีรีส์ที่มีแง่มุมที่ฉลาดในการชวนให้คิดตามมากมาย ทั้งที่น่าจะเป็นเรื่องโศกเศร้าเคล้าน้ำตาแต่กลับเสนอในโทนเบาและมองในมุมสวยงาม นี่คือซีรีส์ที่ไม่มีตัวร้ายไม่มีเรื่องราวร้ายรุนแรงแต่ทำไมมันถึงสนุกและชวนติดตามได้ในทุกตอนคำตอบอยู่ที่บทและการเล่าเรื่อง แม้ว่าในปัจจุบันผู้เขียนได้ดูซีรีส์เกาหลีมากขึ้นอาจคุ้นชินกับการที่เรื่องราวที่เล่าไม่มีตัวร้ายหรือไม่มีเรื่องร้ายๆแบบมรสุม แต่เมื่อตอนนั้นผู้เขียนก็ต้องสารภาพว่านึกไม่ออกเช่นกันว่าได้ดูซีรีส์ที่ไม่มีตัวร้ายเรื่องสุดท้ายตอนไหนและเรื่องอะไร ความดีงามของเรื่องนี้คือการให้แง่มุมความคิดที่คมคายในทุกตอน ตัวละครทุกตัวทุกคนนอกเหนือจากตัวเอกอย่างชายูรีโชคังฮวา หรือโอมินจองล้วนแล้วแต่มีปมในใจไม่สามารถปล่อยวางได้
เช่นแก๊งเพื่อนผีของชายูรีที่สถานที่เก็บอัฐิกลับเป็นเรื่องรองที่มาในความขบขันและเศร้าซึ้ง แบบที่คนดูต้องรับทราบแง่มุมชีวิตจากการที่ผีที่ไม่ยอมไปเกิดเพราะยังมีอะไรคาใจ มีห่วงหรือปล่อยวางไม่ได้กันแน่ สุดท้ายแม้อาจมีบางคนได้สะสางเรื่องค้างคาแต่บางคนก็เลือกที่จะเจ็บปวดที่ได้เห็นความเป็นไปของคนที่ตัวเองรักใช้ชีวิตอยู่เบื้องหลังก็สุดแท้แต่การตัดสินใจ ทำให้มีความเข้มข้นในประเด็นเรื่องครอบครัวที่ครอบครัวของชายูรีมีแม่เป็นผู้นำ แม่ที่ดูเหมือนจะเข้มแข็งภายนอกแต่แท้จริงแล้วตัวเองกลับเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดจากเบื้องลึกในใจ
ท่าทีขึงขังใจร้ายไม่ยอมให้คนในครอบครัวติดต่อกับอดีตลูกเขยและหลานล้วนแต่มีสาเหตุและนั่นคือความเจ็บปวด ความอ่อนแอภายในและความยึดติดความคิดถึงลูกของผู้เป็นแม่กลับนำพาพรอันวิเศษที่ให้โอกาสที่สองที่จะได้โอบกอดและบอกลาลูกอีกครั้งและเยียวยาหัวใจที่ร้าวรานของตัวแม่เอง ตาที่ถูกกีดกันไม่ให้ได้เจอกับหลานที่เป็นดั่งตัวแทนของลูกมันคือความเจ็บปวดทรมาน แต่นั่นไม่ทรมานเท่าการที่ต้องมาเสียลูกไปก่อนตัวเอง ชายูรีเองก็ไม่ต่างกันเมื่อตัวเรื่องเผยให้เห็นว่าเธอรับรู้และรับทราบความเจ็บปวดของครอบครัวของเธอเสมอมาแต่เมื่อนั้นเธอยังทำอะไรไม่ได้
ความซับซ้อนทางด้านอารมณ์ของเรื่อง บ๊ายบายแม่จ๋า
โชคังฮวาคือคนที่เสียคนที่รักดั่งดวงใจไปและเฝ้าโทษตัวเองในการสูญเสียนั้นจนกระทั่งตัวเองป่วยจนไม่อาจเข้าห้องผ่าตัดได้อีก ฉากหน้าที่ดูคล้ายคนปกติใช้ชีวิตตามครรลองแต่ถูกกลบทับไว้ด้วยความยึดติดคิดถึงเมื่อเขาไม่ยอมเข้ารับการรักษาอาการป่วยเนื่องเพราะกลัวว่าถ้าหายแล้วเขาจะลืมชายูรีไป ความครุ่นคิดคำนึงตลอดมาคือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวหัวใจเขาไว้ให้มีชีวิตอยู่นอกเหนือจากซออู วันหนึ่งเมื่อยูรีกลับมามีชีวิตนั่นคือโอกาสที่สองที่เขาจะมีชีวิตอยู่ด้วยความหวังแต่นั่นกลับทำร้ายคนที่รักเขา คนที่อยู่เคียงข้างเขาในฐานะภรรยาและแม่ของซออูเสมอมา มิติที่ลึกหลากหลายและคมคายถ้าคิดตามแบบนี้อีคยูฮยองถ่ายทอดออกมาแบบไร้ที่ติ
ส่วนโอมินจองนั้นถึงที่สุดแล้วคนที่น่าสงสารจับใจก็คือโอมินจอง เธอคือผู้ที่เป็นเช่นผู้ถูกกระทำและผู้ชมอาจต้องมานั่งตั้งคำถามว่าเธอผิดอะไร เธอแค่รักโชคังฮวาหมดใจและเป็นแม่ที่ดีที่สุดสำหรับซออูกับสถานการณ์ได้ใจแต่ไม่ทั้งหมดเพราะยังมีใจอีกบางห้องที่โชคังฮวาปิดล็อคไว้ และเมื่อชายูรีกลับมาทุกคนกลับทำเหมือนว่าเธอคือคนผิดที่เข้าไปแทนที่ชายูรี สุดท้ายเมื่อถึงเวลาทุกคนก็ไม่สามารถกล่าวโทษเธอได้จึงได้แต่พร่ำคำว่าขอโทษ แต่นั่นกลับกลายเป็นซ้ำเติมหัวใจของเธอให้แหลกสลายเพราะเธอไม่ได้ทำผิดอะไร และเธอไม่ใช่นางร้ายเธอยังยินดีที่จะจากไปหากทำให้ทุกคนมีความสุขและมอบแม่แท้ๆให้กับซออู แม้ว่าเธอต้องใจสลายก็ตาม และคนดูก็สงสารเธอจับใจเพราะการแสดงที่ไร้ที่ติของโกโพคยอล
ส่วนที่เป็นตัวคุมเกมและแจกจ่ายอารมณ์ให้กับผู้ชมต้องยกเครดิตให้กับตัวแม่อีกคนของวงการคิมแตฮีคิมแตฮีคือตัวเดินเรื่องที่สมบูรณ์แบบที่มอบมิติตัวละครที่ลึกและหลากหลาย เป็นแม่ที่มีความสุขบนความเจ็บปวด เป็นลูกที่ดีที่มีความเจ็บปวดบนความสุข การได้รับโอกาสที่สองเพื่อสางเรื่องราวบางอย่างที่เป็นเหมือนพรจากพระเจ้าจึงเริ่มจากความลิงโลด แต่เมื่อถึงที่สุดสัจธรรมและความเป็นจริงในชีวิตหลังการจากไปของคนคนหนึ่งก็ทำให้ได้รู้ว่ามันคือการลงทัณฑ์ที่เมื่อตายแล้วแต่ไม่ยอมปลดปลง อารมณ์สับสน อารมณ์เปี่ยมสุข อารมณ์เจ็บปวด และอารมณ์รู้สำนึกเพื่อเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม สีหน้าแววตาที่อิ่มเอมเมื่อในใจได้ปล่อยวางแล้วถูกถ่ายทอดอย่างไร้ที่ติโดยคิมแตฮี
ทั้งยังต้องยกนิ้วให้ความไร้ที่ติของนักแสดงสมทบ (หรือเปล่า) อย่างคิมมีคยองในบทแม่ผู้เป็นช้างเท้าหน้าและแข็งนอกอ่อนใน ซออูจินในบทซออูที่ความน่ารักและเป็นธรรมชาติได้สร้างมิติความเป็นลูกที่พ่อแม่ต้องหลง ทำให้การเล่าเรื่องในแง่มุมแบบนี้มีน้ำหนักที่หนักแน่นและทำให้เรื่องเดินไปข้างหน้าอย่างได้ใจ เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก และเข้าไปยนั่งในหัวใจผู้ชม ทั้งนี้ยังต้องรวมถึงเหล่านักแสดงสมทบ (จริงๆ) ทุกคน ย้ำ ทุกคนในเรื่องที่มอบมิติที่หลากหลายให้ผู้ชมสัมผัสได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก๊งคุณผีเพื่อนของชายูรีในอัฐิสถานที่มอบมิติทางหัวใจให้สัมผัสได้ผ่านการแสดงทีไร้ที่ติเช่นกันแม้จะเป็นเพียงบทเล็กบทน้อยก็ไม่เว้น
ตลอดสิบหกตอนของเรื่องนี้ที่อาจเล่าแบบโทนเบาๆให้ได้ยิ้มทุกตอน แต่ก็ซาบซึ้งน้ำตาคลอหรือขอบตาอุ่นทุกตอนเช่นกัน ด้วยประเด็นความรักของแม่ที่เข้มจัดมาพร้อมความรักของลูกที่ไม่อาจดูแลพ่อแม่ได้อีกต่อไป เสริมด้วยเรื่องความเป็นเพื่อนทั้งจากผีและคน ประเด็นของการปล่อยวางและเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปทั้งมุมมองของคนที่ต้องปล่อยมือเมื่อคนที่เรารักจากไปแต่เรายังต้องมีชีวิตอยู่ต่อ มุมมองของคนที่ตายไปที่ไม่อาจปล่อยวางเรื่องราวที่ตนเองยังห่วงอยู่และไม่ยอมปล่อยมือ จนกระทั่งได้รับรู้ว่ายิ่งอยู่ยิ่งได้เห็นอะไรที่โหดร้ายมากขึ้น เจ็บปวดมากขึ้น เมื่อการใช้ชีวิตอยู่ของคนข้างหลังไม่ได้สวยงามเสมอไป บ๊าย บาย แม่จ๋า ซับไทย kseries
ประเด็นหลักของเรื่อง บ๊ายบายแม่จ๋า
บ๊ายบายแม่จ๋า รีวิว ประเด็นเรื่องราวของโอกาสที่สองที่ได้รับที่เราเลือกจะใช้มันยังไง จะใช้มันเพื่อหาความสุขใส่ตัวหรือสร้างความสุขให้กับคนอื่น ซึ่งสำหรับชายูรีแล้วอาจมีบ้างที่หาความสุขใส่ตัวและโลภที่จะอยู่ต่อไป แต่เมื่อถึงเวลาต้องเลือกเธอเลือกที่จะเยียวยาหัวใจคนข้างหลังให้อยู่ต่อไปอย่างมีความสุขและไม่ยึดติดกับการจากไปของเธอ ได้ทำในสิ่งที่ค้างคากับคนที่เธอรักและแล้วจากลาไปอย่างสวยงาม และสุดท้ายเรื่องที่ไม่มีตัวร้ายก็สรุปลงอย่างซาบซึ้งและประทับใจและลืมไม่ได้สำหรับความน่ารักของหนูน้อยโชซออูที่ผนวกกับเสน่ห์ของนักแสดงทุกคนที่ได้ใจคนดูทำให้ดูสนุกและเพลิน
แถมด้วยงานด้านภาพสวยๆนำเสนอผีในมุมขบขันน่ารักทำให้ดูได้ทั้งครอบครัว ถึงแม้ส่วนตัวแล้วยังมองเห็นเรื่องของการทิ้งบางประเด็นไปแบบไม่น่าพลาดหรือเรื่องของเงื่อนเวลา กับความซาบซึ้งกินใจที่บางทีมองเห็นริ้วรอยของการบีบหรือคั้นน้ำตา แต่นั่นอาจเพราะนี่คือซีรีส์ที่เป็นเรื่องยาวคงเป็นไปได้ยากที่จะไม่มีให้หลุดบ้าง แต่ภาพรวมคือซีรีส์ที่บทอยู่ในระดับงานดี สมูธ ไม่ต้องใช้ความรุนแรงมาเร่งไม่ต้องซับซ้อนด้วยเรื่องราวที่ดูปราดเดียวก็เดาออกแม้จะมีหักมุมบ้างแต่ไม่แรงมาก ทำให้ไม่ว่ายังไงนี่ก็คืองานชั้นดีที่คนเป็นแม่ต้องดู คนเป็นลูกต้องดู คนเป็นสามีต้องดู คนเป็นภรรยาต้องดู คนเป็นเพื่อนต้องดู เพราะนี่คืออีกหนึ่งในซีรีส์ที่คู่ควรต้องดู
จะมีอะไรเศร้าไปกว่าการที่ใครสักคนที่เรารักมากจากเราไปแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ถึงแม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะจบไปอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังฝากความประทับใจที่อบอวลไปด้วยความสุข ความเศร้า รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตาให้คนใหม่ ๆ ที่เพิ่งเข้าไปดูได้อยู่เสมอ ‘Hi bye mama’ ซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซีที่เล่าเรื่องราวออกมาได้อย่างเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งกินใจเรื่องนี้ จะทำให้เราหวนนึกถึงความพิเศษของช่วงเวลาปัจจุบัน ที่ใครหลายคนอาจหลงลืมมันไป และอยากจะใช้มันอย่างรู้คุณค่าที่สุดอย่างไม่จำเป็นที่จะต้องเสียดายอะไรอีก
ความรู้สึกหลังดู
ขอยอมรับแต่โดยดีว่าไม่ได้ใส่ใจจะดูซีรีส์เรื่องนี้สักเท่าไหร่ในตอนแรก อาจเป็นเพราะหน้าหนังที่มันดูเป็นหนังครอบครัวอบอุ่น(?) แบบที่ทางเราเองก็ไม่ค่อยจะสันทัดเท่าไหร่นัก แต่พอได้ตั้งใจทำความรู้จักซีรีส์เรื่องนี้แบบจริงจัง ก็เริ่มค้นพบว่า “สนุกว่ะ!” คือมันสนุกตั้งแต่ช่วงแรกที่ได้ดูไปลุ้นไปว่า “ถ้าได้เจอคนที่ตายไปแล้วอีกครั้ง แต่ละคนจะมีรีแอ็กชันกันยังไงกันนะ?” สามีที่แต่งงานใหม่และกำลังจะมูฟออน เพื่อนสนิทที่อาจไม่สนิทกับเราอีกแล้ว ลูกที่ไม่รู้จักเราแถมยังรักแม่เลี้ยงมากกว่าสิ่งใดในโลก การกลับมาที่ดูจะผิดที่ผิดทางเหมือนจะเป็นบทลงโทษมากกว่าของขวัญเสียด้วยซ้ำ เราจึงจะได้เห็นมุมมองต่อการกลับมาของชายูริที่หลากหลายผ่านสายตาของแต่ละตัวละคร แม้จะเคยดูซีรีส์ที่เกี่ยวกับโลกหลังความตายมาแล้วหลายเรื่อง แต่การให้ตัวละครที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตแบบปกติธรรมดานี่แหละที่ทำให้เรามองเห็นแง่มุมการใช้ชีวิตได้อย่างลึกซึ้งและเข้าถึงเรื่องราวของตัวละครได้อย่างง่ายดาย แค่ลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้าเรามีเวลาเหลืออีกแค่เพียง 49 วัน เราจะใช้มันยังไงให้คุ้มค่าที่สุด ก่อนจะจากไปตลอดกาล…
โลกหลังความตายที่เราสามารถเลือกได้ว่า จะไปเกิดใหม่ หรือเป็นวิญญาณอยู่ข้าง ๆ คนที่เรารักนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นอย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมาเรามักจะได้เห็นบาดแผลและการเยียวยาของคนเป็นที่ต้องเผชิญความเจ็บปวดอย่างท่วมท้น แต่คราวนี้เราจะได้เห็นอีกมุมมองของคนตายไปแล้วที่ยังมีห่วง และสิ่งที่ทำให้พวกเขาไปสู่สุคติไม่ได้ ซึ่งเรื่องราวของของชายูริก็ได้สื่อสารออกมาถึงสัจธรรมของการจากลา ที่สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติ คนเราวันหนึ่งก็ต้องจากไป และเมื่อเวลานั้นมาถึง การยอมรับและเผชิญหน้ากับความเป็นจริงนี่แหละที่จะทำให้เราก้าวเดินต่อไปได้ แม้ว่าการจากลาจะทำให้รู้สึกราวกับว่าโลกถล่มทลาย แต่เมื่อคนที่เรารักจากไปย่อมทิ้งตัวตนไว้ในเศษเสี้ยวความทรงจำและชีวิตเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ และเมื่อเราได้ระลึกถึงสิ่งเหล่านั้น เราก็จะมองเห็นความงดงามของการจากลาได้ในที่สุด เหมือนประโยคหนึ่งในเรื่องที่กล่าวว่า “กลีบดอกร่วงหล่น แต่ดอกไม้ยืนยง ส่วนกลิ่นที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกนี้ ฝังลึกลงไปในความทรงจำของเรา…”
เพราะตีมหลักของซีรีส์เรื่องนี้ให้เน้นความสำคัญไปที่ความรักของแม่และลูก แน่นอนว่าเราจะได้เห็นถึงความรักของชายูรีที่มีต่อลูกน้อยของเธอ แต่ขณะเดียวกันเราก็ยังได้เห็นความรักที่แม่ของชายูรีมีต่อเธอในฐานะลูกสาวเช่นเดียวกัน
แม่ที่ต้องสูญเสียลูกไปก่อนเวลาอันควร โดยที่ไม่มีโอกาสได้บอกลา เธอต้องใช้พลังใจแค่ไหนในการก้าวผ่านความเจ็บปวดครั้งนี้ไปได้? และการที่ชายูริกลับมามีชีวิตอีกครั้งก็ยิ่งทำให้เราเข้าใจว่า แท้จริงแล้วความรักของคนเป็นแม่นั้น ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนไปมากกว่าการอยากเห็นลูกมีความสุขเพียงเท่านั้น นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นความรัก ความสัมพันธ์ และมิตรภาพในอีกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะครอบครัว เพื่อน คนรัก คนรู้จัก รวมไปถึงความสัมพันธ์ของเหล่าผี ๆ ที่ยิ่งทำให้เรารู้สึกอบอุ่น อิ่มเอมไปทั้งหัวใจ จนต้องดูไปยิ้มไป แต่ละตัวละครก็จะมีเรื่องราวของตัวเอง ที่ดูแล้วอดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงความสัมพันธ์ของเรากับคนรอบข้าง
ประเด็นที่เราชอบมากเป็นพิเศษอีกอย่างคือ บทใส่ความแข็งแกร่งลงไปในตัวละครผู้หญิงเรื่องนี้ค่อนข้างมาก อย่างตัวชายูริเองนั้น ก็ไม่ได้ต้องการจะกลับมาในฐานะภรรยา หรือจะมาแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของโจคังฮวาเลยแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่อยากกลับมาอยู่ข้าง ๆ ลูกน้อยเท่านั้น รวมถึงความสัมพันธ์ของชายูริกับโอมินจองในฐานะแม่แท้ ๆ กับแม่เลี้ยง (ที่ไม่ได้ใจร้ายเหมือนในนิทาน) ก็มักจะแสดงออกมาให้เราเห็นว่าพวกเธอทั้งคู่ต่างชื่นชมและหวังดีต่อกันและกันมากกว่าจะคิดร้ายต่อกันเสียอีก รวมถึงอีกหนึ่งสมาชิกในแก๊งค์อย่างรุ่นพี่ ‘โกฮยอนจอง’ ที่เป็นการรวมตัวกันสามคนแบบงง ๆ แต่ทำให้เราซาบซึ้งใจในมิตรภาพของคำว่าเพื่อนได้อย่างแท้จริงเลยล่ะ บ๊ายบายแม่จ๋า pantip
บ๊ายบายแม่จ๋า รีวิว
แม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะมีเนื้อหาที่ค่อนข้างดราม่าหนักหน่วง แต่คนเขียนบทก็เลือกที่จะใส่ความโรแมนติกและคอมเมดี้ ผ่านความเป็นธรรมชาติของแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างจริงใจ ทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างฟีลกู๊ด ดูแล้วไม่เครียดมากจนเกินไป (แต่ก็เสียน้ำตาหนักอยู่เด้อออ) นอกจากนี้ยังมีบทสรุปของแต่ละตอนที่ให้แง่คิดและทำให้เราตกตะกอนความรู้สึกบางอย่างออกมาได้อย่างเข้าใจชีวิตมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยให้เรารู้สึกเชื่อมโยงกับเรื่องราวของพวกเขาได้ดีทีเดียว รวมถึงการเล่าเรื่องแบบ Flashback กลับไปเป็นระยะในช่วงเวลาของโจคังฮวากับชายูริเมื่อ 5 ปีก่อน ก็ดึงดราม่าสะเทือนอารมณ์ให้เราน้ำตาแตกได้ทุกอีพี นับเป็นเสน่ห์อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เปรียบเหมือนอาหารจานพิเศษที่ปรุงรสมาได้อย่างกลมกล่อม ดูแล้วสุข ซึ้ง เศร้า กินใจตั้งแต่ต้นเรื่องลากยาวไปจนกระทั่งตอนจบเลยทีเดียว
นอกจากบทจะละเมียดละไมเก็บทุกดีเทลได้อย่างน่าประทับใจแล้ว อีกหนึ่งจุดที่เด่นมาก ๆ ไม่แพ้กันคือ ‘การแสดง’ ของนักแสดงทุกคนที่เข้าถึงบทบาท สามารถถ่ายทอดอารมณ์และข้อความที่ผู้กำกับต้องการสื่อออกมาได้อย่างลึกซึ้ง ในซีนปะทะอารมณ์กันก็ส่งต่อความรวดร้าวมาถึงคนดูและทำให้เราหลอมรวมความรู้สึกไปกับตัวละครได้เป็นอย่างดี นับเป็นการคัมแบ็คในรอบ 5 ปีของ ‘คิมแทฮี’ ที่คุ้มค่าสมการรอคอยจริง ๆ ทำได้ดีมาก ๆ ทั้งในบทบาทของแม่และลูก ส่วนพระเอกของเราอย่าง ‘อีคยูฮยอง’ ก็รักษามาตรฐานการแสดงของตัวเองได้ดี๊ดีไม่ทำให้ผิดหวังแม้แต่น้อย สีหน้าและแววตาที่สิ้นหวังของเค้ามันกัดกร่อนไปถึงหัวใจเราจริง ๆ แต่เวลาถึงซีนต๊อง ๆ ก็แสดงออกมาได้น่ารักสุด ๆ ‘โกโบบยอล’ ตัวละครที่เราไม่ได้คาดหวัง แต่ดูแล้วหลงรักสุดหัวใจ เป็นนักแสดงที่เก็บรายละเอียดอารมณ์ของตัวละครได้ดีมาก ยังไม่รวมถึงนักแสดงระดับฝีมืออย่าง ‘คิมมีคยอง’ ที่เรามักจะเห็นเธอในบทบาทคุณแม่ที่แสดงออกมาได้อย่างน่าประทับใจอยู่เสมอ และหนุ่มน้อย ‘ซออูจิน’ ในบทบาทลูกสาวตัวน้อยของแม่ ๆ ก็แสดงบทบาทใสซื่อออกมาได้อย่างน่ารักและเป็นธรรมชาติสุด ๆ (แค่นั่งทำตาแป๋ว ๆ ป้าคนนี้ก็ใจละลายแล้วจ้า) นอกจากนักแสดงหลักแล้วนักแสดงคนอื่น ๆ ในเรื่องก็รับผิดชอบบทบาทของตัวเองได้ดีและแสดงออกมาได้อย่างน่าประทับใจไม่แพ้กันเลยล่ะ
ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พูดได้เลยว่า ถ้าไม่ได้กดเข้าไปดูเราคงพลาดซีรีส์ที่ดีที่สุดในชีวิตไปเรื่องหนึ่งเลยล่ะ สุดท้ายนี้เราขอทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคหนึ่งจากซีรีส์ Hi bye mama ที่ทำให้เราได้ฉุกคิดทบทวนถึงชีวิตที่ผ่านมา และอยากจะใช้วันเวลาที่มีอยู่ ช่วงเวลาที่เหลืออยู่อย่างดีที่สุด “เมื่อขึ้นสวรรค์ไปพระเจ้าจะถามคำถามสองข้อ ถ้าตอบใช่ทั้งสองคำถาม ชาติหน้าก็จะได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์ คำถามหนึ่งก็คือ มีความสุขกับชีวิตที่ผ่านมาไหม? และอีกคำถามก็คือ คนอื่นมีความสุขเพราะเราด้วยหรือเปล่า?” บ๊าย บาย แม่จ๋า ep.1 พากย์ไทย