รีวิวหนัง เดอะ แพลตฟอร์ม
หมวดหมู่ : ไซไฟ-ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ : Galder Gaztelu-Urrutia (กัลเดอร์ กัซเตลู อูร์รูเดีย)
รีวิวหนัง นี่คือภาพยนตร์สัญชาติสเปนฝีมือการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ Galder Gaztelu-Urrutia (กัลเดอร์ กัซเตลู อูร์รูเดีย) ครับ แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกแต่ประสบการณ์บอกเลยว่าไม่ไก่กา เพราะว่าเขานั้นมีประสบการณ์การทำหนังสั้น โฆษณา และเป็นโพรดิวเซอร์ภาพยนตร์มาก่อนหน้านี้แล้วตั้ง 15 ปี ซึ่งความคร่ำหวอดนี่แหละที่ส่งผลทำให้ในปีที่แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เดินทางไปคว้ารางวัลมามากมาย ทั้งรางวัลขวัญใจผู้ชม Midnight Madness จากเทศกาล Toronto International Film Festival ประเทศแคนาดา รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาล Sitges – Catalonian International Film Festival ประเทศสเปน แถมในเว็บมะเขือเทศเน่า Rotten Tomatoes ยังระบุว่าได้คะแนนมะเขือสดไปตั้ง 82% แน่ะ สำหรับการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรก ถือว่าไม่ธรรมดา รีวิวหนังnetflix
เรื่องย่อ เดอะ แพลตฟอร์ม
รีวิวหนัง เดอะ แพลตฟอร์ม เรื่องย่อ ในเรือนจำแนวตั้งที่นักโทษชั้นบนได้อยู่ดีกินดี ขณะที่นักโทษชั้นล่างต้องอัตคัดขัดสน นักโทษชายอย่าง “โกเร็ง” (Iván Massagué) พยายามหาทางเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับทุกคน
ผมว่าผมก็เป็นเหมือนหลาย ๆ ท่านนี่แหละครับที่พอได้ยินกิตติศัพท์ความแปลกของพล็อตหนังเรื่อง The Platform หรือในชื่อภาษาสเปนว่า El Hoyo (The Hole) แล้วก็เกิดความอยากดู เพราะมันเป็นพล็อตที่เด่นชนะหน้าหนัง ชนะทุกสิ่ง เอาจริงๆ นักแสดงใครเล่นบ้างก็ยังไม่รู้ ใครกำกับก็ไม่รู้ ได้กี่ดาวก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ แต่สนซะที่ไหนล่ะ อยากลองดูก่อน พอผมได้ยินว่าหนังเรื่องนี้จะเข้าฉายทาง Netflix คอหนังประหลาดๆ อย่างผมก็เลยรู้สึกว่าอยากลองดูหนังเรื่องนี้บ้าง เรียกว่าพล็อตอย่างเดียวชนะทุกสิ่งจริงๆ เว็บดูหนัง,ดูหนัง,เว็บหนัง
รีวิวหนัง เดอะ แพลตฟอร์ม
สำหรับพล็อตของหนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องของคุกนั่นแหละ จริงๆ มันก็ไม่ใช่คุกซะทีเดียวหรอกครับ มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ศูนย์ดูแลตนเองแนวตั้ง” คืออารมณ์สถานดัดสันดานอะไรแบบนี้มากกว่า แต่ในตัวมันก็เป็นคุกดี ๆ นี่เอง จุดเริ่มต้นมันเริ่มจากพระเอกอย่าง “โกเร็ง” (Iván Massagué) นั้นพาตัวเองเข้ามายังคุกแนวตั้งแห่งนี้ เมื่อเขาตื่นมาก็พบว่าเขานั้นได้มาอยู่ที่ชั้น 48 ร่วมกับชายชราอย่าง “ตรีมากาซี” (Zorion Eguileor) โดยตรีมากาซีเข้าคุกแห่งนี้มานานหลายเดือนแล้ว เพราะว่าฆ่าคนโดยไม่เจตนา ส่วนโกเร็งนั้นต่างออกไป เพราะว่าตั้งใจที่จะเลือกเข้าคุกนี้มาด้วยตัวเอง
และคุณผู้อ่านย่อมรู้อยู่แล้วใช่มั้ยครั้บว่าคุกนี้ไม่ธรรมดา เพราะมันเป็นคุกแนวตั้งที่มีชั้นลดหลั่นกันลงไป ในแต่ละชั้นจะมีนักโทษอาศัยอยู่ 2 คน และวิธีการจัดการกับคุกนี้ก็คือการควบคุมด้วยอาหาร คือในแต่ละชั้นจะมีช่องบนเพดานและพื้น เพื่อให้แท่นวางอาหารเคลื่อนผ่านลงไป โดยในแท่นนั้นจะมีอาหารคาวหวาน ผลไม้หลากชนิดและเครื่องดื่มสารพัดอย่างวางไว้รวมกัน ในแต่ละวัน แท่นนี้จะค่อยๆ
เคลื่อนลงไปเพื่อส่งอาหารให้กับคนแต่ละชั้นนั่นก็แปลว่าคนที่ชั้นบนๆ จะได้มีโอกาสกินของดีๆ เลือกกินได้อย่างใจ อาหารก็สดใหม่สะอาดปลอดภัย ส่วนคนชั้นล่างลงไปก็ต้องกินของเหลือๆ ต่อกันไปเรื่อยๆ อันที่จริงแม้เราจะยังไม่รู้แต่แรกว่าคุกแนวตั้งนั้นมีกี่ชั้นกันแน่ แต่ที่ผมว่าน่าจะเดาได้แต่แรกคือ อาหารมักไปไม่ถึงชั้นล่าง ๆ หรอกครับ ยังไงก็มักจะถูกกินหมดก่อนตลอด และอย่าคิดจะกักตุนอาหารโดยเด็ดขาด เพราะว่าอุณหภูมิห้องขังจะเปลี่ยนไป อาจจะร้อนจนไหม้เกรียมหรือเย็นเยือกจนแข็งตาย เดอะแพลตฟอร์ม pantip
ในแต่ละวัน โกเร็งและทุกคนในคุกแนวตั้งนี้ก็มีชีวิตในคุกนี้เหมือนเดิม คือแท่นวางอาหารลงมาวันละครั้ง มีอะไรก็ต้องกิน พอแท่นเลื่อนลงก็หมดเวลา พอถึงกลางคืนก็ต้องนอนภายใต้แสงสีแดง พร้อมกับเสียงแท่นวางที่ดีดตัวกลับขึ้นไปด้านบนด้วยความเร็วสูง พร้อมกับถูกรมแก๊สเพื่อทำให้หลับ จนกระทั่งเมื่อเข้าสู่เดือนใหม่ คนทั้งสองก็จะถูกย้ายไปชั้นใหม่ โดยที่ชะตากรรมของคนทั้งคู่อาจจะได้ขึ้นไปอยู่ชั้นที่สูงขึ้น ได้กินอาหารที่ดีกว่าคนอื่น ๆ หรือลงไปอยู่ชั้นล่างซึ่งอาจจะไม่ได้กินอะไรเลยเพราะอาหารไปไม่ถึง รวมถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็อาจเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะว่าในคุกนี้ ความสัมพันธ์หรือมิตรภาพ หรือความไว้เนื้อเชื่อใจนั้นอาจไม่สำคัญเท่ากับการอยู่รอดให้ครบกำหนด และรับใบรับรองเพื่อออกไปสู่อิสรภาพ
ความน่าสนใจของหนัง เดอะ แพลตฟอร์ม
ความน่าสนใจคือ ตลอดทั้งเรื่อง เราจะแทบไม่ได้เห็นบรรยากาศภายนอกเลย จริงๆ ก็มีฉากภายนอกคุกให้เห็นบ้างแหละ แต่ถือว่าน้อยมาก แต่ไม่มีฉาก Outdoor ใดๆ เลยแม้แต่นิดเดียว อย่างเต็มที่ เราก็จะได้เห็นบรรยากาศของห้องครัวที่คอยทำอาหารเลี้ยงคนในคุกแนวตั้ง ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุด กับภายนอกคุกตอนที่โกเร็งกำลังให้สัมภาษณ์กับ “อิโมกิริ” (Antonia San Juan) เจ้าหน้าที่หญิงที่คอยทำหน้าที่สัมภาษณ์และตรวจเช็กทุกๆ คนที่จะเข้าไปอยู่ในคุกแนวตั้งนี้เท่านั้นเอง
ซึ่งตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูมีความเป็นหนังเขย่าขวัญขึ้นมาทันที โอเค แม้ว่าคุกแนวตั้งและการกินอาหารเหลือ ๆ นั้นจะดูน่ากลัว น่าขยะแขยงเพียงใด แต่เหตุผลของโกเร็ง ที่ต้องการเดินเข้ามายังคุกแห่งนี้เพียงเพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง และเลือกของติดตัวเป็นเพียงหนังสือ “Don Quixote de la Mancha” (ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า เขียนโดย มิเกล เด เซร์บันเตส) ติดตัวเข้ามาเพียงเล่มเดียวนั้น เดอะ แพลตฟอร์ม พากย์ไทย
ต้องเผชิญกับความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องน่ากลัว เขย่าขวัญ (และน่าขยะแขยง) กว่าตัวคุกซะอีก การกินอาหารแบบไม่บันยะบันยังโดยไม่คิดถึงว่าคนข้างล่างจะเหลืออะไรให้กินบ้าง การมองตัวเองเป็นเพียงคนที่จำนนกับกับระบบ (หรือระบอบ) การพินอบพิเทากับสถานะของตัวเองโดยไม่ปริปากบ่นเพราะกลัวว่าตัวเองจะเอาตัวไม่รอด จนลามไปถึงความโหดร้ายป่าเถื่อนที่มนุษย์มีต่อมนุษย์ด้วยกัน พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองนั้นรอด เมื่อมาอยู่รวมกันในคุกปิดตาย มันเป็นอะไรที่น่ากลัวสุดๆ ไปเลยครับ
แต่เอาจริง ๆ เรื่องราวของโกเร็งกับตรีมากาซีนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นแค่องก์แรกๆ เลยด้วยซ้ำ เพราะว่าสุดท้ายนั้นมันมีเหตุการณ์ที่เกิดขี้นอย่างรุนแรงมากเมื่อทั้งคู่ต้องถูกย้ายเปลี่ยนชั้น (ตรงนี้ผมขอไม่สปอยล์นะครับ) แต่เอาเข้าจริงแล้ว ตัวละครที่ทำให้ตัวละครนิ่ง ๆ อย่างโกเร็งได้เกิด Movement อะไรบางอย่าง กลับเป็นหญิงสาววิกลจริตนามว่า “มิฮารุ” (Alexandra Masangkay) และชายผิวสีที่ชื่อ “บาฮารัต” (Emilio Buale Coka) ต่างหาก
มิฮารุคือหญิงสาววิกลจริตที่อาศัยแท่นอาหารเป็นพาหนะ โดยอ้างว่าเธอนั้นกำลังตามหาลูก ซึ่งด้วยความที่เธอนั้นเป็นผู้หญิง เธอจึงมักจะถูกย่ำยีอยู่บ่อย ๆ จนไม่ไว้ใจใคร ในมือเธอก็เลยมักจะถือมืดไว้ตลอดเวลา แล้วก็พร้อมที่จะฆ่าใครก็ได้เพื่อป้องกันตัวและเอาตัวรอด แต่เมื่อเกิดเหตุอะไรบางอย่างที่โกเร็งได้เข้าไปช่วยเธอไว้ เธอจึงรู้สึกไว้ใจเขา ส่วนบาฮารัตนั้นเป็นชายผิวสีที่ได้เข้ามาอยู่กับโกเร็งในภายหลัง เขามีเชือกติดตัวไว้ตลอด เพราะเขาต้องการที่จะปีนหนีออกจากคุกโดยขอความช่วยเหลือจากคนข้างบน จนสุดท้ายเขากับโกเร็งนี่แหละที่ตัดสินใจใช้แท่นวางอาหารในการเดินทางเพื่อค้นพบความลับอะไรบางอย่าง
เดอะ แพลตฟอร์ม หนังไซไฟ
ด้วยการเล่าเรื่อง หนังเรื่องนี้เป็นหนังไซไฟ-ดิสโทเปีย-ทริลเลอร์ ที่ลุ้นระทึกมาก เป็นบรรยากาศที่มาครบทั้ง ไซไฟ ดิสโทเปีย และทริลเลอร์จริงๆ เป็นหนังที่ผมไม่สามารถเดาได้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป ทุกอย่างเกิดขึ้นและเป็นไปได้ทั้งนั้น มีความหักมุมพลิกล็อกได้ตลอดทั้งเรื่อง ยิ่งดูก็ยิ่งได้รู้อะไรลึกลงไปเรื่อย ๆ รวมทั้งบรรยากาศความทันสมัยและลึกลับของคุก ผสมผสานกับความไม่น่าไว้วางใจของคนในคุกทั้งหลาย
ที่ไม่อาจเดาได้เลยว่าใครดีใครร้าย ทุกอย่างดูอึมครึมไปหมด และแน่นอนว่าพอหนังพูดถึงเรื่องของอาหาร ความขยะแขยงเรียกได้ว่าจัดเต็มมาก ไม่มีความเป็น Food Porn เลย คือถ้าใครเป็น Conservative ประเภทที่ว่าห้ามปีนโต๊ะอาหาร ห้ามเหยียบอาหาร ห้ามเล่นอาหาร ห้ามจับอาหารด้วยมืออาจจะมีกรี๊ด เพราะมันมีอะไรที่ขยะแขยงมากกว่านั้นมาก! แถมยังมีอะไรแหวะๆ อีกเพียบ นี่ยังไม่นับรวมถึงภาพและการกระทำรุนแรงต่าง ๆ ที่โหดร้ายป่าเถื่อนสุด ๆ อีกต่างหาก แนะนำว่าเอาเด็กออกห่างจากหนังเรื่องนี้ไปเลยดีกว่าครับ
แม้ว่าตัวหนังจะเล่าเรื่องของคุกแนวตั้ง ดูมีความเป็นไซไฟก็จริง แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือตัวหนังฉลาดมากๆ ในการให้บรรยากาศของหนังมีความเป็นดิสโทเปียที่แอบแทรกประเด็นต่างๆ คือใช้ความเป็น High Concept ของหนังส่งผ่านประเด็นยากๆ ได้อย่างชาญฉลาด เกือบทุกจุดในหนังสามารถแฝงเรื่องราวให้ตีความได้หลายแง่มุมมากๆ ทั้งเรื่องเล็กๆ อย่างความสัมพันธ์ของชีวิตคนเราที่จริงๆ แล้วก็ล้วนเป็นสิ่งชั่วคราว ไม่อาจยึดถืออะไรเป็นจริงจังได้ การอยู่ร่วมกันในสังคม การแบ่งปันและการเอาเปรียบ การเพิกเฉยต่อปัญหาและความไร้ระเบียบของสังคม หรืออาจเลยเถิดไปถึงเรื่องการเมืองของคนที่อยู่ภายใต้ระบอบ และการลุกขึ้นมาปฏิวัติระบอบของคนตัวเล็กๆ เดอะ แพลตฟอร์ม สรุป
รีวิวหนัง เดอะ แพลตฟอร์ม
รีวิวหนัง เดอะ แพลตฟอร์ม เรื่องของทรัพยากรธรรมชาติที่มีแต่คนระดับสูงเท่านั้นที่ได้มีโอกาสใช้มากมาย ใช้จนเหลือแค่ซากเศษเดนให้กับคนชั้นล่างๆ รวมไปถึงเรื่องของชนชั้นทางสังคม ที่แม้ว่าอาจจะไม่ได้คมคายและลุ่มลึกเท่า Parasite (2019) แต่มันก็เล่าเรื่องนี้แบบตรง ๆ ได้ดีพอสมควร รวมไปถึงเรื่องละเอียดอ่อนอย่างเรื่องศาสนา ที่โกเร็งกับบาฮารัตนั้นตัดสินใจร่วมกันลุกขึ้นมาเปลี่ยนระบบ จนมีสถานะคล้ายกับ
“พระผู้ไถ่” ที่อาจต้องยอมสละชีพตนเพื่อคนหมู่มากเพื่อนำ “สาร” อะไรบางอย่างไปบอกกับคนด้านบนว่า ที่ด้านล่างนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่ เป็นการต่อสู้กับระบบที่พังทลายแต่เพียงลำพัง โดยที่บางทีก็แทบจะไม่มีความหวังอะไรให้ยึดเหนี่ยว และบางทีก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ เขาจะต้องต่อสู้กับระบบจนตัวตาย หรือในที่สุด เขาเองนั่นแหละก็อาจจะต้องยอมจำนน หุบปาก และนั่งเฝ้ามองความฉิบหายวายป่วงของระบบนั้นไปทีละนิดๆ
ความเจ๋งของหนังเรื่องนี้คือเรื่องของการขมวดปมต่างๆ เอาไว้ ทิ้งไอเท็มไว้ตรงนั้น ทิ้งข้อสงสัยไว้ตรงนี้ แล้วก็กลับไปเก็บกวาดได้แบบหมดจด แต่ถึงกระนั้นตัวหนังก็ยังมีข้อสังเกตที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวหนังยังไปได้ไม่สุดคือ เรื่องของความไม่สมเหตุสมผลเล็กๆ น้อย อย่างเช่นเหตุผลของโกเร็งและตรีมากาซีที่เข้ามาในคุกก็ดูแปร่งๆ ไม่ค่อยมีน้ำหนัก ส่วนเรื่องของตัวคุกเอง ส่วนตัวผมรู้สึกว่ายังมีอะไรลึกลับที่หนังไม่ได้เฉลยโคตรเยอะเลย ตั้งแต่ว่าใครเป็นเจ้าของดูแลระบบ ใครออกแบบระบบ แนวคิดหลักของการให้อาหารในกองเดียวคืออะไรกันแน่รวมไปถึงเรื่องราวด้านนอกคุกที่ก็ไม่ยอมบอกว่ามีอะไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง ภาพครัวที่แทรกเข้ามาเป็นระยะนั้นมีอะไรเกี่ยวพันมากกว่าแค่การทำอาหารเลี้ยงคนในคุกหรือไม่
ส่วนที่ผมชอบอีกอย่างนั่นก็คือเรื่องของโพรดักชันครับ เป็นหนังไซไฟที่งานเนี้ยบมากๆ จนแทบจะจับผิดอะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะแท่นอาหารที่เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องนั้นก็ทำได้แนบเนียนมาก สามารถเคลื่อนขึ้นลงกลางอากาศได้แบบไม่มีจุดโป๊ะให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่มันจะงงหน่อยแหละว่า มันจะเป็นไปได้จริงแค่ไหนกันนะ
แต่ถึงแม้ความสงสัยของผมกับไอ้คุกนี่จะเยอะไปหน่อย แต่สิ่งที่ผมชอบมากๆ คือการที่เราคนดูเองก็จะไม่รู้จริงๆ ว่าตกลงคุกแนวตั้งแห่งนี้มันมีกี่ชั้นกันแน่ ผมไม่แน่ใจว่าผู้อ่านจะรู้มาจากไหนว่ามีกี่ชั้นนะครับ แต่ผมขอบอกเลยว่าไอ้ที่รู้ ๆ กันมาน่ะ มันผิดแน่นอน! ต้องลองไปดูในหนังเอาเองว่า ตัวคุกเองจริงๆ แล้วมันมีกี่ชั้นกันแน่ ข้างล่างนั้นมีอะไรรออยู่ แล้วสุดท้ายจะมีใครต่อกรกับระบบพังๆ นี้ได้หรือไม่อย่างไรบ้าง เป็นหนังที่ผมว่าออกจะดูไม่ยากนักหรอกครับ ดูเอาสนุกและลุ้นระทึกก็พอได้อยู่ เพียงแต่ว่ามันก็มีความย่อยยากและเต็มไปด้วยความลึกลับอยู่ไม่น้อยทีเดียวแหละ เดอะ แพลตฟอร์ม มี พากย์ไทย ไหม pantip