รีวิวหนัง leio โคตรแย้ยักษ์ บริษัทสร้างภาพยนตร์เกิดมาพร้อมกับอุดมการณ์ที่ขับเคลื่อนความหลากหลายในภาพยนตร์ไทย ทะเยอทะยาน ต่อต้านอคติของผู้ชมทุกประการ รวมถึงพูดถึงคนชายขอบในละครเด็กกลไก “4 Kings อาชีพ 90s” หารายได้ดี . ปีที่ผ่านมาและปีนี้ การสร้างภาพยนตร์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก รีวิวหนังnetflix โดยการเปิดตัวโครงการ “I Am Monster” ในวันที่ 7 เมษายน Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ หัวหอกในการฉายต่อหน้าเพื่อนๆ นี่เป็นความพยายามครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย หลังจากพยายามและกลัวมาสิบปีก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องมัน การกลับมาของภาพยนตร์ไทยเรื่อง “Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์” มุ่งกระตุ้นความมั่นใจและสร้างอาณาจักรจักรวาลไทชิของไทยในรูปแบบของภาพยนตร์ท้องถิ่น แต่ผลลัพธ์จะออกมางดงาม และช่องว่างเล็กๆ นี้กำลังจะถูกเปิดเผย ดูหนังออนไลน์
ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ: ชาลิต ไกรเลิศมงคล, ชิตพล เรืองกัลป์
นำแสดงโดย: พิชญะ นิธิไพศาลกุล, ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์, ณัฐชา เดอซูซ่า
ความยาว: 109 นาที
กำหนดฉายในไทย: 28 กรกฎาคม 2022 (ในโรงภาพยนตร์)
เรื่องย่อ
ไลโอโครตแย้ รีวิว เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ ดินแดนสุดแห้งแล้งแถบภาคอีสานในจังหวัดเลยประสบปัญหากับภัยแล้งเป็นประจำทุกปี จึงเกิดกลุ่มคนที่แย่งชิงการขุดเจาะหาแหล่งน้ำบาดาลเกิดขึ้น กลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากการขุดเจาะน้ำบาดาลที่จะสร้างรายได้ให้พวกเขาอย่างมหาศาล เพียงเพราะต้องการหาแหล่งน้ำบาดาลพวกเขาจึงต้องตระเวน เจาะ ขุด หาแหล่งน้ำให้ลึกลงไปถึงชั้นใต้ดิน
แต่ใครจะรู้เลยว่าการขุดเจาะในครั้งนี้จะเปลี่ยนจากดินแดนสวรรค์ให้กลับกลายเป็นนรกในทันที เมื่อสัตว์ประหลาดร้ายสายพันธุ์ดึกดำบรรพ์ตื่นจากการจำศีลเพราะการถูกปลุกจากพวกเขานั่นเอง สัตว์นักล่าสายพันธุ์ใหม่ขนาดมหึมาที่ล่าใครแล้วโอกาสรอดยาก พวกเขาต้องหาทางรับมือกับมันอย่างไม่มีทางเลือก ทางเดียวที่จะรอดคือต้องสู้! เตรียมตัวพบกับความระทึกอุบัติใหม่จากใต้ดิน
หนังมีดีแต่ไปไม่สุด
ก่อนอื่นใดก็คงต้องขอปรบมือชื่นชมให้กับความพยายามมุ่งมั่นในการผลักดันวงการหนังไทยให้ฉีกในทิศทางใหม่ ๆ ที่ไม่ได้วนเวียนซ้ำซากอยู่กับหนังตลกหรือหนังผีไปอยู่เรื่อย ๆ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ เป็นการมาเพื่อหวังจะยกระดับหนังแอคชั่นสัตว์ประหลาดของไทย และยังหวังจะเชิดชูทีมงานผู้สร้างซีจีเทคนิคพิเศษสัญชาติไทยโดยเฉพาะ สิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่น่านับถือเป็นอย่างยิ่งในความมุมานะ แต่กระนั้นผลลัพธ์ของหนังที่ออกมา คงจะต้องเรียนให้ทราบตรง ๆ ว่า…ยังไม่ดีพอ
พูดตามตรงก็คือ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ ยังจัดได้ว่าเป็นหนังไทยที่มอบรสชาติเดิม ๆ ที่คุ้นลิ้นเป็นอย่างดี แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากหนังสูตรสำเร็จเมื่อ 20 ปีก่อน หนังมาพร้อมกับจุดด้อยในหลายองค์ประกอบที่พรุนไปจะทั้งเรื่อง แม้จะอยู่บนพื้นฐานของความสนุกในเรื่องราว แต่มันกลับยังไม่สร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้ดีพอ ซ้ำร้ายยังแทนที่ด้วยความทรมานและน่าอึดอัดรำคาญใจในหลาย ๆ แง่ที่หนังเลือกใส่เข้าม
จุดเด่นและจุดด้อย
จุดเด่นและจุดดีที่สุดก็ต้องยกให้งานออกแบบซีจีเทคนิคพิเศษในหนัง แต่ก็ไม่ใช่ภาพรวมในทุกจุด เราขอยกความดีความชอบให้แค่เพียงการออกแบบตัวละคร น้องแย้ไลโอ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะผู้สร้างออกแบบมาได้ค่อนข้างพิถีพิถันและเก็บรายละเอียดในตัวสัตว์ประหลาดได้อย่างน่าพึงพอใจดี เป็นเดียรัจฉานยักษ์ที่ช่วยเติมเต็มและสร้างความตื่นตาตื่นใจให้หนังได้เป็นอย่างดี
เพียงแต่เสียดายเหลือเกิน เพราะน้องแย้ไลโอไม่มีพลังเพียงพอที่จะมาเป็นนางแบกให้กับหนังเรื่องนี้ และความดีงามในส่วนดังกล่าวก็ไม่สามารถอุดรอยแผลเหวอะหวะของหนังเรื่องนี้ได้เลย นอกจากงานซีจีของน้องแย้แล้ว Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ เหมือนหลงลืมใส่รายละเอียดซีจีในมุมมองอื่น ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่หนังเรื่องนี้น่าจะใช้ซีจีมากกว่า 80% ตลอดทั้งเรื่องด้วยซ้ำ แต่หนังฉากแวดล้อมต่าง ๆ และเอกเฟกต์ที่ใส่เข้ามานั้น ดูประหลาดและโดดไม่เข้ากับเนื้อหนังอยู่หลายจุด
ยังไม่เพียงเท่านั้น Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ ยังอ่อนด้อยในด้านบทหนังที่กลายเป็นความน่าผิดหวังอย่างสิ้นเชิง ใส่รายละเอียดโยงเข้ามาเหมือนจับแพะชนแกะ ประดักประเดิดกันไปหมด แกนเรื่องที่แทบจะไม่มีรากฐานที่แข็งแรงสักนิด ไหนจะต้องมาเผชิญหน้ากับการเล่าเรื่องที่ไร้เสน่ห์ไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งพาร์ทปัจจุบันและพาร์ทอดีต ที่พยายามยัดเยียดความซาบซึ้งเข้ามาเรื่อย ๆ แบบไม่ถูกจังหวะ กลายเป็นความรู้เหมือนนั่งบนรถที่เดี๋ยวเร่งเดี๋ยวเบรกอยู่เรื่อย ๆ ไม่สามารถต่อจูนอารมณ์ไม่ได้เลย
รีวิวหนัง leio โคตรแย้ยักษ์
“Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์” ได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง “ชาลิต ไกรเลิศมงคล” จาก Fatcats Studio ที่เคยฝากผลงานการสรรสร้างความความสมบูรณ์แบบของภาพยนตร์ไทย และละครไทยมาแล้วนับไม่ถ้วน ด้วยฝีไม้ลายมือการทำซีจี (Computer Graphic) หรือ สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ (Special Effect) ระดับแถวหน้าของวงการ และในครั้งนี้ได้ “ชิตพล เรืองกัลป์” ผู้กำกับเอ็มวี และซีรีส์ มากำกับร่วมสร้างมิติใหม่ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน
ไลโอโครตแย้ นักแสดง กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล, ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์, จีน่า-ณัฐชา เดอซูซ่า และ ปาล์ม – ศุภชัย สุวรรณอ่อน
ขณะที่องค์ประกอบของแคสติ้งใน Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ ก็ถือว่าเกือบจะเข้าขั้นหายนะ นอกจากไดอะล็อกบทพูดของตัวละครต่าง ๆ จะแสนเชยและไม่เป็นธรรมชาติแล้ว ยังต้องมาทนคาแรกเตอร์ของตัวละครต่าง ๆ ที่ยั่วโมโหและสร้างความหงุดหงิดใจเพิ่มขึ้นไปอีก บทหนังที่แทบจะไม่ส่งไปถึงนักแสดงเลย ทำให้การแสดงของนักแสดงแต่ละท่านแทบหาจุดเด่นไม่ได้ เสมือนเอามาเพื่อเพียงเป็นเหยื่อล่อเป้าให้น้องแย้จะเขมือบเท่านั้น
ไม่ใช่ว่า “กอล์ฟ พิชญะ” หรือ “ฟาง ธนันต์ธรณ์” จะมอบการแสดงที่แย่ เพียงแต่การเชื่อมต่อของบทหนังกับองค์ประกอบอื่น ๆ ไม่ได้ไปในทิศทางที่คล้อยตามกัน ผลลัพธ์จึงออกมาไม่ค่อนข้างอภิรมย์เท่าไหร่ เหมือนดูการแสดงของพวกหนังเกรดบี หรือหนังแผ่นสมัยก่อนประมาณนั้น โดยที่ไม่ไหลลื่นและไร้เสน่ห์ชอบกล ร้ายที่สุดคือบทพูดที่จับมาให้ต่อบทกัน กลายเป็นการสร้างความรำคาญในตัวละครนั้น ๆ และยังเป็นการทำลายเคมีของนักแสดงได้อย่างน่าเสียดาย
ดูเหมือนนี่จะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของหนังสัตว์ประหลาดสูตรสำเร็จ ที่มักจะสร้างพาร์ทของตัวละครที่เป็นมนุษย์ที่ค่อนข้างไม่แข็งแรง แต่กลับมีจุดแข็งที่ส่วนของงานสร้างสัตว์ประหลาดมากกว่า Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ ก็คือมีผลลัพธ์ออกมาเช่นนั้น ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าทีมงานผู้สร้าง 2 ผู้กำกับ “ชาลิต ไกรเลิศมงคล” และ “ชิตพล เรืองกัลป์” ต่างเป็นคนทำงานด้านซีจีเทคนิคพิเศษมาก่อน และมาจับงานกำกับเป็นครั้งแรก ทำให้องค์ประกอบซีจีพอใช้ได้ แต่ส่วนอื่น ๆ ยังไม่ถึงพริกถึงขิงสักชิ้นเลย
รีวิวหนัง leio โคตรแย้ยักษ์
อาจกล่าวได้ว่า ไลโอโครตแย้ เต็มเรื่อง037 นี่เป็นความพยายามในการเปิดจักรวาลของไทชิ และผลลัพธ์ก็ค่อนข้างจะไม่สมบูรณ์ องค์ประกอบหลายอย่างของภาพยนตร์ยังคงมีข้อบกพร่องอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าการออกแบบ CG นั้นยอดเยี่ยมและผ่านได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสนับสนุนหนังเรื่องนี้ทั้งเรื่องแม้ว่าผมจะไม่หวังอะไรกับหนังเรื่องนี้ก็ตาม แต่ปรากฏว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจทำให้ผู้ชมผิดหวังอย่างมาก
บอกตรงๆ พอเห็นตัวอย่างก็อดนึกถึงหนังสัตว์ประหลาดในตำนาน “The Tremor” หรือชื่อไทยว่า ‘ฑูตนรกล้านปี’ หนังฮอลลีวูดบีเน้นเรื่องสัตว์ประหลาดใต้ดิน เล่น Wacky ตัวละครที่ดูเหมือนห่างไกลจากวีรบุรุษ และวางแผนในทะเลทรายอันแห้งแล้งของที่อยู่อาศัยเพื่อเล่นกับความไม่เท่าเทียมกันที่แท้จริง เป็นมนุษย์ที่บุกเข้าไปในบ้านเกิดและพยายามเล่นเป็นพระเจ้าจนกว่าพวกเขาจะต้องหาทางเอาตัวรอด แต่สำหรับ “ไลโอ” สคริปต์ไม่ได้ให้ข้อมูลที่โหดร้ายแก่เรามากไปกว่าการพยายามอวดฉากเปิดของคุณ สัตว์ประหลาดลึกลับ หนังไม่เจาะลึกหรือพยายามพูดถึงเจ้าแย้
ทั้งในฐานะสัตว์ประจำถิ่นหรือไปกล่าวถึงความผิดปกติที่มนุษย์กระทำจนมันกลายเป็นมอนสเตอร์ประจำเรื่อง ส่วนหนึ่งก็ทำให้มันดูลึกลับดีแต่กับคนดูหนังที่ต้องการข้อมูลสักหน่อยว่าเอ้อ … มันโดนสารเคมีหรืออะไร หรือมันจะแก้แค้นมนุษย์ที่จับมันย่างกินอะไร หนังก็ไม่ใส่ใจจะบอกเล่าตรงนี้นักเลยทำให้สถานะของมันไม่น่าจดจำเท่าไหร่ในแผนภูมิมอนสเตอร์บนจอภาพยนตร์
แต่หนังกลับพยายามนำเสนอชีวิตของเก้าไปในทางสำนึกรักบ้านเกิด ก็กลายเป็นหนังคนละม้วนและยิ่งไปกันใหญ่เมื่อเขาและเจนเดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดเลย แล้วหนังพยายามโยงกลับไปฉากแฟลชแบ็กในอดีตที่เกี่ยวพันกับคุณปู่ที่เคยสอนเรื่องการใช้ชีวิตโดยอาศัยบทเรียนการขุดเจาะน้ำบาดาลรวมถึงการพบกันสมัยวัยเยาว์ของเก้ากับฝนเพื่อพยายามปูให้เราผูกพันกับเก้า เพื่อปูว่าเขามีความรู้มากพอจะเข้าแข่งขันในครั้งนีั้
และอีกจุดหนึ่งคือซีนดราม่าที่โยงมาจากแฟลชแบ็ก คือปมที่ทำให้เก้าหนีจากบ้านเกิดเพื่อไปเป็นศิลปินในกรุงเทพ ซึ่งตรงนี้ยอมรับเลยว่า กอล์ฟ-พิชญะ ให้การแสดงที่เราพอจะอยากเอาใจช่วยตัวเอกอยู่บ้าง ทั้งการแสดงความผิดบาป ความโกรธและความน้อยใจปู่ของเขาที่แฟลชแบ็กพยายามปูมา แม้จะต้องยอมรับล่ะว่าการแคสติงนักแสดงในฉากแฟลชแบ็กทั้งตัวเก้าและฝนนี่แทบไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับนักแสดงตอนโตเลยจนเหมือนฉากโฆษณาสำนึกรักบ้านเกิดที่มาแทรกอยู่ในหนังอย่างแปลกปลอม
ส่วนที่หนังนำเสนอ
อีกส่วนที่หนังอย่าง ‘ไลโอ’ พยายามนำเสนอคือเรื่องการเมืองและชนชั้นโดยใส่ตัวละครเสี่ยหมี ที่แสดงโดย พงศ์เทพ อนุรัตน์ เศรษฐีผู้มีอิทธิพลในวงการขุดเจาะเข้ามาพร้อมกับตัวละครสมทบอย่างผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดูจะเป็นใจกับความหื่นของเสี่ยหมีที่ต้องการเข้าร่วมการขุดเจาะครั้งนี้เพียงเพื่อจะใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดกับฝนเท่านั้น ซึ่งส่วนนี้ทำให้เห็นเลยว่าหาก ‘ไลโอ’ ทะเยอทะยานกว่านี้ในด้านบทมันจะกลายเป็นหนังมอนสเตอร์ที่ผูกโยงเรื่องการเมืองชั้นดีได้แบบ ‘The Host’ ของบงจุนโฮได้เลยแต่หนังก็แตะแค่ผิวเผินจนน่าเสียดายไม่น้อย
ทีนี้จุดที่เป็นจุดบอดของหนังจริง ๆ คือการนำเสนอความโง่ของตัวละครได้อย่างไม่ชาญฉลาดนี่แหละครับ คือจริง ๆ หนังประเภทนี้ออกตัวก่อนว่าความโง่ของตัวละครคือต้นธารความสนุกอย่างหนึ่งนะครับ แต่ทีนี้นอกจากฉากความโง่ที่ตัวละครหมั่นทำให้ตัวเองถูกฆ่าแล้ว อีกจุดที่ไม่น่าให้อภัยเลยคือการวางคาแรกเตอร์ให้ ‘ขายขำ’ที่ดูเหมือนหลุดจากหนังไทยยุค 90s ต้น ๆ ทั้งบทพูดที่ดูแปลกประหลาดหรือการกระทำชวนงงหลายอย่างโดยเฉพาะตอนอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่ตัวละครย้ำเหลือเกินให้เงียบ..แต่กลับโปรเจกต์เสียงกันออกมาราวกับจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และยังไม่พอการวางซับพล็อตอย่างความรักระหว่างเก้ากับฝนก็ไม่มีอะไรนำพาให้เรารู้สึกอยากเอาใจช่วยพวกเขาสักเท่าไหร่ และก็โชคร้ายล่ะครับที่ภาพยนตร์ที่น่าจะผลักดันอาชีพนักแสดงให้กับ ฟาง – ธนันต์ธรญ์ ได้กลับทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญไปอย่างน่าเสียดายทั้งที่เธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้งานวิชวลในหนังไม่แห้งแล้งไปด้วยเหล่าชายหนุ่มจนเกินไปด้วยนะ แต่การมีฟาง-เฟย์ ฟาง แก้ว ก็ไม่ช่วยให้หนังสนุกเหมือนเพลงค่ายกามิกาเซ่ที่เธอเคยร้องแต่อย่างใด
โดยรวมแล้วต้องยอมรับว่า ‘ไลโอ โคตรแย้ยักษ์’ ยังไม่ใช่งานหนังมอนสเตอร์ที่เราจะแนะนำได้ว่าเป็นหนังดูสนุกหรือยอดเยี่ยม ร้าย ได้ ไล่ โอ โค ร ต แย้ หรือกระทั่งงานซีจีที่อุตส่าห์พะยี่ห้อ Fat Cat Studio ก็ยังยอมรับว่าดูไปก็อดส่ายหัวไปไม่ได้ (ขออภัยด้วยที่ต้องพูดตรง ๆ นะครับ) แต่ก็ยังคาดหวังกับงานชิ้นต่อไปของเนรมิตรหนังฟิล์มนะครับทั้ง ‘แสงกระสือ ๒’ หรือ ‘The 100’ ที่จะให้ความสำคัญกับบทภาพยนตร์มากขึ้นโดยเฉพาะการที่มันต้องพ้นกับดักว่าหนังไทยต้องขายตลก ที่กลายเป็นจุดทิ่งแทงให้หนังปฐมบทมอนสเตอร์เวิร์สเรื่องแรกของไทยกลายเป็นงานที่เราไม่อาจแนะนำให้ใครดูได้อย่างเต็มปาก