รีวิวหนัง skylines
ประเภท: แอคชั่น / ไซไฟ / ผจญภัย
ผู้กำกับ: เลียม โอ’ดอนเนล
นำแสดงโดย: ลินด์เซย์ มอร์แกน, โจนาธาน โฮเวิร์ด, ดาเนียล แบร์นฮาร์ด
ความยาว: 103 นาที
เข้าฉาย: 25 กุมภาพันธ์ 2021
รีวิวหนัง กลับมาอีกครั้ง… เพื่อเติมเต็มเป็นหนังไตรภาคฉบับสมูบรณ์ หนังสงครามฝ่าฟันระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยนที่ไม่น่าเชื่อว่าจะยังคงเป็นหนังในแฟรนไชส์หนังแอคชั่นไซไฟนอกสายตาที่ยังคงได้ไปต่ออยู่ถึงปัจจุบัน เรากำลังพูดถึง “Skylines สกายไลน์ 3 สงครามถล่มจักรวาล” ที่วางตัวเป็นหนังมหาสงครามจักรวาลที่ใช้ทุนน้อยๆ แต่เน้นฮุกหมัดใส่หนักๆ แต่ภาคนี้จะยังคงไปต่อไหวหรือไม่…?
ก่อนอื่นคงจะต้องสารภาพกับผู้อ่านก่อนว่า หนังไตรภาคชุด Skyline เรื่องนี้ จำได้ว่าเคยดูภาคแรกที่ออกฉายในปี 2010 ตอนนั้นยังเป็นแค่หนังเอเลี่ยนบุกโลกธรรมดาๆ ที่ใช้ทุนไม่เยอะแต่งานสร้างออกมาค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าตัวหนังจะไม่ได้ดิบดีอะไรเลย เพราะดังนั้นเมื่อภาคที่ 2 ตามออกมาใน 6-7 ปีถัดมา ยอมรับว่าไม่เคยดูภาคนี้มาก่อน แต่ดันข้ามมาดูภาคที่ 3 เลย skylines ภาค1
แต่ทั้งนี้ก็พอจะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับสรรพคุณในภาคที่แล้วมาพอประมาณ ดังนั้นจึงจะขอยกเว้นไม่นำหนังในแต่ละภาคมาเปรียบเทียบกัน บทวิจารณ์หนังในครั้งนี้จะเน้นเฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน สกายไลน์ 3 ภาคนี้เพียงเท่านั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็ถือว่าไม่ดี แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ตามประสาหนังแอคชั่นไซไฟที่ไม่ใช่มีทุนสร้างซับพอร์ตอะไรมากมายนัก รีวิวหนัง netflix
เรื่องย่อหนัง skylines
หนังเปิดฉากมาด้วยการเล่าย้อนสรุปใจความคร่าวๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคที่ 2 ในจุดนี้ถือว่าเป็นส่วนที่น่าพอใจ สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามหรือดูภาคที่แล้วมาก่อน เป็นการเล่าเหตุการณ์แบบย่อๆ ไม่ลงรายละเอียดมาก และยังเป็นการแนะนำตัวละครเอาไว้ในเบื้องต้นด้วย แน่นอนตัวละครหลักอย่าง ‘กัปตันโรส’ นักสู้สาวที่ไม่ใช่มนุษย์เสียทีเดียว ที่นำแสดงโดย “ลินด์เซย์ มอร์แกน” กลับมารับบทเดิม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Skylines เรื่องนี้นั้น เป็นช่วงเวลาหลายปีผ่านไป หลังจากที่มนุษย์ต่างดาวบุกโลก อดีตนักฆ่าจากนอกโลกได้เปลี่ยนแปลงชีววิทยาของตน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างสงบสุข แต่เมื่อไวรัสร้ายปรากฏขึ้น มนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ก็เริ่มเปลี่ยนกลับไปสู่การล่าฆ่ามนุษย์โดยไม่อาจหยุดยั้งได้ เพื่อกอบกู้โลก กัปตันโรส คอร์ลีย์ ลูกครึ่งมนุษย์-เอเลี่ยนผู้มีพลังพิเศษ ต้องนำทีมทหารชั้นยอดออกปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายสุดขอบอวกาศ ณ ดาวเคราะห์ของเอเลี่ยนกลุ่มนั้น เว็บดูหนัง,ดูหนัง,เว็บหนัง
ต้องยอมรับว่างานสร้างของหนัง Skylines นั้น ไม่ได้ดีเลิศเพอร์เฟคอะไร ซ้ำยังดูเป็นงานสร้างแนวๆ หนังเกรดบีด้วยซ้ำ แต่โดยภาพรวมก็ไม่ถือว่าย่ำแย่ถึงขั้นน่าเกลียดอะไร ก็ยังมีบางฉากบางมุมที่ซีจีอาจหลุดบ้าง ลอยออกมาบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็น
รีวิวหนัง skylines
จุดด้อยที่มองข้ามไปได้อยู่ ขณะที่ฉากต่างๆ ทั้งยานอวกาศ ดาวเคราะห์เอเลี่ยน หรือศูนย์อพยพ ทุกอย่างล้วนดูจงใจออกมาเป็นฉากไปสักหน่อย
แต่ปัญหาหลักๆ ของหนัง Skylines ก็คิดว่ายังคงเป็นเรื่องของบทหนัง แม้ว่าหนังจะมีประเด็นที่ค่อนข้างชัดเจน แต่การเล่าเรื่องและนำเสนอในหลายๆ องค์ประกอบกับทำได้ไม่สุดสักทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในส่วนหลัก และเรื่องราวในส่วนรอง ทุกอย่างดูเหลือเชื่อและทำให้ไม่รู้สึกคล้อยตามท้องเรื่องสักเท่าไหร่ แม้ว่าหนังจะค่อนข้างสร้างคาแรกเตอร์ของแต่ละตัวละครออกมาได้ค่อนข้างดี แต่กลับยังนำมาใช้งานได้ไม่ดี
ในขณะที่บทหนังเป็นจุดอ่อนของหนังนั้น มาผนวกกับลีลาการแอคติ้งแบบขาดๆ เกินๆ ของทีมนักแสดง ที่ดูเหมือนว่าจะออกลีลาบู๊ได้ดีกว่าซีนไหนๆ ทำให้ทุกอย่างออกมาดูเป็นโอเวอร์แอคติ้งและดูเหมือนนั่งดูลิเกไปสักหน่อย บนพื้นฐานการนำเสนอเรื่องราวที่ค่อนข้างแบนราบและไร้มิติ cities skylines ทุกภาค
คนดูน่าจะพอเดาทิศทางของหนังได้ตั้งแต่ออกสตาร์ท เพราะว่าบทหนังที่ดูเบาโหว่ง และสามารถเดาเรื่องราวได้ไม่ยากเลย แต่ทั้งนี้ก็ยังถือว่า Skylines ว่าเป็นหนังที่มอบความบันเทิงให้กับคนดูได้ดีระดับหนึ่ง หนังดูเพลินได้เรื่อยๆ แต่ก็มีบางช่วงที่อาจจะแอบเผลอสัปหงกไปได้ชั่วครู่
ผู้กำกับเรื่อง skylines
รีวิวหนัง skylines สงครามถล่มจักรวาล ยังคงเป็นฝีมืองานสร้างของผู้กำกับ “เลียม โอ’ดอนเนล” ที่ใกล้ชิดหนังชุดนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น แม้ว่าประสบการณ์งานกำกับของเขาจะยังมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น แต่เขาก็พยายามที่จะประคองหนังทั้งเรื่องเอาไปให้ตลอดรอดฝั่ง
ขณะที่ทีมนักแสดงก็ถือว่าน่าพอใจ แม้ว่าส่วนใหญ่จะถนัดคิวบู๊เป็นพิเศษ แต่ทุกคนล้วนแต่มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนดี ไม่ว่าจะเป็น ลินด์เซย์ มอร์แกน, โจนาธาน โฮเวิร์ด, ดาเนียล แบร์นฮาร์ด, โรห์น่า มิตรา หรือ เจมส์ คอสโม แต่น่าเสียดายที่ตัวละครของพวกเขาแทบไม่น่าจดจำเลย
โดยสรุปแล้ว Skylines สกายไลน์ 3 สงครามถล่มจักรวาล ถือว่าเป็นหนังแอคชั่นไซไฟที่น่าสร้างความบันเทิงได้ระดับหนึ่ง หนังยังเต็มไปด้วยข้อบกพร่องเต็มไปหมด ด้วยบทหนังที่ไร้มิติ การนำเสนอตัวละครต่างๆ ที่ไร้ความจดจำ และงานสร้างที่พอใช้ได้ แต่ก็ออกมาไม่ได้สมบูรณ์แบบแต่อย่างใด ถ้าหากว่าใครติดตามแฟรนไชส์หนังชุดนี้มาตั้งแต่ต้น ภาคนี้ก็น่าจะเป็นอีกภาคที่น่าติดตาม และหนังยังปูทางไปสู่ภาคใหม่เอาไว้อย่างเซอร์ไพรส์ด้วย
รีวิวหนัง skylines
skylines 1 พากย์ไทย สงครามสกายไลน์ดูดโลก ภาค 3 และเมื่อมีไวรัสที่รุนแรงจะเข้ามาทำลายล้างโลกของเรา และอาจเป็นจุดเปลี่ยนลูกผสมต่างดาวที่เธอเป็นมิตรกับมนุษย์ในปัจจุบันอย่างกัปตัน “โรสคอร์ลีย์ ” เขาต้องนำทีมของเขาทหารรับจ้างที่มีฝีมือฉกาจ เพื่อออกปฎิบัติภารกิจครั้งใหญ่ไปยังต่างดาวเพื่อจะกอบกู้โลกและมวลมนุษย์ชาติที่เหลืออยู่และในส่วนของภาค 3 จะเป็นการกลับมาของนักแสดงสาวสวยอย่าง Lindsey Morgan ที่เธอเคยฝากผลงานที่ฝีมือดีมาแล้วในหนังเรื่อง The 100 และในเรื่องนี้เธอจะมารับบทเป็น Rose Corley และในภาคนี้จะมีเหล่านักแสดงหน้าใหม่ ที่จะเข้ามาร่วมสร้างความ
มันส์ความสนุกให้แก่คนดูไม่ว่าจะเป็น “Jonathan Howard” (Godzilla King of Monsters) “Alexander Siddig” (Game of Thrones) “Rhona Mitra”(Underworld Rise of the Lycans) Daniel Bernhardt (John Wick)และ “James Cosmo” (Chernobyl)ใน Skylin3s และเนื่องจากมีสถานการณ์จากไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดที่สามารถล้างคนทั้งโลกได้ ต้องพึ่งลูกครึ่งสาวอย่าง Rose Corley และทีมของเขาทหารชั้นยอดจะเข้ามาร่วมทำภารกิจ ที่มีชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อจะกำจัดเหล่าเอเลี่ยนที่เข้ามาทำลายล้างโลก และปกป้องเหล่ามนุษย์โลกที่ยังคงมีชีวิตอยู่ดูอัพเดทหนังใหม่ รีวิวหนังสนุกน่า ดูสปอยหนัง แนะนำหนังน่าดูตลอดกาล สามารถติดตามได้ได้ที่เว็บไซต์ของเราได้เลย
ความรู้สึกหลังดู skylines
รีวิวหนัง skylines สิ่งแรกที่คนอาจสงสัยคือถ้าไม่ดูภาค 1 – 2 มาจะดูภาคนี้รู้เรื่องหรือไม่ ต้องบอกเลยว่าตัวหนังมีการ Recap เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาสั้นๆ ให้เห็นภาพรวมที่เกิดขึ้น
SKYLINES 3 แม้มีแผลเรื่องของบทและการเล่าเรื่อง แต่ฉากแอคชั่นก็ทำออกมาได้สนุกทีเดียว ขอบเขตของหนังที่ดูเหมือนจะขยายกว้างขึ้นกว่าสองภาคแรก แต่ดันรู้สึกเงียบเหงา จากทุนสร้างของเรื่องที่น้อยนิด ทำให้บทที่ดูยิ่งใหญ่ ออกมาเป็นงานสร้างที่ดูเงียบเหงา แต่งานภาพ CGI ถือว่าทำได้ดี
ทุนสร้างของ cities: skylines จะดูไม่สู้เท่าหนังเอเลี่ยนบล็อกบัสเตอร์ส่วนใหญ่ที่ใช้ทุนสร้างมหาศาล แต่ก็ยังพาแฟรนไชส์มาจนถึงภาค 3 ที่เป็นบทสรุปของเรื่องนี้ หลายอย่างยังดูขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง แต่ก็แลกมาด้วยความมันส์กับฉากแอคชั่นเลือดสาด คิวบู๊ที่ดูสนุกจัดเต็ม ทำคนหัวหลุดเป็นว่าเล่น เห็นขาขาดกันแบบเน้นๆ เลือดทะลัก ซึ่งอาจจะถูกใจแฟนๆ สายฮาร์ดคอร์อยู่ไม่น้อย
โดยรวม SKYLINES 3 เป็นหนังที่คอนเซ็ปต์ดูดี แหวกขนบธรรมเนียมเดิมๆ ที่เอเลี่ยนต้องมาบุกโลกเราเท่านั้น แต่ภาคนี้เราไปบุกดาวเอเลี่ยนแทน ซึ่งถ้าดูจากประเด็นหนังของภาคนี้ และการตั้งคำถามที่ว่าถ้าเราไปบุกดาวอื่น เราก็ไม่ต่างจากเอเลี่ยนเสียเอง รวมถึงความจงเกลียดจงชังที่มนุษย์มีต่อเอเลี่ยน
แต่ตัวหนังให้น้ำหนักไปที่ฉากการแอคชั่นมากกว่า ทำให้สิ่งที่เป็นประเด็น Build up ขึ้นมา ดูเบาบางมาก กลายเป็นว่าคอนเซ็ปต์ที่ดูเหมือนจะดี ดันมาตกม้าตายเพราะวิธีการนำเสนอที่เดาง่าย ตัวร้ายที่เห็นมาแต่ไกลเลยว่าเอ็งร้ายแน่ๆ หรือแม้แต่ตัวละครเอกที่แข็งราวกับไม้ยืนต้น กับบทที่พยายามปั้นให้ตัวละครดูเท่ดูคูลตลอดเวลา หรือปมบางอย่างที่คนดูน่าจะเดาได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ว่ามันจะไปจบอย่างไร
สิ่งที่ทำให้ขัดใจที่สุดของหนังเรื่องนี้คือ บางอย่างที่ตัวละครบอกไว้ แต่ไม่มีตัวละครไหนทำตาม เช่น มีคนบอกกว่าตัวเอเลี่ยนเกราะหนามาก ให้ยิงไปที่ดวงตาของมันเป็นจุดอ่อน แต่พอถึงเวลาจริงๆ แทบไม่มีใครสนใจคำแนะนำนั้นเลย รวมถึงไอ้คนแนะนำก็ไม่ทำตามด้วย การคลายปมปัญหาบางอย่างที่ดูจะง่ายดายเกินไป ทำให้เรายังไม่รู้สึกอินกับบทเท่าที่ควร