รีวิว ก็อดซิลล่า 2: ราชันแห่งมอนสเตอร์
รีวิวหนัง ก็อตซิลล่า 2 ราชันแห่งมอนสเตอร์
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ของจักรวาลอสุรกายยักษ์ MonsterVerse กันแล้ว
ตัวหนังเล่าเรื่องต่อเนื่องโดยตรงจากหนังภาคแรก (ปี 2014) ของศึกใหญ่ใจกลางกรุงซานฟรานซิสโกระหว่างก็อตซิลล่าและมุโตะ ก่อความเสียหายและความสูญเสียอย่างมหาศาล แถมยังเป็นการเปิดตัวของสัตว์ประหลาดยักษ์แก่สายตาชาวโลกว่าพวกมันมีอยู่จริง องค์กรโมนาร์คที่ทำหน้าที่ศึกษาวิจัยสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ก็ต้องออกมายอมรับถึงเหตุผลที่พวกเขาปกปิดเรื่องสัตว์พวกนี้ไว้เป็นความลับ รอการไต่สวนจากสมาชิกวุฒิสภาเกี่ยวกับเหล่าสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า “ไททัน”
ตัวหนังเองก็เล่าเรื่องของครอบครัวที่ทำงานให้กับองค์กรโมนาร์ค สืบเนื่องจากเหตุการณ์ของศึกในหนังภาคแรก ทำให้ดร.มาร์กผู้เป็นพ่อต้องลาออกจากองค์กรและหย่าร้างกับภรรยา ดร.เอ็มม่า ทิ้งให้เธอเลี้ยงดูลูกสาว แมดิสัน อยู่เพียงลำพัง จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันเกี่ยวกับงานวิจัยของดร.เอ็มม่าที่มีองค์กรก่อการร้ายที่มีความเกี่ยวโยงกับการปลดปล่อยเหล่าไททันที่จำศีลอยู่ทั่วโลก ซึ่งนำพาไปถึงการสูญพันธ์ของมนุษยชาติ
หนังเสิร์ฟความสนุกสนานแบบไม่บันยะบันยังตั้งแต่ต้นยันจบ เป็นมาราธอนแอ็คชั่นสัตว์ประหลาดที่ซัดกันแบบจัดเต็ม 2 ชั่วโมง ฉากสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์ที่ตระการตาและสวยงาม เป็นการอัพเกรดตัวละครไททันจากอดีตของหนังก็อตซิลล่า ให้ผงาดอย่างยิ่งใหญ่สมกับงบต้นทุนที่สร้างโดยสตูดิโออเมริกัน พูดได้เต็มปากว่าความบันเทิงที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ คือฉากต่อสู้ของเหล่าบรรดาไททันทั้งหลายก็ไม่ผิด ถึงแม้หนังจะมีโทนที่จริงจังซีเรียสพอๆ กับภาคแรก แต่ก็ยังสามารถลงจังหวะหยอดมุขจากบทพูดของตัวละครในเรื่องมาเรียกเสียงหัวเราะให้คนดูได้เรื่อยๆ ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
แถมหนังยังมีเซอร์วิสให้เหล่าบรรดาแฟนๆ ก็อตซิลล่าได้ยิ้มกัน ไม่ว่าจะเป็นการหยอด Easter Egg ที่โยงไปถึงการคารวะหนังเวอร์ชั่นเก่ามากมาย ใครที่เป็นแฟนของหนังก็อตซิลล่าอยู่แล้ว ถ้าเก็ตสิ่งที่หนังตั้งใจแอบใส่มาจะต้องมีความสุขระหว่างรับชมแน่นอน หรือดนตรีประกอบของเวอร์ชั่นเดิมที่นำมาประพันธ์ในรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งทำออกมาได้ยิ่งใหญ่จนน่าขนลุก
รีวิว ก็อดซิลล่า 2: ราชันแห่งมอนสเตอร์
ก็อตซิลล่า และเหล่าบรรดาไททันตัวอื่นได้แก่ มังกรทองสามหัว คิง กิโดร่า,ราชินีแห่งสัตว์ประหลาด มอธร่า และ ปีศาจเพลิง โรแดน ต่างก็ได้มีบทบาทที่เด่นแตกต่างกันไปของตัวเอง ซึ่งพวกมันก็แสดงพลังของแต่ละตัวออกมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวละครไคจูคลาสสิกจากญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากแฟนๆหนังก็อตซิลล่าทั่วโลก พลังความสามารถของแต่ละตัวได้ปล่อยออกมาจัดเต็มในซีเควนส์แต่ละช่วงของพวกมัน แต่ที่จะได้มีบทเด่นที่สุดของหนังเป็นใครไม่ได้นอกจากเจ้าก็อตซิลล่าเอง และศัตรูคู่อริตลอดกาล คิง กิโดร่า ทั้งคู่เป็นดั่งแบทแมนและโจ๊กเกอร์ที่อยู่คู่กันมาตลอดถ้าหากกล่าวถึงตัวละครสัตว์ประหลาดคู่ต่อสู้ของก็อตซิลล่าตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
ถ้าจะให้พูดถึงด้านลบของหนัง คงไม่พ้นพล็อตย่อยของตัวละครที่เกินความจำเป็น และค่อนข้างน่าเบื่อ ดราม่าครอบครัวที่หนังเล่ามาขาดความน่าสนใจจนพูดได้ว่าจืดสนิท หรือมันอาจถูกกลบด้วยบรรดาฉากแอ็คชั่นสัตว์ประหลาดที่ถาโถมใส่หน้าคนดูแบบไม่ยั้งอยู่แล้ว ตัวละครมนุษย์ส่วนมากในหนังมิติแบนราบ เหมือนมีหน้าที่คือแค่ออกมาอธิบายข้อมูลแบบแข็งทื่อในแต่ละฉากที่ไททันแต่ละตัวปรากฎออกมา ถ้าหากรวมการบาลานซ์ของพาร์ทตัวละครมนุษย์และพาร์ทของเหล่าไททันแล้ว มันทำออกมาได้ค่อนข้างย่ำแย่ ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก
ความโดดเด่นของ Godzilla II: King of the Monsters คือฉากการต่อสู้ปะทะกันระหว่างสัตว์ประหลาดหรือไคจูในเรื่อง ยังไม่รวมไปถึงฉากที่ตัวละครเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นมาบนจอภาพยนตร์เป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นฉากที่มอธร่าออกมาจากไข่เป็นครั้งแรกในช่วงต้นเรื่อง กิโดร่าที่ถูกแช่แข็งอยู่ในก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ โรแดน นกยักษ์ที่กำเนิดออกมาจากหินลาวา และอีกมากมายหลายฉากล้วนแล้วแต่ชวนตราตรึงและน่าจดจำ
ตรงกันข้ามกับตัวละครมนุษย์ในเรื่อง ที่มีลักษณะค่อนข้างน่ารำคาญ แสดงใหญ่โตโอเวอร์แอ็คติ้งกันอยู่ตลอดเวลาประหนึ่งว่า ทีมกำกับการแสดงบรีฟให้พวกเขาเล่นใหญ่ในระดับเดียวกับความสูงของก็อดซิลล่า! ยังไม่รวมไปถึงบทภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องดราม่าครอบครัว ที่นำพาเหตุการณ์ทั้งหมดไปสู่หายนะระดับโลก! เราคงไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า แนวคิดการก่อการร้ายเชิงนิเวศที่ต้องไปปลุกเหล่าไคจูให้ลุกขึ้นมาฟาดฟันกันเพื่อปรับสมดุลของธรรมชาตินั้นเป็นแนวคิดที่ไม่ค่อยดูมีสติสัมปชัญญะสักเท่าไหร่ สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ทำให้เรามองเห็นว่าความไม่อบอุ่นภายในครอบครัวนั้น อาจจะนำมาซึ่งปัญหาที่ลุกลามบานปลายใหญ่โตจนเกินควบคุม
วิธีการกำกับภาพยนตร์ของผู้กำกับไมเคิล โดเฮอร์ตี้ ซึ่งโด่งดังและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองด้วยการกำกับหนังสัตว์ประหลาดวันคริสต์มาสเรื่อง Krampus (2015) โดยฉากที่ตัวประหลาดออกไล่ล่าตัวละครมนุษย์นั้นเขาทำออกมาได้อย่างโดดเด่น ตื่นเต้น และชวนลุ้นระทึก แต่เมื่อเขาพยายามจะกำกับฉากดราม่าของตัวละครมนุษย์กลับดูสะเปะสะปะ เช่นเดียวกันกับตัวละครมนุษย์ในหนังเรื่อง Godzilla II: King of the Monsters ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
ประกอบกับ Godzilla II: King of the Monsters นั้นมีคาแรกเตอร์ตัวละครมนุษย์ที่หนังต้องแวะเล่าเพื่อให้ความสำคัญมากมายก่ายกองไปหมด พวกเขาจึงถูกนำเสนอแบบลวกๆ ว่าใครเป็นใคร มาจากไหนมีหน้าที่อะไรในหนังเรื่องนี้ แต่หนังลืมที่จะให้เวลากับตัวละครและผู้ชมในการสร้างความผูกพันและอยากจะเอาใจช่วยยามที่พวกเขาต้องเสียสละในการทำภารกิจเสี่ยงอันตราย หรือต้องตัดสินใจเพื่อสละชีวิตของตนเองเพื่อส่วนรวม (กระทั่งจบเรื่องมีตัวละครหลักของเรื่องถูกกำจัดตายไปมากกว่า 1 คน เรายังไม่รู้สึกรู้สาอะไร แถมบางคนตอนที่พวกเขาตายไปเรายังแอบคิดเลยด้วยซ้ำว่าทำไมไม่ตายให้ไวกว่านี้!)
โดยภาพรวมแล้ว Godzilla II: King of the Monsters เป็นหนังที่ไม่ได้ขี้เหร่หรือเลวร้ายแต่อย่างใด ท่ามกลางฉากแอ็คชั่นที่ดูสนุกและตื่นตาตื่นใจ ถูกหักคะแนนจากบรรดาฉากดราม่าครอบครัว และพาร์ทตัวละครมนุษย์ที่แสนจะน่ารำคาญ และชี้ให้เราเห็น ความพินาศในโลกนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์” หาใช่สัตว์ประหลาด!
ท่าทางจะประตูบานใหญ่ที่ตั้งใจเปิดออกสู่ “Monsterverse” ดูจะมีวี่แววไม่ดีเสียแล้ว กับโปรเจกต์สำคัญของค่ายลีเจนดารี่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่คาดหวังจะมีจักรวาลเป็นของตัวเอง ด้วยการซื้อสัญญาร่วมกับโตโฮ ค่ายหนังใหญ่ของญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของตัวประหลาดยักษ์มากมายในจักรวาลก็อดซิลล่าของเขา ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ยุค 60s หลังจากปูทางมาตั้งแต่ Godzilla (2014) ต่อเนื่องมาถึง Kong : Skull Island (2017) แล้วก็ถือโอกาสเปิดตัวเต็ม ๆ ว่านี่คือการเปิดจักรวาลสัตว์ประหลาดยักษ์ ด้วยการดึงเหล่าตัวประหลาดยักษ์ของโตโฮมาโชว์โฉมกันเพียบทั้งก็อดซิลล่า , คิงกิโดราห์ , ม็อธร่า และ โรดัน แถมยังมีอีกหลายตัวที่มาเดินโชว์โฉมแต่ไม่ได้มีการแนะนำชื่อเสียงเรียงนามให้ได้รู้จัก
หนังสานต่อเรื่องราวจาก Godzilla (2014) ตามช่วงเวลาจริง หนังเว้นห่างกัน 5 ปี เหตุการณ์ในหนังก็ห่างกัน 5 ปี หลังจากการปรากฏตัวของ ก็อดซิลล่า วิทยาการขององค์กรโมนาร์ชก็พัฒนาขึ้น สามารถค้นเจออสูรยักษ์ที่หลบซ่อนอยู่ตามมุมต่างๆ ของโลกได้ถึง 17 ตัว และภายในช่วง 5 ปีนี่ ดร.เอ็มม่า ก็สามารถพัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถสร้างคลื่นความถี่ที่สามารถติดต่อสื่อสารกับอสูรยักษ์ได้ เรียกอุปกรณ์นี้ว่า “ออการ์” เว็บดูหนังออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง
ในระหว่างที่ใช้ออการ์สื่อสารกับม็อธร่า โจนาห์ อลัน หัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายก็มาชิงออการ์และจับตัว ดร.เอ็มมา กับเมดิสัน ลูกสาวไป และใช้ออการ์ในการปลุกอสูรยักษ์ทั่วโลก ทำให้ก็อดซิลล่าต้องลุกขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อกำราบเหล่าอสูรยักษ์ทั่วโลก และหนึ่งในนั้นคือ คิงกิโดร่า มังกร 3 หัว คู่ปรับตลอดกาลของก็อดซิลล่า ที่รอบนี้เล่นเอาพี่ก็อดเกือบแย่อยู่หลายครั้ง
ก็อดซิลล่า 2: ราชันแห่งมอนสเตอร์
หลังจาก Godzilla (2014)ออกฉาย ก็มีเสียงบ่นจากผู้ชมว่าได้เห็นตัวก็อดซิลล่าน้อยเกินไปไม่จุใจเลย ทางค่ายก็รับฟังเสียงจากผู้ชม มาถึง Godzilla: King of the Monsters ก็เลยจัดให้แบบสะใจกันไปเลย หนังปูเรื่องเพียงแค่ 10 นาที บรรดาอสูรยักษ์ก็ทยอยกันปรากฏตัว พี่ก็อดก็ออกมาพะบู๊กันตั้งแต่ต้นเรื่องไปเลย ทำให้บรรยากาศของภาคนี้ดูห่างไกลจาก Godzilla (2014)ไปมาก แม้นี่คือหนังภาคต่อเนื่องกัน ดูหนังออนไลน์2022
จากภาคที่แล้วเห็นก็อดซิลล่ากันแบบวับ ๆ แวม ๆ มืด ๆ ภาคนี้ก็เลยมายืนจังก้าให้เห็นกันเต็ม ๆ ไป เน้นขายเหล่าอสูรยักษ์ตีกันแบบจริงจัง แม้ว่าในเทรลเลอร์บอกว่าโมนาร์ชค้นพบอสูรยักษ์ทั่วโลก 17 ตัว แต่ก็มีบทบาทจริง ๆ แค่ 4 ตัวหลักคือ ก็อดซิลล่า , คิงกิโดราห์ , ม็อธร่า และ โรดัน เท่านั้น ที่เหลือก็เดินผ่านกล้องให้เห็นแค่ 2-3 ฉาก
โทนหนังของภาคนี้น่าจะถูกใจผู้ชมในกลุ่มเด็กผู้ชาย ที่ชอบตัวประหลาดยักษ์เสียมากกว่า เพราะบรรยากาศหนังออกไปแนวอุลตร้าแมนมาก จากภาคก่อน ๆ ที่วางบทบาทของก็อดซิลล่าให้เป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ยุคดึกดำบรรพ์ซุกตัวอยู่ใต้ทะเลลึก เพื่อหนีห่างจากมนุษย์โลก ตัวก็อดซิลล่ายังมีความลึกลับน่ากลัวให้สัมผัสได้ ในโทนที่ใกล้เคียงกับบรรดาไดโนเสาร์ในแฟรนไชส์ Jurassic Park ทุกครั้งที่แนะนำไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่
ก็ต้องลุ้นกับภาพลักษณ์และพิษสงของมัน แต่กับบรรดาอสูรยักษ์ใน Godzilla: King of the Monsters กลับไม่มีความลึกลับน่ากลัวเหลือให้สัมผัสเลย แต่ละตัวเหมือนสัตว์ประหลาดในหนังอุลตร้าแมนที่ออกมาตบตีกันตุ้บตั้บ แล้วมีท่าไม้ตายด้วยการปล่อยแสง เป็นภาคที่พาเหล่าอสูรยักษ์ยกระดับไปไกลจนไม่คงความเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ให้เห็นอีกต่อไป ฉากที่บรรดาอสูรยักษ์ตีกันก็พอบันเทิงดี ชอบที่สุดคือฉากโรดันต่อสู้กับเครื่องบินรบเป็นฉากที่ยาวและสนุก
แม้จะทำใจไว้แล้วว่านี่คือหนังสัตว์ประหลาดที่สร้างโดยฮอลลีวู้ด ต้องปล่อยวางเรื่องตรรกะความเป็นจริงให้มากที่สุด แต่ในรายละเอียดของหนังเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร ความคิดการตัดสินใจของตัวละคร ที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ก็ช่างดูไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดต้องชี้นิ้วไปที่คนเดียวคือ ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ ผู้กำกับที่เหมาหน้าที่เขียนบทเองด้วย กับการเพิ่มตัวละครบุคคลเข้าไปอีกมากในหนังที่มีอสูรยักษ์วิ่งกันเต็มจอไปหมดแบบนี้ ตัวละครมนุษย์หลาย ๆ ตัวก็ดูใส่เข้ามาให้เกินความจำเป็น ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุกภาคไทย