รีวิว ฆ่าไถ่อำมหิต
รีวิวหนัง สิ่งที่ดูจะเป็นจุดขายแบบไม่ตั้งใจจนเกินหน้าเกินตาตัวหนังเห็นจะเป็นการแก้ปัญหาแบบสุดโต่งของผู้สร้าง All The Money In The World ที่ตัดสินใจควักเงินถึง 10 ล้านเหรียญถ่ายซ่อมทุกฉากของ เควิน สเปซีย์ ในบท จอห์น พอล เก็ตตี้ หลังเกิดข่าวล่วงละเมิดทางเพศอันฉาวโฉ่ โดยเลือก คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ มาแสดงแทนทั้งที่มีเวลาถ่ายทำเพียง 8 วันจนได้เข้าชิงรางวัลด้านการแสดงแทบทุกสถาบัน เหลืออย่างเดียวที่หนังต้องพิสูจน์นั่นคือการหยิบเรื่องราวการลักพาตัวหลานของมหาเศรษฐีที่รวยล้นฟ้าแต่ตีราคากับของทุกสิ่งจนแม่แท้ๆต้องพยายามอ้อนวอนขอเงินปู่มาไถ่ชีวิตลูกตัวเองจะทำออกมาอีท่าไหนกันแน่ รีวิวหนัง netflix
เรื่องย่อ ฆ่าไถ่อำมหิต
ในปี 1973 หลานชายของคุณปู่ที่เป็นเจ้าของบ่อน้ำมันที่รวยที่สุดคนหนึ่งในโลก เป็นคนแรกที่รวยเกินพันล้านในประวัติศาสตร์เลย ไปเที่ยว ใช้เวลาพักผ่อนส่วนตัวที่จาไมก้า ก่อนจะถูกลักพาตัวไป แล้วพ่อแม่ของน้องต้องระดมทุนและหาเงินจากทั่วโลกเพื่อช่วยลูกชาย เพราะปู่ของเขาไม่ยอมจ่ายเงินช่วย ดูหนังออนไลน์
เรื่องราวที่เกิด all the money in the world
รีวิว ฆ่าไถ่อำมหิต โดยเรื่องราวที่ว่าเกิดขึ้นในปี 1973 เมื่อ จอห์น พอล เก็ตตี้ที่สาม (ชาร์ลี พลัมเมอร์) ถูกจับไปเรียกค่าไถ่กลางกรุงโรม ประเทศอิตาลี และด้วยเป็นหน่อเนื้อสกุลเก็ตตี้ทำให้ เกล (มิเชลล์ วิลเลียมส์) แม่ของพอลพยายามทำทุกทางเพื่อหวังให้ จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ (คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์) คุณปู่มหาเศรษฐีสุดเย็นชา ยอมเจียดเงินมาจ่ายค่าไถ่ให้โจรแต่การจะเปลี่ยนใจคนใจหินที่เห็นเงินดีกว่าหลานนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายโดยงานนี้เกลหวังพี่งพาได้เพียงเฟลตเชอร์ เชส (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) อดีตซีไอเอผู้ช่วยที่เก็ตตี้คนปู่หวังให้ไปเจรจาลดค่าไถ่จากโจร
แน่นอนล่ะว่าการได้เรื่องราวเรียกค่าไถ่สะเทือนประวัติศาสตร์มาทำเป็นหนังย่อมมีความน่าสนใจในตัวเองอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผู้กำกับอย่างริดลีย์ สก็อตต์ ปรุงแต่งให้เรื่องราวมีความแตกต่างจากหนังเรียกค่าไถ่อื่นๆก็ตรงที่การใส่รายละเอียดและสร้างมิติให้ตัวละครทุกตัวด้วยภาษาภาพยนตร์จนเรื่องราวดูสมจริงและแทบไม่มีใครเป็นฮีโร่หรือผู้ร้ายที่แท้จริงในเหตุการณ์นี้ได้เลยสักคนโดยเฉพาะออกแบบสภาวะแวดล้อมตัวละครตัวละครอย่าง จอห์น พอล เกตตี้ ซีเนียร์ ที่มีทั้งความเย็นชาและว้าเหว่ ภายใต้บ้านหลังใหญ่โตเต็มไปด้วยสินทรัพย์มูลค่ามหาศาลแต่กลับมีแสงเพียงเล็กน้อยพอสาดส่องให้เขาเห็นเพียงมูลค่าน้ำมันบนกระดาษเพื่อสะท้อนความเป็นเศรษฐีที่หมดความเชื่อใจและไม่เห็นคุณค่าของมนุษย์ ทำให้ทั้งเรื่องนอกจากจะต้องมานั่งลุ้นว่าเกลและเฟลตเชอร์จะช่วยพอลได้ไหม เรายังต้องมาลุ้นให้คุณปู่ขี้ตืดยอมใจอ่อนและมีมนุษยธรรมซักทีซึ่งนับว่าเป็นการสร้างตัวละครที่ชาญฉลาดมาก ไม่เพียงเท่านั้นตัวละครฝั่งโจรอย่างซินควอนต้า (โรแมง ดูริส) ที่แม้ใบหน้าจะดูโหดเหี้ยมแต่กลับเปี่ยมน้ำใจจนเป็นเพียงทางรอดเดียวของพอลท่ามกลางคนโฉดที่ลักพาตัวเขามาก็ยังสร้างทั้งความขบขันและไม่น่าไว้วางใจให้กับเรื่องราวได้ลุ้นระทึกกันไปอีกขั้นอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ริดลีย์ สก็อตต์ ยังสามารถควบคุมจังหวะจะโคนในแต่ละฉากให้คนดูได้ลุ้นระทึกกันตลอดแถมยังล่อหลอกคนดูกันไม่เว้นแต่ละซีน ทั้งการใช้โมทีฟหรือวัตถุกระตุ้นเรื่องอย่างรูปสลักที่ถูกวางให้กลายเป็นของมีค่าในต้นเรื่องก่อนความจริงจะเปิดเผยซึ่งนอกจากจะช่วยก่อร่างสร้างความระทึกให้กับเรื่องราวแล้วมันยังส่งเสริมกับธีมหลักของเรื่องอันว่าด้วยคุณค่าที่มนุษย์ปั้นแต่งให้สิ่งต่างๆและช่วยเปิดปมตัวละครในตระกูลเก็ตตี้ที่แทบไม่ได้ผูกพันธ์กันด้วยสิ่งใดนอกจากทรัพย์สินเงินทองเพียงเท่านั้น แถมหนังยังมีจุดชวนหัวอย่างความโง่เขลาเบาปัญญาของโจรหรือแม้กระทั่งจุดที่ล่อหลอกคนดูให้เชื่อว่า พอล ปลอดภัยแล้ว ก่อนจะตลบหลังคนดูจนเราไม่อาจคาดเดาทิศทางของเรื่องราวได้อีก ซึ่งส่วนนี้คงต้องชื่นชม เดวิด สการ์ปา มือเขียนบท The Last Castle (2001) ที่สามารถสรุปเรื่องราวจากหนังสือบันทึกความทรงจำสู่บทหนังระทึกขวัญครบรสทั้งความบันเทิงและไม่ด้อยด่าในแง่การส่งเสริมให้คนเกิดพุทธิปัญญา all the money in the world true story
รีวิว ฆ่าไถ่อำมหิต
ท้ายสุด แน่นอนล่ะว่าใครก็คงต้องชื่นชม คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ ที่สามารถสวม จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ ได้อย่างลุ่มลึกและสามารถขโมยซีนได้ทุกฉากที่ปรากฎตัว โดยแทบจะกลืนกินและกลายเป็นตัวละครมหาเศรษฐีใจหินได้อย่างแทบไม่ต้องพยายาม แต่กระนั้นเราก็ยังไม่อาจมองข้าม มิเชลล์ วิลเลียมส์ ในบท เกล แม่ผู้พยายามทำทุกทางให้ได้ลูกกลับมา ทั้งสีหน้าแววตาและการแสดงที่นำพาอารมณ์ตัวละครให้คนดูได้รู้สึกพังทลายตามเธอทุกครั้งที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ได้จริงๆ จนบางทีสาเหตุที่มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ยอมบริจาคส่วนต่างจากการถ่ายซ่อมถึงหนึ่งล้านห้าแสนเหรียญเข้ากองทุนต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศในนามมิเชลล์ วิลเลี่ยมส์ น่าจะเพื่อชดเชยกับความอยุติธรรมของค่าจ้างที่เขาได้มากกว่ามิเชลล์เป็นร้อยเท่านั่นเอง All the Money in the World IMDb
ก็เป็นหนัง 2 ชั่วโมงกว่าๆที่เล่าเรื่องเรื่อยๆ แต่หลังดูจบต้องอุทานว่านี้มันสนุกเป็นบ้า มีหนังลักพาตัวไม่กี่เรื่องที่ผู้เขียนรู้สึกสงสารและเห็นใจโจรขึ้นมา แม้จะทำตัวกักขฬะ และไม่น่าเอาแบบอย่างก็ตาม และ All The Money In The World ก็เป็นหนึ่งในหนังไม่กี่เรื่องที่ผู้เขียนรู้สึกสงสาร เห็นใจโจรจากใจจริง และผู้เขียนคิดว่าถ้าผู้เขียนเป็นโจร ผู้เขียนคงวางแผนหาทางลักพาตัวคุณปู่จอห์นมากกว่าที่จะเป็นหลานชายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แถมพ่อแม่ยังไม่มีเงินจ่ายอีก
ก็เป็นหนังเนื้อดีที่มีเหตุมีผล การถ่ายภาพและองค์ประกอบในเรื่องถือว่าสวยเหมือนเสพงานอาร์ตไปในตัว โลเคชันในเรื่องก็ดีมากๆด้วย ทักษะการแสดงของตัวละครเรียกได้ว่าโคตรเรียล โดยเฉพาะสายตางกๆโลกนี้มีแต่เงินของคนที่มารับแสดงเป็นคุณปู่จอห์นเลย อีกทั้งเวลาที่เราลำบากคนเดียวที่เป็นห่วงเราจากใจจริงๆก็คงมีแต่แม่ของเรา รู้สึกได้ถึงพลังความรักอันยิ่งใหญ่ของคนเป็นแม่ที่ต้องการทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกชายคนเดียวของตัวเองจากหนังเรื่องนี้เลย
รีวิว ฆ่าไถ่อำมหิต
ถ้าพูดถึง ริดลีย์ สก็อตต์ คนก็มักจะนึกถึงหนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ใหญ่ แถมยังเป็นแนวไซไฟที่ทำเงินรายได้ทั่วโลกเป็นร้อยเป็นพันล้านแต่หลายคนที่อาจจะน้อยกว่าที่จะรู้จักหนังกลุ่มอื่นๆ ของเขาคนนี้พอมีหนังดราม่าอาชญากรรมที่สร้างจากแรงบันดาลใจของเรื่องจริงอย่าง ‘All the Money in the World’ หรือ ‘ฆ่า-ไถ่-อำมหิต’ เข้ามา ก็อาจจะสงสัยนิดหน่อยนี่ใช่หนังคนเดียวกันหรือเปล่า
ชายผู้นี้กำกับหนังมากว่า 40 เรื่อง เคยมีหนังอย่าง ‘The Counselor’, ‘American Gangster’, ‘A Good Year’, ‘Black Hawk Down’ และ ‘Gladiator’ เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าเขากำกับหนังได้หลากหลายมีทั้งดีเด่นและแป้กบ้างผสมๆ กันไปเหมือนว่าพักจากหนังฟอร์มใหญ่หนังเริ่มต้นด้วยภาพเก่าของสมัยก่อน เล่าเรื่องราวสลับเวลาไปมาเพื่อปูพื้นหลังให้เข้าใจตัวละครก่อนที่เหตุการณ์ลักพาตัวจะเกิดขึ้นและเริ่มค้นหาว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง
การดำเนินเรื่องในช่วงแรกจึงค่อนข้างเป็นไปอย่างเรียบเรื่อยไม่เร่งร้อน ขณะที่ตัวละครก็ใช้เวลาในการพูดจากันเป็นส่วนใหญ่ก่อนที่หนังจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาที่เร่งขึ้น มีอะไรให้ตื่นเต้นมากขึ้นลุ้นระทึกกันมากขึ้นบางช่วงบางตอนอาจมีความหวาดเสียวเพิ่มเข้ามาด้วย ทำให้ช่วงนี้หนังปลิดความเนือยทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง พร้อมๆ กับที่หนังมีความเดาทางยากอยู่ประมาณหนึ่งด้วย
หลักๆ แล้วหนังพูดถึงอำนาจเงินอย่างเต็มๆ ในหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการที่เศรษฐีใหญ่มีเงินมากมายพอจะไถ่ตัวหลานคืนได้แต่กลับไม่ทำเลือกที่จะให้เชสควานหาตัวหลานชายให้พบโดยใช้เงินให้น้อยที่สุด
นึกถึงวันที่เคยรู้สึกในใจได้ว่า มีเงินไปมากมายเท่าไร แต่ไร้คนอยู่ข้างๆ เงินก็หมดความหมาย ในที่ขณะที่แม่ของเขาเสียอีก ที่ไม่มีเงินทองแต่กลับต้องพยายามทำทุกทางเพื่อหาเงินมาไถ่ตัวลูกชาย
ความรวยไม่ได้นำพามาซึ่งความสุขอย่างแท้จริงแต่เราก็อยู่ในโลกที่ใช้เงินที่ดำเนินการทุกสิ่งที่เราประสงค์จนน้ำใจเราแทบจะไม่เหลือให้กันหากว่าไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง all the money in the world full movie
มันเป็นหนังที่สร้างด้วยแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของคนตระกูลเก็ตติ บางทีเรื่องจริงก็ดูเหลือเชื่อไม่หยอก Christopher Plummer ถ่ายทอดตัวละครเศรษฐีหน้าเงินนี้ได้เป็นอย่างดี เมื่อคนในตระกูลเดียวกันเองที่มีเงินล้นฟ้าทว่าไม่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันแม้แต่คนในครอบครัวก็ยังใช้ผลประโยชน์มาขับเคลื่อน ‘ฆ่า-ไถ่-อำมหิต’ จึงถ่ายทอดจิตวิญญาณของมนุษย์ที่เห็นแก่เงินได้ถึงพริกถึงขิงสะท้อนโลกแห่งทุนนิยมที่เงินเป็นใหญ่ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไรก็ตามสร้างสถานกาณ์บีบคั้น
ความรู้สึกที่ดู ฆ่าไถ่อำมหิต
รีวิว ฆ่าไถ่อำมหิต รู้สึกได้ถึงความ Desperate ของโจรเลย จริงๆ เป็นหนังที่ผู้เขียนเคยขับมอเตอร์ไซค์ไปดูคนเดียวมาก่อนในโรงภาพยนตร์แถวๆบ้าน ตอนที่หนังเข้าแรกๆ เพราะอยากรู้ว่าคนๆหนึ่งจะขี้งกได้มากขนาดไหน ชนิดที่จะทิ้งให้หลานในสายเลือดของตัวเองจะเป็นจะตายยังไงก็ได้เพียงเพราะเงินคำเดียวเหรอ และพอได้เข้าไปดูในโรงก็คิดได้ทันทีว่าอำนาจของเงินมันทำได้มากแค่นั้นเลยแหละ มากชนิดที่ยอมทิ้งหลานชายของตัวเองไม่ยอมจ่ายเงินเรียกค่าไถ่และพอเปิดมาดูอีกรอบในปี 2022 เพราะทาง Netflix เพิ่งนำมาลง ความรู้สึกเดิม และเริ่มคิดแล้วว่าความงกของคนเรามันงกได้มากขนาดนั้นเลยแหละจากการยอมย้ายมาอยู่ชนบทเพียงเพราะค่าข้าวของอาหารเครื่องบริโภคมีราคาถูกกว่าแค่ 4-5 ดอลแถมยังไม่ยอมช่วยเหลือพนักงานที่ทำงานร่วมกันมานานและช่วยบริษัทน้ำมันของตัวเองมาหลายครั้งหลายหนแม้ว่าลูกของตัวเองกำลังจะป่วยตายและเขาต้องการเงินจริงๆก็ตาม
แม้แต่หลานชายของตัวเองถูกลักพาตัวไปคุณปู่คนนี้ก็ยังระแวงว่านี้เป็นการจัดฉากการลักพาตัวไปหรือเปล่าจนยอมเสียเงินจ้างคนสืบหาความจริงมากกว่าที่จะจ่ายค่าประกันตัวที่โจรเรียกแค่ 17 ล้านบาท ทั้งๆที่ตัวเองเป็นมหาเศรษฐีที่มีเงินถึงหมื่นล้าน สิ่งเดียวที่คุณปู่จอห์นยอมจ่ายก็คือภาพวาดศิลปะของแท้ที่เป็นงานอดิเรกของเขาแสงสีเสียงองค์ประกอบฉากเรียกได้วาหดหู่สุด Desperate สุด ทั้งโจรเรียกค่าไถ่ หลานชายที่ถูกเรียกค่าไถ่ แม่ที่ตระเวนออกสื่อและทำทุกอย่างเพื่อรวบรวมเงินช่วยเหลือลูกชายแต่ก็ยังไม่พออีกทั้งสามีของเธอยังติดเหล้ามากๆ และไม่สนใจอะไรอีกคนเดียวที่สบายจริงๆในเรื่องก็คือคุณปู่จอห์น พอล เก็ตตี้ ที่ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ โดดเดี่ยวและน่าเบื่อ เพราะความงกเงิน หวงเงินมาก
สรุปแล้ว All The Money In The World นับเป็นหนังระทึกขวัญที่มีการแสดงระดับเข้าชิงรางวัลออสการ์ของคริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ เป็นไฮไลต์สำคัญในหนังที่ล่อหลอกคนดูจนเดาทางไม่ถูก และยังสอนสัจธรรมเรื่องทรัพย์สินเงินทองอันเป็นของนอกกายตายไปก็เอาไปไม่ได้อย่างเห็นภาพที่สุด all the money in the world netflix
หนังมีความยาว 2 ชั่วโมง 12 นาที กำกับโดย Ridley Scott เป็นหนังที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตระกูลเก็ตตี้ ที่หลานชายของเขา ถูกลักพาตัวไปจริงๆ และปู่ของเขาก็ไม่ยอมจ่ายค่าไถ่จริงๆซึ่งได้รับความสนใจจากสื่อในประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยนั้้น ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้ชิงรางวัลออสการ์มาถึง 9 รางวัล ถึงคดีเรียกค่าไถ่ที่มีปู่ขี้งกมากที่สุดในโลก ซึ่งเข้า Netflix แล้ว สามารถสมัครได้ทาง TrueMoney Wallet หรือรับชมผ่านสัญญาณทางกล่อง TrueID ได้เลย