รีวิว ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง
รีวิวซีรี่ย์ “Snowpiercer ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง” ขึ้นมาอันดับ 1 บน Netflix อย่างรวดเร็ว! หนังแนวโลกอวสาน ตำนานแห่งมวลมนุษย์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรือโนอาห์ ที่หนีน้ำท่วมโลก อยู่ในคัมภีร์ไบเบิล แต่คราวนี้เป็น “รถไฟโนอาห์ หนียุคน้ำแข็ง” เอาไงล่ะ! จะสนุกมั้ย ไปรับชมรีวิว 10 นาทีแรกกันเลย!
เริ่มเรื่อง 10 นาทีแรก
อากาศบนโลกเกิดเปลี่ยนแปลง นักวิทยาศาสตร์จึงคิดค้นนวัตกรรม ที่ยิงระเบิดขึ้นบนท้องฟ้าและช่วยให้อากาศเย็นขึ้น แต่ปรากฎว่าเกิดผิดพลาด ทำให้โลกถูกแช่แข็ง อยู่ภายใต้อุณหภูมิมากกว่า -100 องศา คนรวยกว่า 1000 ชีวิต จึงพากันอพยพขึ้นรถไฟ Snowpiercer ที่เป็นเหมือนเรือโนอาร์ เพื่อหนีวันโลกแตก และทิ้งทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกไว้เบื้องหลัง แต่บรรดามนุษย์ผู้ยากไร้
พวกเขาไม่ยอมถูกปล่อยให้ตายอย่างไม่ยุติธรรม พวกเขาบุกขึ้นรถไฟท้ายขบวน และทำสำเร็จ กว่า 2000 ชีวิตสามารถขึ้นมาได้ จนเวลาผ่านไป 6 ปี ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยคิดก่อกบฏแล้ว แต่ไม่สำเร็จ และมีคนล้มตายไปมาก ครั้งนี้พวกเขาจะต้องทำให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นจะต้องถูกกดขี่ข่มเหง และอดตายอยู่ในรถไฟท้ายขบวน เลย์ตัน อดีตตำรวจหนุ่ม จะนำทีมฝ่าด่านกำแพงแห่งความอยุติธรรมได้ไหม ติดตามชมต่อได้ทาง Netflix ดูหนัง
ความประทับใจแรก
เนื้อเรื่องน่าติดตาม กระชับฉับไว ลุ้นระทึกดีมาก! มีการใช้ภาพอนิเมชั่นบรรยายสถานการณ์โลกในช่วงแรก และตัดภาพมาเป็นสถานการณ์ ณ ตอนนั้น อย่างรวดเร็ว เป็นตอนที่ เหล่าคนยากไร้พากันวิ่งบุกขึ้นรถไฟ บ้างถูกยิงล้มตาย บ้างรอดขึ้นมาได้ และมีการถ่ายตัวละครเด่น ๆ ด้วย อย่าง เลย์ตัน ดำเนินเรื่องได้ไวและน่าตื่นเต้น!
ตัวละครแต่ละตัว มาจากต่างถิ่น ต่างแดน ต่างเชื้อชาติ แต่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้! ประทับใจมากที่มนุษย์เราไม่ทิ้งกันในยามยาก แต่สามารถช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรค ถึงแม้ว่ามีความเห็นขัดแย้งกันบ้าง แต่ก็รวมกันได้ อย่างเช่น มีตอนที่ เลย์ตัน คิดเห็นขัดแย้งกับชายชราคนหนึ่ง เขาอยากให้รีบบุกยึดรถไฟให้ได้ ก่อนที่จะอดตาย ทั้งสองเกือบทะเลาะกัน แต่สุดท้าย เลย์ตัน ก็ยอมชนกำปั้นและรวมเป็นหนึ่งกับพวกพ้อง
รีวิว ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง
ประเด็นที่น่าจับตา
ที่โดดเด่นและเห็นชัดที่สุด! ก็คือหนังสะท้อนภาพสังคม การแบ่งแยกชนชั้น ระหว่างคนรวยคนจน โดยใช้คอนเซ็ปต์ง่าย ๆ ด้วยการจำลองลักษณะโครงสร้างของสังคม ผ่านขบวนรถไฟ Snowpiercer “กลุ่มคนมีฐานะ” ได้นั่งรถไฟขบวนหน้า ที่มีความเป็นอยู่สุขสบาย กินดีอยู่ดี หรูหราฟู่ฟ่า ส่วน “กลุ่มคนยากไร้” นั้นอยู่ท้ายขบวน ที่เป็นจุดอับ เหมือนห้องเก็บของ พวกเขาอดอยาก ล้มป่วย และไม่มีใครเหลียวแล หนำซ้ำยังถูกกดขี่ข่มเหงอีกด้วย
ถ้าให้เปรียบก็อาจจะเปรียบเทียบได้กับสังคมของเรา ที่คนรวยจะอยู่บนฐานพีระมิด ส่วนคนจนนั้นอยู่ตั้งแต่กลางจนถึงล่างสุด พวกที่อยู่ข้างบนนั้น ไม่ได้รับความเดือดร้อน หรือผลกระทบอะไร หนำซ้ำอาจไม่ตระหนักถึงปัญหาของคนระดับล่าง ส่วนคนจนก็ต่อสู้เรียกร้อง “ความเท่าเทียม” อยู่ร่ำไป
ปมที่น่าติดตาม
เหล่าคนท้ายขบวน จะยึดรถไฟได้สำเร็จไหม? เลย์ตัน มีแผนการอะไรเตรียมไว้? พวกเขาเคยบุกยึดรถไฟครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่สำเร็จ หลังจากนั้น เลย์ตัน ก็เฝ้าสังเกตุการณ์มาโดยตลอด เขากำลังแอบเลี้ยงหนู และคิดว่าเขาจะต้องใช้มันทำประโยชน์อะไรบางอย่างแน่ ๆ เหล่าคนรวย ใช้ชีวิตเป็นอยู่กันอย่างไร? อาจมีคนรวยที่จิตใจดีคอยช่วยคนท้ายขบวน แต่หนัง 10 นาทีแรก ยังไม่กล่าวถึงความเป็นอยู่ของพวกเศรษฐี
ยังไม่เห็นว่าพวกเขา กินอยู่ หลับนอน กันอย่างไร นอกจากถ่าย เมลานี ผู้หญิงผู้คุมขบวนรถไฟ และมีอำนาจมากที่สุด เธออยู่อย่างสุขสบายในห้องหรูหรา แต่งตัวเนี๊ยบสวย แตกต่างจากคนอีกฟากหนึ่งเลยทีเดียว รถไฟมุ่งไปสิ้นสุดที่ไหน? โลกจะเป็นอย่างไรต่อ? นับว่าเป็นปมที่น่าติดตามมาก เพราะข้างนอกรถไฟนั้น อากาศอยู่ในเยือกแข็ง เพียงแค่ยื่นแขนออกไปก็กลายเป็นน้ำแข็งเลย ทว่าหนังจะจบอย่างไร แล้วทุกคนบนขบวนรถไฟจะรอดไหม ต้องไปติดตามเอาจะช่วย!
สรุป 10 นาทีแรก “Snowpiercer ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง” น่าดูต่อ ไม่รอแล้วนะ! ด้วยความที่หนังกำลังพูดถึงประเด็นที่เป็นกระแสอยู่ นั่นคือ “ความเหลื่อมล้ำในสังคม” คนรวยคนจน ความไม่เท่าเทียมทางสิทธิมนุษยชน ทุกสิ่งถูกจำลองออกมาอยู่บนรถไฟนรกนี้หมดแล้ว และด้วยสถานการณ์ระทึกขวัญ วันโลกแตก ที่มนุษย์กำลังเผชิญ พวกเขาที่ต่างชนชั้นกัน จะจับมือร่วมกันฟันฝ่าวิกฤต หรือทิ้งคนอ่อนแอไว้ข้างหลัง ต้องไปติดตามรับชมต่อทาง Netflix ดูหนังออนไลน์
ซีรีส์จากภาพยนต์ที่ให้มุมมองที่กว้างขึ้นจากช่วงเวลา
Snowpiercer ในรูปแบบซีรีส์ยังคงเนื้อหาหลักตามแบบฉบับภาพยนตร์ เพียงดัดแปลงและขยายความบางส่วนให้ดูมีรสชาติเพิ่มมากขึ้น ด้วยชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่จัดว่าอยู่ในระดับเทพ ของผู้กำกับ บง จุนโฮ ที่นั่งในตำแหน่ง Executive Producer ด้วย ทำให้ซีรีส์ถูกใช้ประโยชน์ด้านเวลาในการเล่ารายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ได้มากกว่าในหนังยิ่งทำให้เราได้เห็นถึงความตึงเครียดที่ค่อย ๆ ขยายตัวขึ้นจากสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างช้า ๆ ผ่านเรื่องราวการสอบสวนคดีมาตกรรมี่นับว่าให้มิติที่ลึกและให้รสชาติที่แปลกใหม่กว่าได้อย่างกลมกล่อม
งานออกแบบ Art production
ที่ดูจะโดดเด่นอีกส่วนหนึ่งของการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ คือ งานด้านการออกแบบฉากที่ถือได้ว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งเลยที่เดียว ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากหนังที่ได้รับการตีความไว้อย่างดีอยู่แล้วนั่นเอง ตัวซีรีส์ยังคงเก็บรายละเอียดภาพจำในเวอร์ชั่นหนังได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นแท่งโปรตีน อะควาเรียม ความแตกต่างของการใช้ชีวิตของคนแต่ละชนชั้น ไปจนถึงบทลงโทษอันโหดร้ายที่สุดแม้จะไม่เห็นเลือดสักหยดก็ตาม ถือว่าเป็นการใช้เทคนิคพิเศษในระดับสูงได้อย่างดี โดยเฉพาะภาพมุมกว้างที่ดึงความรู้สึกแห่งความหวังของการชีวิตรอดอันอาบไปด้วยความน่ากลัวของชะตากรรมชีวิตที่แขวนไว้กับรถไฟขบวนสุดท้ายนี้
สำหรับคอหนังผจญภัยแฟนตาซีแนวสืบสวนไล่ล่า Snowpiercer ซีรีส์สามารถตอบโจทย์ได้อย่างไม่เลวเลยทีเดียว เพราะนอกจากภาพจินตนาการที่ได้รับแล้วยังสอดแทรกแนวคิดด้านชนชั้นให้ได้ขบคิดตาม ๆ กันไปด้วย รับรองว่าความเข้มข้นของเนื้อหาชวนติดตามได้อย่างคุ้มค่าคุ้มเวลาแน่นอน
ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง
Snowpiercer ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง เป็นซีรีส์ที่ฉายใน NETFLIX และมีถึง 2 Seasonจากปี 2013 นั้นเคยมีภาพยนต์เรื่องนี้ออกมาเหมือนกันแต่ทว่ารายได้นั้นค่อนข้างที่จะสวนทางกับการวิจารณ์สักหน่อย ในฉบับซีรีส์นั้นถือว่ามีความน่าสนใจอย่างมากและยังมี Season2 ออกมาอีกด้วย เรื่องนี้นั้นมีการแบ่งชนชั้นกันอย่างมากแต่ไม่ได้มีแค่การแบ่งชนชั้นเท่านั้นแต่ยังมีการสืบสวนสอบสวนเข้ามาเพิ่มเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ เพราะคนที่หลบหนีขึ้นมานั้นใช้ชีวิตแตกต่างจากคนที่มีตั๋วอย่างมาก หลายๆคนอาจจะดูแล้วเบื่อเพราะในช่วงแรกๆอาจจะดำเนินเรื่องได้ช้าและมีปมให้คิดอย่างมาก
ในซีรีส์นั้นเป็นเหตุการณ์ในช่วง7หลังจากรถไฟออกเดินทางและได้มีคนที่ทนอยู่ไม่ได้ออกมาปฏิวัติรถไฟขบวนนี้ สำหรับคนที่อยากจะไปหาดูนั้นสามารถหาดูได้ที่ NETFLIX มีถึง 2 Season และ ในซีรีส์นั้นค่อนข้างแตกต่างจากในภาพยนต์เพราะมีเวลามากพอที่จะอธิบายเรื่องอื่นๆนอกจากเนื้อเรื่องหลัก หนัง 4k
การดำเนินเรื่องในช่วงแรกนั้นค่อนข้างที่จะช้าจนน่าเบื่อแต่มีการสืบสวนสอบสวนเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มความน่าสนุกเข้าไปและได้มีปมต่างๆ ให้คิด และจะเข้มข้นมากในช่วงท้ายและเฉลยปมต่างๆ และโลเคชั่นที่จัดทำขึ้นมานั้นถือว่าดีและดูเข้ากับเรื่องมากรวมถึงการแบ่งชนชั้นในหนังอีกด้วยซึ่งสื่ออกมาได้ดีมากว่าคนที่มีเงินนั้นจะมีสิทธิและอำนาจมากกง่าคนที่ไม่มีเงิน ทำให้เห็นความต่างชั้นของสังคมในเรื่อง
ขอเพิ่มรายละเอียดไปอีกนิด นี่ไม่ใช่ซีรีส์ที่ใครก็ดูได้ ภาพความรุนแรง ถูกนำเสนออย่างตรงไปตรงมาพอสมควร แม้จะมีหลบเลี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็ยังปรากฏฉากที่น่ากลัวและสะเทือนอารมณ์อยู่ดี เช่น ฉากจำในหนังที่มีในซีรีส์ด้วย กับบทลงโทษด้วยการให้ยื่นแขนออกไปนอกรถไฟจนกลายเป็นน้ำแข็ง และเอาทุบด้วยค้อนจนแขนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ …ใครรู้ตัวว่าไม่พร้อมอย่าฝืน
ในด้านงานออกแบบฉากและสัญลักษณ์ต่างๆ ถือว่าทำได้ในระดับที่น่าพอใจ อาจเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากหนังที่ตีความไว้ได้ดีอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีอะไรที่แตกต่าง ในส่วนของเทคนิคพิเศษก็จัดว่าอยู่ในระดับมาตรฐานค่อนไปทางสูง และที่ชอบเป็นพิเศษคือ ภาพกว้างที่ให้เราได้เห็นรถไฟที่วิ่งอยู่บนฉากหลังโลกยุคน้ำแข็ง ที่ไม่ได้รู้สึกว่านี่คือรถไฟความหวังเดียวที่จะช่วยให้ทุกคนรอดชีวิต แต่กลับรู้สึกถึงความน่ากลัวราวกับรถไฟสายมรณะ
โดยสรุป ซีรีส์ Snowpiercer ถือว่าสร้างออกมาเป็นที่น่าพอใจ สำหรับคนดูที่เน้นความบันเทิง หนังก็มีให้กับฉากสืบสวนไล่ล่าที่รสชาติไม่เลว หรือไม่ก็สนุกไปกับจินตนาการกับโลกยุคน้ำแข็งที่รถไฟคือ ทางรอดเดียว แต่สำหรับคนที่เป็นแฟนหนังมาก่อนหรือคนที่ชอบการดูไปขบคิดไป ก็น่าจะพอใจกับการต่อสู้ทางชนชั้นที่ค่อยๆ ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ Snowpiercer ซีซั่น 1 ซึ่งมีทั้งหมด 10 ตอนนั้น จะมอบบทสรุปแบบใด คนดูจะเดาทางได้หรือไม่ ก่อนจะส่งไม้ต่อไปยัง Snowpiercer ซีซั่น 2 ที่ประกาศสร้างไปแล้ว ดูหนังออนไลน์ 4k