รีวิว ประจัญบาน อสูรเวหา
ข่าวหนัง netflix ย้อนกลับไปปี 2010 หนุ่ม ๆ ต่างตกหลุมรักโคลอี เกรซ มอเรตซ์ (Chloë Grace Moretz) สาวน้อยขาบู๊หน้าละอ่อนริมฝีปากอวบอิ่มที่โผล่มาซัดเหล่าร้ายใน Kick Ass ผลงานเรื่องนี้ล่ะที่เปิดโอกาสให้เธอได้ร่วมงานกับผู้กำกับดัง ๆ มากมายทั้งมาร์ติน สกอร์เซซี กับ HUGO (2011) อังตวน ฟูควา กับThe Equalizer (2014) หรือกระทั่งได้เล่นหนังรีเมกทั้ง Let Me In (2010) Carrie (2013) เรียกได้ว่าตลอด 10 ปีในวงการเธอแทบจะไม่เคยหายไปไหน ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ในหนังดีบ้างแย่บ้าง สำเร็จบ้างล้มเหลวบ้างและยังไม่เคยประสบความสำเร็จเท่า Kick Ass ได้อีกเลย
ที่ต้องเกริ่นนำผลงานของโคลอี เกรซ มอเรตซ์ ในรีวิวหนัง Shadow in the cloud เรื่องนี้ก็คงด้วยเหตุผลว่าหน้าหนังทำให้เราย้อนกลับไปมองโคลอีในฐานะนางเอกหนังบู๊อีกครั้งด้วยโปสเตอร์ที่นำเสนอภาพน้องโคลอี้เกาะแกะปีนป่ายเครื่องบินรัวกระหน่ำกระสุนขายความเป็นหนังเกรดบีเต็มที่เลย ทำให้อดตั้งความหวังไม่ได้ว่าหรือนี่จะเป็นหนทางกลับสู่สปอตไลต์ของเธอ
Shadow in the cloud เปิดเรื่องด้วยแอนิเมชันที่มุ่งให้ทหารหนุ่ม ๆ ของกองทัพเกรงกลัวเกรมลินค้างคาวยักษ์ที่มุ่งโจมตีเหล่าทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วหนังก็ตัดไปที่ภาพของ มอว์ด แกร์เร็ต (โคลอี เกรซ มอเรตซ์) ช่างเครื่องบินหญิงที่มาพร้อมกระเป๋าปริศนาพร้อมอ้างภารกิจลับสุยอดจากผู้บังคับบัญชาเพื่อขึ้นเครื่องบินรบ Fool’s Errand หรือแปลง่ายก็คืองานคนโง่เพื่อบ่งบอกถึงภารกิจประหนึ่งการฆ่าตัวตายได้ตลอดเวลา ดูหนัง
แล้วทีนี้…สิ่งที่คนดูไม่ได้เตรียมใจก็เกิดขึ้น ! เพราะเมื่อมอว์ดได้ขึ้นไปบนเครื่องบินรบดังกล่าวเธอก็ถูกคุกคามทั้งทางวาจา (อีหนูนี่ขึ้นเครื่องบินรบมาได้ยังไง)ส่อไปในทางเหยียดเพศแทบทันที (ผู้หญิงในทัพฟ้าถ้าไม่เป็นเลสเบี้ยนก็เป็นพวกผู้หญิงขายตัว) และถ้ายังชัดเจนไม่พอพวกเขาให้เธอลงไปอยู่ในป้อมปืนใต้เครื่องด้วยเหตุผล “ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้หญิงบนเครื่องบินลำนี้”
ซึ่งตลอดองก์แรกของหนังก็พิสูจน์ให้เราเห็นว่าไม่เพียงแต่พื้นที่ในเชิงกายภาพเท่านั้น แต่พื้นที่ในหัวใจของเหล่าทหารหนุ่มเองก็กลับมีแต่ความคับแคบใจดำ เพราะขนาดส่งเธอไปอยู่ใต้เครื่องบินแล้วคำพูดที่ลอดมาจากวิทยุสื่อสารก็กลับมีแต่คำพูดทิ่มแทงจากบรรดาหนุ่ม ๆ ในเครื่องแบบ บ้างก็อยากจะแอ้มเธอ บ้างก็ดูถูก จนคนดูสัมผัสได้ถึงอารมณ์แบบ “เฟมินิสต์มาเต็ม” และมันยังไปได้ดีกับอารมณ์หวาดระแวงของมอว์ดที่เผชิญศึกรอบด้าน
ซึ่งแม้ว่าองก์ 2 เป็นต้นไปมันจะขายแอ็กชันบู๊สะบั้นซัดแหลกแค่ไหน แต่ช่วงเวลาองก์แรกของหนังก็จัดว่าโชว์ฟอร์มกำกับของ โรแซน เหลียง ผู้กำกับชาวจีน – นิวซีแลนด์ที่ขอปั้นโพรเจกต์แอ็กชันแฟนตาซีให้ติดกลิ่นเฟมินิสต์เข้ม ๆ แรง ๆ ซึ่งเมื่อมองไปยังเหตุการณ์เบื้องหลังที่แม็กซ์ แลนดิส มือเขียนบทเดิมถูกดำเนินคดีข้อหาล่วงละเมิดทางเพศแล้ว การรีไรต์สคริปต์ของโรแซน เหลียงก็นับว่าเต็มไปด้วยนัยที่เจ็บแสบมากทีเดียว
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าฉากแอ็กชันของมันจะดูแผ่วลงเมื่อหนังเข้าสู่โหมดอัดอดรีนาลีน ตรงกันข้ามมันกลับใช้ช่วงเวลาอันน่าอึดอัดขององก์แรกมาทำให้เราเอาใจช่วยมอว์ดได้แบบเต็มสูบ จนเราพร้อมใจที่จะเชียร์ให้นางปีนป่ายเกาะเครื่องบินแบบสไปเดอร์แมนยังอายในช่วงองก์ 2 ได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจสักนิดแถมยังพอจะมองข้ามซีจีค้างคาวกินกล้วยที่ดูโบราณ ๆ ไปได้ เหมือนโดนมนต์บังตาด้วยความสนุกที่หนังอัดมาตลอดเรื่อง
รีวิว ประจัญบาน อสูรเวหา
[รีวิว] King Richard – พ่อและราชาผู้หวดลูกไปสู่ความหมายที่แท้จริงของสิ่งที่เรียกว่ากีฬากระนั้นหนังเองก็ยังมีช่องโหว่เรื่องบทอยู่บ้างโดยเฉพาะบทตัวละครผู้ชายที่แทบไม่มีมิติอะไรเลยนอกจากพวกชอบดูถูกผู้หญิง หรือผู้ชายที่ดูไร้เดียงสาเหลือเกินจนไม่มีใครน่าจดจำสักนิด และอีกประเด็นหนึ่งคือความเก่งเกินคน โม้เกินพิกัดประเภทตกเครื่องบินแล้วเด้งกลับมาเพราะแรงระเบิดของเครื่องบินข้าศึกก็ยิ่งทำให้ดูแฟนตาซีจนแทบไม่เหลือความสมจริงอะไรอีกแล้วในเรื่องราว ซึ่งอาจระคายเคืองคนที่เคร่งกับตรรกะในหนังได้ครับ ดูหนังออนไลน์
วิจารณ์ รีวิวหนัง Shadow in the Cloud ประจัญบานอสูรเวหา
มาถึงคิวหนังที่มีภาพลักษณ์ค่อนข้างน่าสนใจอยู่ไม่น้อย “Shadow in the Cloud ประจัญบานอสูรเวหา” เป็นการจับโยงเอาหลายๆ องค์ประกอบของเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามโลก, สัตว์ประหลาด และนักบินหญิง มารวมกันเอาไว้ในหนังเรื่องเดียว อีกทั้งยังจัดเป็นโทนหนังแอคชั่นสยองขวัญที่มาพร้อมกับไอเดียค่อนข้างน่าค้นหา แต่หารู้ไม่ว่าเป็นเพียงการปูนที่ฉาบหน้า เพราะหนังเรื่องนี้บอกได้แค่ว่า ถ้าคุณไม่ชอบ…ก็จะเกลียดมันเลย
Shadow in the Cloud เป็นเรื่องราวของ การ์เรตต์ ช่างเครื่องและนักบินหญิงที่ต้องโดยสารเครื่องบินทิ้งระเบิดเพื่อนำพัสดุไปส่งยังที่หมาย โดยบนเครื่องบินลำดังกล่าวเต็มไปด้วยผู้ชาย ที่มักจะดูหมิ่นดูแคลนนักบินหญิงอย่างเธอ แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกผัน เมื่อพวกเขาทั้งหมดต้องเผชิญหน้ากับอสูรกายลึกลับที่โผล่มาโจมตีเครื่องบิน นี่จึงเป็นโอกาสที่เธอจะพิสูจน์ให้เหล่าผู้ชายอกสามศอกทั้งหลายเห็นว่า เธอก็แกร่งไม่แพ้ใคร และประจัญบานกับอสูร เพื่อกระหน่ำมันให้รู้จักความตาย
ถึงแม้ว่าตัวหนังจะค่อนข้างสั้นๆ เพียงแค่ 83 นาที แต่ความเยิ่นเย้อกลับทำให้หนังดูยาวนานเหลือเกินกว่าจะปิดฉากลงเสียที ตามที่เกริ่นบอกเอาไว้ตั้งแต่พาดตัวแล้วว่า หนังเรื่องนี้ถ้าเกิดชอบก็คือชอบ แต่ถ้าไม่ชอบก็จะเกลียดมันได้ง่ายๆ เลย เพราะหนังเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผล และไร้ที่ไปที่มาอย่างแปลกกประหลาด ไม่มีการปูพื้นเรื่องราวและตัวละครใดๆ ทั้งสิ้น แต่อาจจะแอบแฝงด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ ระหว่างทางไป
หนังเริ่มต้นเรื่องได้อย่างขึงขังและดูมีสไตล์ที่น่าสนใจ “โคลอี้ เกรซ มอเรตซ์” มีเสน่ห์ในหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ในขณะที่ตัวละครชายหนุ่มคนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะมีอะไร แต่กลับนำเสนอได้อย่างแบนราบทุกตัว เพราะนิสัยใจคอทุกคนเต็มไปด้วยความเหยียดและดูหมิ่นเพศตรงข้ามเป็นหลัก ก็นับว่าเป็นสิ่งที่หนังนำเสนอได้อย่างตรงไปตรงมา และทำให้คนดูรู้สึกขยะแขยงพวกเขาได้โดยไม่ต้องคิดอะไร
กระทั่งหนังเริ่มดำเนินเรื่องไปได้ประมาณ 15 นาที ก็เริ่มสัมผัสถึงความน่าเบื่อที่เต็มไปด้วยบทพูดที่เป็นการสื่อสารระหว่างนางเอกกับลูกเรือบนเครื่องบิน ผ่านวิทยุสื่อสาร และก็แช่ข้างอยู่ตรงนั้นไปตลอดเกือบทั้งเรื่อง เรียกได้ โคลอี้ รับบทหนักในหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะเธอต้องเล่นเอง-ต่อบทเองอยู่คนเดียว ไปตลอดทั้งเรื่องที่น่าจะคิดเป็นร้อยละ 80 ของหนังทั้งหมดได้เลย
ขณะที่ประเด็น เจ้ากริมลิน ตัวละครสัตว์ประหลาดที่สอดแทรกเข้ามาในหนังนั้น ก็ช่างเต็มไปด้วยความไร้เหตุผลและที่ไปที่มาโดยแท้ คนดูไม่ได้สามารถจะได้รับความกระจ่างแจ้งในประเด็นนี้สักเท่าไหร่ เพราะอะไรหรือทำไมเจ้าปีศาจตัวนี้ถึงได้บุกขึ้นมาจู่โจมเครื่องบินลำนี้ได้ แต่กระนั้นก็อาจจะเป็นตัวแทนเชิงสัญลักษณ์ที่แทนตัวข้าศึกที่โจมตี แต่มาลองคิดทบทวนดูก็ยังไร้เหตุผลอยู่เช่นเดิม
หนังยังเต็มไปด้วยบทสนทนาสื่อสารกระทบกระทั่งกันไปมาเรื่อยๆ เกือบตลอดทั้งเรื่อง กว่าจะจุดเครื่องติดก็ปาไปจวนจะจบเรื่องแล้ว แม้จะมีฉากน่าลุ้นระทึกและเหตุการณ์แบบหักมุมให้รู้สึกประหลาดใจ ซ่อนความสนุกเอาไว้ไม่ใช่เล่นๆ แต่ทั้งนี้ก็ไม่สามารถลบล้างความน่าเบื่อของหนังที่ดำเนินเล่าเรื่องเรื่อยมาตลอดเกือบชั่วโมงของหนังที่ผ่านมาได้เลย
แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า Shadow in the Cloud ก็ยังมีองค์ประกอบที่ดีอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบด้านศิลป์ต่างๆ ที่มีการออกแบบฉากและมุมภาพได้ค่อนข้างสนใจ ในขณะเดียวกันอีกสิ่งที่โดดเด่นก็คือ เพลงประกอบที่เปิดคลอเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง ที่เป็นเพลงสไตล์อินดี้ร็อก-อิเล็กทรอนิกส์ที่ฟังได้แปลกหูดี เมื่อมาผสมผสานเข้ากับหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าแปลกดีไปอีกแบบ ถึงแม้ว่าในบางฉากเพลงจะไม่เข้ากันสักเท่าไหร่
ประจัญบาน อสูรเวหา
โดยสรุปแล้ว Shadow in the Cloud เป็นหนังที่ไม่สามารถอะไรอธิบายได้ว่าจะออกมาในรูปแบบลักษณะใด เป็นหนังสงครามปีศาจเขย่าขวัญที่มีความเฟมินิสต์ค่อนข้างโดดเด่นแปะอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้เด่นชัดมากมายสักเท่าไหร่ แต่เมื่อลองนำมาคลุกเคล้ารวมกันเป็นหนังเรื่องเดียวกันแล้ว เหมือนกับทานยำที่ขาดรสชาติหลายๆ อย่างอยู่ คืออร่อยแบบไม่สุดสักทาง ทั้งที่วัตถุดิบต่างๆ ในจานก็ดูเข้าท่าอยู่หรอก ดูหนังออนไลน์ 4k
เอาเป็นว่า Shadow in the Cloud ประจัญบานอสูรเวหา มีส่วนที่ดีและส่วนด้อยปะปนกันไป เพียงแต่คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของคนดูที่จะเป็นผู้ตัดสินเองว่า จะรัก..หรือเกลียดหนังเรื่องนี้ดีนะ?
นับว่าหนังเรื่องนี้ มาแปลกอยู่สักหน่อย เมื่อพวกเขาเริ่มต้นเรื่องด้วยการ์ตูนสั้นเรื่องหนึ่ง ซึ่งตอนแรกก็ทำเอาเรางุนงงไปเหมือนกันว่า นี่เรามาดูหนังถูกเรื่องมั้ยหว่า แต่หลังจากการ์ตูนจบ และหนังเริ่มไปได้สักพัก ก็เริ่มจะเห็นว่าอะไรเป็นอะไร
เอาจริงๆ หนังเรื่องนี้มีความพิเศษอยู่หลายอย่าง
อย่างแรกที่เห็นเลยก็คือ เขาแทบจะเอานักแสดงหญิงเพียงคนเดียวในเรื่องมาเล่นคนเดียว จะมีอยู่ช่วงใหญ่ๆ เลยที่จะเห็นน้องโคลอี้อยู่ตัวคนเดียวในป้อมปืน จะมีคนอื่นก็มาเพียงแค่เสียง เหมือนทุกคนมาเป็นแค่ตัวประกอบ เพราะโคลอี้จะโดดเด่นที่สุด
เท่านั้นไม่พอ หนังยังเลือกให้นักบินผู้ชายทั้งลำเอาแต่พูดจาเหยียดการ์เร็ตทั้งต่อหน้าและลับหลัง อย่างชัดถ้อยชัดคำอีกด้วย แต่ละถ้อยคำ คือขนาดเป็นผู้ชายฟังยังระคายหู มันจึงกลายเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างน่าเบื่อที่สุด คนดูต้องอดทนนิดหน่อยก่อนที่ความลุ้นจิกเบาะจะเริ่มขึ้น
การ์เร็ตบอกว่าตัวเองเป็นนักบิน แต่พวกผู้ชายบนนั้นบอกว่าเธอเป็นแค่เด็กส่งของ
หนังเหมือนต้องการจะตอกหน้าเหล่าผู้ชายที่พูดไม่คิด ไร้สมองไตร่ตรองว่าสิ่งใดควรพูดหรือไม่ควร เมื่อเครื่องบินลำนี้เผชิญกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่แอบเข้ามาพร้อมทำลายและหมายทำร้ายเธอ ก็มีแค่เธอนี่แหละที่ช่วยจัดการมัน โดยที่พวกผู้ชายแทบจะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
บทหนังเรียกได้ว่า มีความบ้าบออยู่พอสมควร เมื่อเลือกจะให้มันเป็นเหตุการณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่มีเครื่องบินญี่ปุ่นเข้ามาโจมตี แต่พวกเขาก็ดันใส่เอาเจ้าเกรมลิน สัตว์ประหลาดตัวเดียวทำเครื่องบินลำนี้ป่วนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่บทก็มีความน่ารำคาญก็ประมาณหนึ่งเช่นกัน นอกเหนือจากเหล่าทหารชายที่เอาแต่หยอกแกมเหยียดการ์เร็ตอย่างสนุกปาก พวกเขาก็กลับไม่เคยจะเชื่อยามเธอเตือนว่ามีสัตว์ร้ายขึ้นมาบนเครื่องด้วย
แถมก็ยังมีความเหลือเชื่ออีกหลายอย่างผสมๆ กัน แต่ถ้ามองว่าดูเอาบันเทิง มันก็บันเทิงอยู่นะ หนัง 4k,
โดยรวมแล้ว มันเป็นหนังที่ชวนระทึก คนดูจะรู้สึกตื่นเต้นลุ้นเต็มที่เอาใจช่วยนางเอกให้รอด แต่ไม่เชิงเป็นแอคชันจ๋ามากนัก เพราะหนังแบ่งพื้นที่ให้กับเรื่องการเหยียดเพศบวกกับการตอกกลับหน้าหงาย ผสมกับบทแบบ ‘อิหยังวะ’ ที่จัดเต็มมาเพื่อความบันเทิงล้วนๆ นางเอกจะเก่งเวอร์แต่คนดูจะเอาใจช่วยสุดฤทธิ์