รีวิว ปริศนาพลังฮีโร่
รีวิวหนัง netflix How I Became a SuperHero (ปริศนาพลังฮีโร่) ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่สัญชาติฝรั่งเศสกำกับโดย อัตตัล ดั๊กลาส ดัดแปลงจากหนังสือชื่อ Comment je suis devenu super-héros โดย Gérald Bronner นักวิทยาศาสตร์และนักเขียนสังคมฝรั่งเศส ซึ่งจัดจำหน่ายโดย วอร์เนอร์ บรอส พิคเจอร์ และมีกำหนดฉายประเทศไทยในเดือนพฤษภาคม แต่เพราะโควิดเลยทำให้หนังถูกโยกย้ายมาลงในเน็ตฟลิกซ์ โดยหนังเข้าฉายไปแล้วเมื่อปีก่อนและได้คะแนนคำวิจารณ์ที่ไปในแง่บวก โดยหนังมีเสียงพากย์ภาษาไทยเต็มรูปแบบ ฉายแล้ววันนี้
รีวิว How I Became a SuperHero
ในปี 2020 โลกได้กลายเป็นที่ที่เหล่าซูเปอร์ฮีโร่อาศัยร่วมกับมนุษย์อย่างสงบสุขมาตลอด และคอยช่วยเหลือผู้คนที่ลำบาก แต่แล้วภายหลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้ซูเปอร์ฮีโร่ลดลงในประเทศฝรั่งเศส ก็ได้มีผู้ไม่ประสงค์ดีผลิตยาปริศนาที่ทำให้สามารถมีพลังวิเศษและใช้มันเพื่อขายให้กับวัยรุ่นในฐานะยาเสพติด ทว่าเมื่อยาเหล่านี้แพร่กระจาย อาชญากรรมที่ไม่อาจควบคุมก็ปั่นป่วนปารีสไปทั่ว และทำให้ผู้คนนั้นตกอยู่ในความเดือดร้อน
โดยมีวัยรุ่นเป็นผู้ต้องสงสัย ทำให้ตำรวจอย่างมอโรผู้มีปมอดีตในใจและไม่อยากทำงานร่วมกับใคร ต้องจับมือกับยอดนักสืบหญิงไขคดีและยับยั้งแผนการร้ายที่หวังจะรบกวนความสงบของโลกโดยร่วมมือกับฮีโร่ในอดีต แต่ทว่ายิ่งสืบคดีมากเท่าไหร่ทุกอย่างมันก็ยิ่งเชื่อมโยงกับตัวเขาและอดีตที่คาดไม่ถึง พร้อมกับความสัมพันธ์รักกับยอดนักสืบหญิงที่ค่อย ๆ พัฒนาและหาทางร่วมมือที่จะปลดปล่อยปารีสจากภัยมืดอันชั่วร้าย ดูหนังฟรี
แม้หน้าหนังจะเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่แต่จริง ๆ แล้วเป็นหนังสืบสวนสลับกับโชว์พลังซูเปอร์ฮีโร่เป็นระยะๆ พร้อมกับการทำงานของตำรวจที่ต้องรับมือกับคดีปริศนาต่างๆ ที่เรื่องทิ้งปมไว้ก่อนจะพาเราไปสำรวจชีวิตของตัวละครเอกชายหญิงทั้งสองคนที่พยายามจะไขปริศนาเหล่านี้ โดยมีตัวละครที่มีพลังวิเศษที่มีพลังหลากหลายซึ่งอาจจะไม่ได้เวอร์วังอลังการอะไรแบบหนังซูเปอร์ฮีโร่ทุนสูงที่เน้นเนื้อเรื่องที่เน้นไปทางฮีโร่ แต่จริงๆ
แล้วหนังให้ภาพสะท้อนของมนุษย์ที่พยายามจะใช้ชีวิตร่วมกับฮีโร่ แต่อีกด้านก็อยากมีพลังวิเศษหรือแม้แต่อยากทำลายมัน ทำให้เกิดความขัดแย้ง หนังนั้นอัดแน่นไปด้วยรสชาติที่หลากหลายทั้งตลก ตื่นเต้น ระทึกขวัญชวนให้ติดตามว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง มีตัวร้ายในสไตล์หนังฮีโร่ที่โผล่มาแต่ละครั้งก็น่าสะพรึงตลอด พร้อมกับความสัมพันธ์สุดโรแมนติกที่หยอดเข้ามาแบบกำลังพอเหมาะ และตัวละครที่ตอนแรกไม่ค่อยน่าสนใจให้เอาใจช่วย
จนกระทั่งเวลาผ่านไป หนังจะค่อย ๆ เฉลยปมที่คาดไม่ถึงก่อนจะเดินเรื่องอย่างรวดเร็วและระเบิดฉากแอ็คชั่นแบบเตะเป็นเตะต่อยเป็นต่อยและสะใจมาก ๆ พร้อมการหักเหลี่ยมระหว่างตำรวจกับผู้มีพลังวิเศษที่สามารถทำร้ายคนบริสุทธิ์ได้ในตอนท้ายในระดับที่อลังเท่าที่หนังจะมอบให้ได้ แน่นอนว่ามีฉากเท่ ๆ ของเหล่าตัวละครพลังวิเศษที่สลับมุมมองของเรื่องราวก่อนจะเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างพอดิบพอดี และบทสรุปของเรื่องที่จัดเต็มและพร้อมจะปูให้มีภาคต่อแบบเท่ ๆ ถ้าหากเขาจะทำล่ะนะ
ความแปลกใหม่ของเรื่องคือตัวละครหลักไม่ได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่แต่เป็นตำรวจธรรมดาที่ไม่มีพลังวิเศษที่พยายามไปกับการตามล่าหาความจริง และทำคดีไปเรื่อย ๆ โดยซูเปอร์ฮีโร่ในเรื่องไม่ได้เป็นตัวดีแบบหนังเรื่องอื่น แต่เป็นตัวร้ายที่หนังหลายเรื่องก็น่าจะเคยทำ แต่นี่เป็นหนังสืบสวนหาความจริงกึ่ง ๆ ซูเปอร์ฮีโร่ ตัวป่วนของเรื่องจึงเป็นเด็กมีปัญหาที่ใช้พลังอันเกินขีดกำจัดก่อเรื่องวุ่นวาย ปฏิบัติการต่างๆ ดูหนังออนไลน์
รีวิว ปริศนาพลังฮีโร่
ประเด็นของเรื่องถือว่าใช้ได้เลย โดยเฉพาะเรื่องของการพูดถึงพลังวิเศษที่เชื่อมโยงกับอาการทางจิตซึ่งมันมีความพยายามจะอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ การเป็นซูเปอร์ฮีโร่ต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง ความแตกต่างของคนที่มีพลังวิเศษเพื่อช่วยเหลือคนอื่นกับทำร้ายคนอื่น การมองว่าพลังฮีโร่นั้นเป็นคำสาป และการยอมรับที่จะเป็นตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมซึ่งพอเป็นหนังฝรั่งเศสมันก็จะมีความแปลกใหม่หน่อย ๆ ตรงประเด็นมันจะถูกนำเสนอแบบให้เก็บรายละเอียดของโลก ไม่ได้บอกคนดูแบบโต้ง ๆ
แต่ให้เราสำรวจผ่านตัวละครและปมของตัวละคร ที่น่าเสียดายคือช่วงท้ายเรื่องดูพยายามจะโชว์ว่านี่เป็นหนังฮีโร่และจบลงแบบง่าย ๆ ตามสูตรสำเร็จของหนังฮีโร่ โดยที่มันไม่ได้บิวต์อารมณ์หรือแรงขับเคลื่อนมากพอที่จะทำให้เข้าใจว่าทำไมหรือยังไง ทั้งที่ปมอะไรมันน่าสนใจเอามาก ๆ แต่ตัวละครบางตัวที่ดูจะมีประโยชน์อะไรแต่ก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากเหมือนที่หนังพยายามนำเสนอ เช่นตัวละครเด็กผู้หญิงที่ปูมาว่ามีพลังวิเศษ แต่ดันกลายเป็นตัวละครที่สำคัญแค่ในทางที่ตัวร้ายต้องการพลังและถูกจับตัวไปยันจบเรื่อง ในส่วนของคอสตูมฮีโร่ก็ดูเท่ในแบบฝรั่งเศส ดูอินเตอร์ด้วย
สำหรับนักแสดงไม่รู้จักสักคน แต่เล่นได้ดีและเป็นธรรมชาติ ซีนอารมณ์อาจจะไม่มากแต่ก็ทำให้เราอินโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของตัวละครที่มีทั้งสุข ทุกข์ น่าเกรงขาม และดูมีเสน่ห์แทบทุกตัว แม้ว่าหนังจะไม่ได้ให้เวลากับตัวละครเหล่านี้มากเท่าที่ควร ที่ขอชมเลยคืองานภาพที่เป็นส่วนผสมของหนังทุนต่ำกับมุมกล้องกว้างแบบหนังฮีโร่ที่ฉับไวและแปลกใหม่พร้อมกับงานซีจีที่มีไม่มากแต่ก็ไม่ไก่กา แค่มันไม่ได้ถูกขับเน้นเหมือนกับหนังทุนสูงเรื่องอื่น ทำให้เราเชื่อได้ว่าคนที่มีพลังวิเศษทั้งในด้านไฟ น้ำแข็ง หรือพลังสนามแม่เหล็กดูน่าเชื่อถือและไม่ดูโอเวอร์พาวเวอร์เกินไป ดนตรีถือว่าแนวและติดหูมากมันผสมผสานระหว่างดนตรีแบบอนาคตและสไตล์หนังไซไฟมีการเร้าอารมณ์มีการใช้ซาวนด์เอฟเฟกต์ตอนฉากแอ็คชั่นได้แบบเข้มข้น เสริมอารมณ์ในฉากบู๊ที่มีไม่มากแต่ดุเดือน เสียงตุ้บตั้บ และฉากปล่อยพลังตอนท้ายที่สุดอลังการมาก อยากให้ทุกคนได้เห็นจริง ๆ
สรุป How I Became a SuperHero
ถือเป็นหนังนอกสายตาที่ดีกว่าที่คาดไว้เลย ช่วงสืบคดีแอบเนือยติดเครื่องช้าหน่อย แต่หากดูไปเรื่อย ๆ มันจะค่อย ๆ ตื่นเต้นและสนุกมากจริง ๆ คุณอยากเห็นว่าชีวิตของคนธรรมดาที่อยู่ในโลกซูเปอร์ฮีโร่เป็นยังไง คุณจะได้เห็นการพัฒนาของความสัมพันธ์ตัวละคร และสาดพลังกันแบบไม่ต้องยั้งที่มีมากกว่าแค่ฮีโร่ สะท้อนถึงปัญหาสังคมและการเอาตัวรอดของมนุษย์ที่รู้สึกแตกต่างและแปลกแยก ถือเป็นหนังดีสุดสัปดาห์ที่น่าหามาดูครับ
หนัง How I Became a Super Hero ปริศนาพลังฮีโร่ ในโลกที่มนุษย์และยอดมนุษย์อาศัยอยู่ร่วมกัน ตำรวจรักสันโดษได้หันไปร่วมมือกับนักสืบสมองไวเพื่อหาทางโค่นล้มแผนการร้ายที่ต้องการยึดครองพลังวิเศษ หนังฝรั่งเศสที่หยิบนำฮีโร่มาเป็นส่วนประกอบแนวสืบสวน ระทึกขวัญ แอบตลกแต่ไม่จ๋าแบบมาร์เวล นักแสดงคุณภาพ อีกทั้งยังแสดงดี และชวนให้ติดตาม
โดยตัวละครหลักไม่ได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่แต่เป็นตำรวจธรรมดาที่ไม่มีพลังวิเศษที่พยายามไปกับการตามล่าหาความจริง และทำคดีไปเรื่อย ๆ โดยซูเปอร์ฮีโร่ในเรื่องไม่ได้เป็นตัวดีแบบหนังเรื่องอื่น แต่เป็นตัวร้ายที่หนังหลายเรื่องก็น่าจะเคยทำ แต่นี่เป็นหนังสืบสวนหาความจริงกึ่ง ๆ ซูเปอร์ฮีโร่ ตัวป่วนของเรื่องจึงเป็นเด็กมีปัญหาที่ใช้พลังอันเกินขีดกำจัดก่อเรื่องวุ่นวาย ปฏิบัติการต่าง ๆ ที่เขาทำโดยใช้ความฉลาดโดยไม่ต้องใช้พลังแต่สามารถไขปริศนาแม้ว่าเขาจะได้ปะทะกับฮีโร่เหล่านี้โดยตรง
พร้อม ๆ กับยอดนักสืบหญิงที่แม้บทจะดูเป็นตัวละครสนับสนุนแต่ก็มีประโยชน์ในแง่ของความฉลาดในการช่วยตัวเอกตามหาเบาะแส และช่วยเหลือในสถานการณ์ยามคับขัน มีซีนรักโรแมนติกที่สวยงามให้ได้เห็นว่าทั้งสองคนค่อย ๆ รักกันได้ยังไง สลับการเล่าปัญหาของเยาวชนที่คึกคะนอง ที่อยากเล่นสนุกจนลืมคิดถึงตัวเองที่นำมาซึ่งภัยต่อตัวเองและคนรอบตัว
อย่างไรก็ตามถือเป็นหนังนอกสายตาที่ดีกว่าที่คาดไว้เลย ช่วงสืบคดีแอบเนือยติดเครื่องช้าหน่อย แต่หากดูไปเรื่อย ๆ มันจะค่อย ๆ ตื่นเต้นและสนุกมากจริง ๆ คุณอยากเห็นว่าชีวิตของคนธรรมดาที่อยู่ในโลกซูเปอร์ฮีโร่เป็นยังไง คุณจะได้เห็นการพัฒนาของความสัมพันธ์ตัวละคร และสาดพลังกันแบบไม่ต้องยั้งที่มีมากกว่าแค่ฮีโร่ สะท้อนถึงปัญหาสังคมและการเอาตัวรอดของมนุษย์ที่รู้สึกแตกต่างและแปลกแยก ถือเป็นหนังดีสุดสัปดาห์ที่น่าหามาดูค่ะ
ถ้าอยากจะมีพลังพิเศษสักอย่างหนึ่ง คุณอยากจะมีพลังอะไร? คำถามนี้มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดูเหมือนไม่เป็นจริงและชวนฝันสำหรับใครหลาย ๆ คน หนังซุปเปอร์ฮีโร่จึงกลายเป็นสิ่งที่ตอบสนองถึงความฝันของคนที่อยากจะมีพลังพิเศษนั้น และถ้าหากมีพลังพิเศษให้คุณได้ใช้สมหวัง แต่มีเวลาจำกัดเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น คุณจะเอาหรือไม่? และนี่คือหนังที่จะบอกคำตอบกับคุณได้กับ Project Power
เรื่องย่อ
มียาชนิดหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงให้มนุษย์ธรรมดา สามารถมีพลังพิเศษได้ มันจึงกลายเป็นเหมือนสิ่งเสพติดชนิดหนึ่ง และแน่นอน มันมีผลเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น Robin เด็กสาวที่เป็นนักหน้าค้ายาตามท้องถนน ต้องมาพบกับ Art อดีตผู้พันผู้พยายามตามหาลูกสาวที่ถูกจับตัวไป พร้อมกับ Frank นายตำรวจผู้แอบใช้ยา เพื่อใช้ประโยชน์ในการสืบคดี ทั้งสามคนต้องมาเกี่ยวพันกับเบื้องหลังของยาพลังพิเศษนี้ พร้อมหยุดยั้งไม่ให้ยาพิเศษนี้ สร้างอันตรายกับผู้คน
ปริศนาพลังฮีโร่
หนังที่เสียดสีประเด็นสังคมได้อย่างแนบเนียน
ถือเป็นความน่าสนใจของการผสมแนวหนังสองแบบสองสไตล์มาใส่ไว้ในเรื่องเดียวกัน นั่นคือแนวหนังซุปเปอร์ฮีโร่เหนือความจริง และแนวแอ็คชั่นตำรวจไล่ล่าผู้ร้ายที่เห็นได้ในชีวิตจริง มันเลยทำให้เนื้อหานั้นไม่ดูแฟนตาซีจ๋าเกินไป และไม่สมจริงเกินเหตุ เรียกว่ากึ่งสมจริงก็ถือว่าไม่ผิดเท่าไหร่ และสิ่งที่แทบไม่น่าเชื่ออย่างหนึ่งคือ หนังเรื่องนี้กำกับโดย Henry Joost และ Ariel Schulman ผู้ที่เคยกำกับหนังภาคต่อขนหัวลุกอย่าง Paranormal Activity 3-4 ที่เปลี่ยนแนวมากำกับหนังสไตล์แอ็คชั่นแบบนี้ได้
ถือว่าเป็นการทำผลงานที่ค่อนข้างน่าพอใจ บวกกับการนำเสนอของหนังเรื่องนี้ มันมีความเสียดสีสังคมหลากหลายประเด็นให้ขบคิดอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็น ชนชั้นการดิ้นรนของคนยากจนผ่านตัวละครอย่าง Robin หรือนายตำรวจผู้พยายามแหกกฏเกณฑ์บางอย่างเพื่อความยุติธรรมผ่าน Frank รวมไปถึงประเด็นของการถูกเอารัดเอาเปรียบจากองค์กรใหญ่ ๆ ที่ผ่านตัวละครอย่าง Art มันเลยทำให้สามารถเข้าถึงเนื้อเรื่องนี้ได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก เว็บดูหนังฟรี
นักแสดงนำชายระดับแม่เหล็ก
พอเห็นชื่อของ Jamie Foxx นักแสดงผิวสีมากบทบาท กับ Joseph Gordon Levitt ก็บอกเลยว่าหนังเรื่องนี้ต้องสนุกแน่ ๆ ซึ่งหลังจากดูจบบอกเลยว่าการแสดงของทั้งสองคนนี้ไม่ผิดหวังจริง ๆ ฉากแอ็คชั่นมันส์ ๆ ของ Jamie Foxx ที่แสดงออกมาได้ดุเดือดสะใจ
บวกกับบทบาทนายตำรวจมาดกวน ๆ ของ Joseph Gordon Levitt ที่ไม่ได้เห็นบ่อยหลังจากบทนายตำรวจที่ดูไม่โดดเด่นใน Batman Dark Knight Rises ก็แสดงให้เห็นว่าบทบาทนายตำรวจในเรื่องนี้ของเขานั้นทำออกมาได้โดดเด่นและเจ๋งมาก ๆ และอีกคนหนึ่งที่แสดงได้น่าสนใจอย่าง Dominique Fishback นักแสดงสาวที่ส่วนใหญ่จะมีบทบาทในทีวีซีรีส์ก็รับบทเป็นตัวนำออกมาได้น่าสนใจ แถมทักษะการแร็ปของเธอก็เรียกว่าเข้าขั้นแพรวพราวเลยทีเดียว
เพราะกึ่งสมจริง การโชว์พลังพิเศษเลยดูน้อยไปหน่อย
ด้วยความที่มันเป็นหนังแอ็คชั่นลูกผสม ซึ่งจะเน้นหนักในการนำเสนอเนื้อหาที่ดูเป็นจริง ทำให้เรื่องของพลังพิเศษที่เป็นเหมือนไฮไลท์สำคัญของหนังดูมีการนำเสนอที่น้อยไปกว่าที่ควรจะเป็น และขอชื่นชมกับการพากย์ไทยของหนังเรื่องนี้ที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ โดยเฉพาะการแร็ปที่แปลเป็นภาษาไทยออกมาได้ค่อนข้างดี แถมแร็ปไหลลื่น คล้องจองมีสัมผัส แต่ในบางฉากของเรื่องยังมีเสียงจากต้นฉบับหลุด ๆ ออกมาบ้าง ทำให้สะดุดในการชมเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่ารับได้และทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ในหลาย ๆ องค์ประกอบ
เป็นหนังแอ็คชั่นบน Netflix ที่ทำออกมาได้สนุกแบบ Blockbuster มีความสนุกที่ถูกใจคอหนังสองประเภท มีฉากแอ็คชั่นที่กึ่งสมจริงที่ดูแล้วเพลิดเพลินมาก ๆ การแสดงร่วมกันของ Jamie Foxx และ Joseph Gordon Levitt ก็เข้าขากันได้ดี ทำให้ Project Power ดูสนุกและเพลิดเพลินในช่วงเวลาพักผ่อนสนุก ๆ ได้เป็นอย่างดี และหนังเรื่องนี้มีเฉพาะบน Netflix เท่านั้นนะครับ เว็บดูหนัง