รีวิว พีกี้ ไบลน์เดอร์ส
รีวิวซีรี่ย์ อีกหนึ่งมหากาพย์ซีรี่ย์ที่บอกเลยว่าถ้าเป็นคนรักหนัง ชอบดูหนัง ต้องห้ามพลาดเลยจริงๆ สำหรับ Peaky Blinders เพราะด้วยซีรีส์เรื่องนี้มีเนื้อหาเข้มข้น หนักแน่นตามสไตล์ การเล่าเรื่องที่ประติดประต่อ เข้าใจง่าย การแสดงดีมาก แถมถ่ายทำออกมาสวยมาก ทั้ง Location และดีเทลของภาพที่ละเอียดสุดๆ
สำหรับใครที่ไม่ยังไม่เคยดู Peaky Blinders เป็นซีรี่ย์ที่ว่าด้วยเรื่องของแก๊งค์อันธพาลแก๊งค์หนึ่งในเมือง Birmingham “พีคกี้ ไบลน์เดอร์ส” ชื่อนี้มิใช่ได้มาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด แต่เป็นฉายาที่รับการขนาดนามจากวีรกรรมที่สมาชิกได้ไปก่อขึ้นครั้งแล้ครั้งเล่า นั่นก็คือการติดใบมีดโกนไว้ที่หมวกทรง “พีคกี้” ซึ่งเวลาสู้ แก๊งค์นี้ก็จะถอดหมวกที่แฝงใบมีดไว้บริเวณขอบหมวก ออกมาปาดคอ สำหรับตัวละครนำ “ทอมมี่” หรือ “โธมัส เชลบี้” และเสริมความโหดแบบจัดเต็มด้วยครอบครัวเชลบี้ ซึ่งครอบครัวนี้มีธุรกิจหลักคือการทำ “พนันม้า” และแน่นอนว่ายังเป็นอันธพาลผู้มีอิทธิพลในเบอร์มิงแฮม ที่มีทั้งคนรัก และคนเกลียด
การต่อสู้เพื่อยืนหยัดในการขึ้นมาเป็นหนึ่ง และ เป็นผู้มีอิทธิพลภายในเมืองเบอร์มิ่งแฮมของ 4 พี่น้องตระกูลเชลบี้ หรือชื่อกลุ่ม “พีกี้ ไบลน์เดอร์ส” ที่มีส่วนในการปล้นคลังแสงของรัฐโดยไม่ได้ตั้งใจ นำมาซึ่งการไล่ล่าของตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มีฝีมือและลูกเล่ห์ลูกชน พร้อมด้วยปัญหาระหว่างแก๊งค์อื่นๆที่พยายามจะล้มล้างกลุ่ม “พีกี้ ไบรลน์เดอร์ส” ของพวกเชลบี้ให้สิ้นซาก ดูหนัง
โลกของหนังถูกเซ็ตในประเทศอังกฤษ ซึ่งอยู่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 โธมัส เชลบี้หรือทอมมี่ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวและเริ่มต้นสร้างธุรกิจพนันม้า ด้วยความทะเยอทะยานอันแรงกล้าของเขา จนทำให้เป็นเป้าสำคัญของผู้ที่มีอิทธิพลหลายคน ถึงแม้ทอมมี่จะรู้ว่าธุรกิจยังมีขนาดเล็ก แต่ด้วยความชาญฉลาด และ กล้าได้กล้าเสีย ทำให้เขาเลือกที่จะใช้ข้อกังขาที่มีต่อตำรวจ มาเป็นข้อต่อรองในการเจรจา และ ใช้เป็นเครื่องในการทำลายคู่แข่งของเขา
ตัวซีรี่ส์จะพาคนดูไปพบกับความรุนแรง ธุรกิจสีเทา พวกพ้อง และ การดูแลครอบครัวให้อยู่รอดปลอดภัยบนโลกที่อันตราย ซึ่งตีมหลักๆ ที่เห็นเลยก็คือความเป็นครอบครัว การรักใคร่ปรองดองกัน การทะเลาะเบาะแว้ง ความไม่เข้าใจกันของคนในครอบครัว ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละคนที่ส่งผลต่อครอบครัว การร่วมกันแก้ปัญหา การเอาชนะคู่แข่งอย่างสมศักดิ์ศรี
รีวิว พีกี้ ไบลน์เดอร์ส
พอมาในส่วนซีซั่นที่ 2 ทอมมี่และเหล่าพี่น้องกลุ่ม “พีกี้ ไบรลน์เดอร์ส” ต้องการที่จะขยายขอบเขตการค้าขายและธุรกิจของครอบครัวให้เข้าสู่ลอนดอน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องเจอกับคู่แข่งที่มีอิทธิพลและพาร์ทเนอร์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ อีกทั้งยังมีคู่แค้นของทอมมี่ที่กลับมาพร้อมข้อเสนอ และ งานให้ทอมมี่ต้องจำใจทำเพื่อความอยู่รอดของเขาเอง และ ครอบครัว กลับมาคราวนี้ตระกูลเชลบี้เจอศัตรูที่โหดขึ้น และ เรื่องราวที่เข้มข้นขึ้นอีกด้วย พร้อมคู่ค้าหน้าใหม่ซึ่งได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง “Tom Hardy” มาสมทบในเรื่องนี้อีกด้วย หนัง 4k
ศัตรูในซีซั่นนี้จะเป็นผู้มีอิทธิพลที่ครองพื้นที่ในลอนดอน และ มีเส้นสายเป็นตำรวจ จึงทำให้ทอมมี่ต้องคิดแผนรับมืออย่างถี่ถ้วน รวมถึงจัดการปัญหาความรักครั้งเก่าและใหม่ อีกทั้งต้องจัดการเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างป้าพอลลี่และไมเคิล ซึ่งเป็นลูกชายของป้าพอลลี่ที่ต้องแยกจากกันตั้งแต่เด็กๆ ให้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
ถัดมาในซีซั่นที่ 3 เหตุการณ์การสูญเสียภรรยาอันเป็นสุดที่รักของทอมมี่ จากการถูกชายลึกลับลอบยิงกลางงานแต่งงาน ทำให้ทอมมี่โศกเศร้า และ เคียดแค้นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นชาวรัสเซียที่มีกลุ่มราชวงศ์ผู้ร่ำรวยและมีอำนาจคอยหนุนหลัง จากการข่มขู่หมายจะเอาชีวิตทั้งครอบครัวของทอมมี่ ทำให้เขาต้องจำใจทำงานให้ราชวงศ์เพื่อปกป้องชีวิตตนเองและลูก รวมถึงคนอื่นๆ ในครอบครัว
การกลับมาคราวนี้ครอบครัวเชลบี้ได้ยกระดับตัวเองขึ้นมามีหน้ามีตาในสังคม และ ฐานะที่ดีขึ้น และ พยายามทำทุกทางเพื่อให้ได้มีธุรกิจที่ถูกกฏหมาย แล้วก็มีบริษัทเป็นของตัวเอง ซึ่งในซีซั่นนี้ก็เจอศัตรูที่โหดเหี้ยมขึ้นมาก ทันเกม ไม่หลงกลของทอมมี่ได้ง่ายๆ สังเกตุได้เลยว่าทั้งซีซั่น แทบจะไม่มีช่วงไหนที่ทอมมี่ได้เปรียบเลยซักนิด วางแผนอะไรไป อีกฝ่ายรู้ทันหมด และ โดนเล่นซะยับเลยทีเดียว อีกทั้งหลายๆ คนในครอบครัวก็เริ่มโตขึ้น เริ่มมีครอบครัว มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ และคนสำคัญที่จำเป็นจะต้องดูแล ทำให้ทอมมี่ เขาต้องแบกรับปัญหาทุกอย่างไว้ โดยรวมแล้วเป็นซีซั่นที่เน้นดราม่าได้หนักหน่วงมากเลย
ในซีซั่นที่ 4 ตระกูลเชลบี้ต้องตกอยู่ในอันตรายของมาเฟียอิตาลี ซึ่งเดินทางมาเบอร์มิ่งแฮมเพื่อชำระแค้น และ ตามฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ “โธมัส เชลบี้” การคุกคามครั้งนี้หนักหนากว่าครั้งไหนๆ และ น่ากลัวเกินกว่าที่คนๆ เดียวจะรับไหว ซีซั่นนี้กลับมามีฉากดวลปืนกันดุเดือดเหมือนซีซั่นแรกๆ อีกครั้ง โดยยังไม่ทิ้งความดราม่า การเมืองสุดเข้มข้น และเพิ่มมาด้วยความเดือดที่จัดกันมาได้จุใจ ซึ่งในซีซั่นนี้ทอมมี่ต้องเจอกับศัตรูที่เก่งกว่า โหดเหี้ยมกว่า ทำให้เกือบจะต้องหนีหัวซุกหัวซุนเลยทีเดียว
มาเฟียอิตาลีสุดโหดอย่าง “ลูก้า” ที่มีความชาญฉลาดและเดินเกมได้ดีกว่าทอมมี่ ทำให้ทอมมี่พลาดและเกิดสูญเสียคนในครอบครัวอีกครั้ง ทอมมี่จึงต้องร่วมมือกับพันธมิตรที่หลายคนไม่ต้องการไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพื่อเป็นกำลังในการต่อกรกับมาเฟียทรงอิทธิพลกลุ่มนี้ ในด้านของธุรกิจก็ยังไม่วายมีเรื่องยุ่งเข้ามา ซึ่งมีประเด็นของความไม่เท่าเทียม สิทธิเสรีภาพของแรงงาน รวมทั้งการรวมกลุ่มกันของพรรคพวกคอมมิวนิสต์ที่อาจจะทำให้ธุรกิจของทอมมี่พังลง และปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น
อีกทั้งยังมีสาวคนใหม่ประจำซีซั่นนี้ “เจสซี่ อีเดน” ผู้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคอมมิวนิสต์ที่ต้องการปฏิวัติ และเป็นปากเป็นเสียงให้กลุ่มแรงงานที่อดทนทำงาน แต่ได้รับค่าแรงที่ต่ำและไม่เท่าเทียมของบริษัทตระกูลเชลบี้
มาในซีซั่นที่ 5 เมื่อ “โธมัส เชลบี้” ได้รับตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎร และมีอำนาจทางด้านการเมือง แต่ก็ยังไม่พ้นการถูกคุกคามจากอิทธิพลของคนบางกลุ่มที่ต้องการแผ่อำนาจทางการเมืองของตน และข่มขวัญโธมัสในการใช้ให้ทำงานสกปรก รวมทั้งปัญหาจากทุกทิศทางที่ทำให้ทอมมี่เริ่มมีสุขภาพทางจิตใจที่ไม่ปกติ
เป็นซีซั่นที่เน้นการเมืองมากกว่าซีซั่นก่อนๆ และยังเป็นซีซั่นที่เปิดเผยให้เห็นว่าตัวละครหลักในเรื่องอย่างครอบครัวเชลบี้ เริ่มหน่ายและอยากจะหนีจากวงจรปัญหาที่มักต้องเจอเหมือนที่ผ่านๆ มา และความเครียดสะสมของทอมมี่ ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ จนกระทั่งลุกลามไปถึงการทำงานทั้งสองด้านของทอมมี่ ดูหนังออนไลน์ 4k
ปัญหาครอบครัวที่เริ่มลุกลามบานปลาย และการไม่เชื่อใจกันอีกต่อไป จากปัญหาที่ตลาดหุ้น “Wall Street” ล่มและครอบครัวเชลบี้ได้สูญเงินไปแทบทั้งหมด เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของไมเคิลที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของทอมมี่ ทำให้ต้องหันไปทำธุรกิจกับคนจีน ซึ่งในขณะนั้นเชื่อว่าการทำการค้ากับคนจีนนั้น มักจบไม่สวยแน่ๆ แต่ทางเลือกที่มีกลับมีไม่มากนัก จึงทำให้ทอมมี่ต้องเลือกที่จะทำการค้าเพื่อนำเงินมากอบกู้สถานการณ์ทางการเงินที่ย่ำแย่อย่างเลี่ยงไม่ได้
โดยในช่วงท้ายๆ ของซีซั่นนี้ ดำเนินเรื่องได้สนุกและตื่นเต้นมากๆ เลยล่ะค่ะ การพลิกแพลงแผนการกันไปมาทำได้ลุ้นกันพอสมควร อีกทั้งยังไม่สามารถเดาได้เลยว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ และ จุดจบจะเป็นอย่างไร ซึ่งต้องบอกเลยว่าตบท้ายตอนจบได้พีคจริงๆ แต่คงต้องรอซีซั่นใหม่กันต่อไป
พีกี้ ไบลน์เดอร์ส
รีวิว Peaky Blinders
ก่อนหน้านี้ (ภาค 1-4) การดำเนินเรื่องของ Peaky Blinders จะไม่เน้นเรื่องราวที่ฉาบฉวยมากนัก แต่จะเน้นไปที่การเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด เน้นไปที่อารมณ์ของนักแสดง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำไว้ได้ดีเอามากๆ ทำให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วม และรู้ตัวอีกทีก็จบซีซั่นไปซะแล้ว! แต่สำหรับซีซั่น 5 นั้นไม่ใช่เลย เพราะการปรับเรื่องราวให้มีความ “กระชับ” มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถปูเนื้อหาอื่นๆ ที่สอดแทรกเข้ามาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ดูไม่ขาดหรือไม่เกิน
โดยตัวเอกของเรื่องอย่างโทมัส เชลบี้ หัวหน้าแก๊งค์ Peaky Blinders ในซีซั่น 5 นี้ จะเห็นได้ชัดว่ามีการเติบโต และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จากเมื่อก่อนเขาจะเป็นคนที่ชอบลงมือสะสางปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด แต่เมื่อโทมัสได้เลือกเส้นทาง “นักการเมือง” แล้ว การที่จะลงมาจัดการกับปัญหาต่างๆ ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เคยเป็น เขาจึงต้องเลือกทำแบบ “ทำน้อยลง” แต่ “คิดมากขึ้น” นั่นเอง ซึ่งเราก็มองว่าเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการของตัวละครที่มากขึ้น ส่งผลให้การดำเนินเรื่องมีความเข้มข้นในด้านเนื้อหาเพิ่มขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าจะมีการขมวดเรื่องราวให้มีความรวดเร็วขึ้น แต่เนื้อหา ประเด็นต่างๆ ก็ยังคงเข้มข้นไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเส้นเรื่องที่ยังคง “คาดเดาไม่ได้” ตามสไตล์ของ Series เรื่องนี้ ที่บอกเลยว่าทำมาได้ดีจริงๆ ทั้งในแง่ของการตัดต่อ เอฟเฟ็กต์ต่างๆ การเล่าเรื่อง รวมไปจนถึงการแสดงของตัวละคร (โดยเฉพาะเจ๊ Polly) ที่โขมยซีนได้แทบจะทุกวินาทีที่เจ๊แกออกมา เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ย์ที่มีองค์ประกอบครบสุดๆ อีกหนึ่งเรื่องเลยล่ะ
และอีกหนึ่งตัวละครที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยสำหรับซีซั่นนี้ ก็คือตัวร้ายที่เรียกได้ว่าเป็นคู่ปรับของโทมัสได้แบบเต็มปากเต็มคำ ในแบบที่ตัวโทมัสเองยังเอ่ยปากเลยว่า “เขาอาจจะเจอคนที่เขาไม่สามารถปราบได้แล้วล่ะ!” นั่นก็คือ ส.ส. Oswald Mosley (นำแสดงโดย Sam Claflin จาก Me Before You) ที่พูดได้เต็มปากลยว่า “แสดง โคตรดี!” ซึ่งอาจจะเป็นการแสดงที่ขึ้นหิ้งของเขาเลยทีเดียว ทั้งบทพูด ความมั่นใจ การแสดงออกทางหน้าตา ท่าทาง และสายตาอันเคร่งเครียด ที่มันสามารถพาเราอินเข้าไปในเนื้อเรื่องได้แบบลืมตัวเลยทีเดียวล่ะครับ ดูหนังออนไลน์