รีวิว รักฉันอย่าคิดถึงฉัน
รีวิวหนัง netflix ผมติดตามหนังไทยเรื่อง I Miss You ตั้งแต่ตอนที่เป็น Teaser ซึ่งต้องขอยกขึ้นหิ้งว่าเป็น Teaser หนังไทยที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยหวังในใจลึกๆ ว่าตัวหนังน่าจะเป็นหนังรักที่ซาบซึ้งมากกว่าหนังผีหลอกหลอนตุ๊งแช่ตามสูตร
ซึ่งผลก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย เพราะ I Miss You ไม่ใช่หนังผีครับ แต่เป็นหนังรักที่มีเนื้อหาลึกซึ้งและเข้มข้นมาก เหมาะสำหรับคนที่ศรัทธาในความรักเต็มหัวใจ
เนื้อเรื่อง
หมอธนา (ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี) อยู่กับความรู้สึกผิดที่ทำให้หมอนก(จ๋า ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) แฟนสาวที่กำลังจะแต่งงานด้วยกันต้องมาตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หมอธนาได้เอาดอกไม้มาวางไว้บริเวณที่เกิดอุบัติเหตุทุกวันอาทิตย์ ต่อมาเขาได้พบกับบี (สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข) และเรื่องราวก็เริ่มขึ้น
สร้างจากเรื่องจริง ?
อ๊อฟ-มณฑล อารยางกูร ผู้กำกับออกมาเปิดเผยว่าเนื้อเรื่องส่วนหนึ่งนำมาจากเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น กับอุบัติเหตุบริเวณถนนเลียบทางด่วนแถวเอกมัย-รามอินทรา ที่มีรถตู้คันหนึ่งพลิกคว่ำ และมีผู้เสียชีวิต
ต่อมาก็ได้มีดอกไม้ช่อหนึ่งมาวางบริเวณที่เกิดเหตุ และเมื่อนานวันไปดอกไม้เริ่มแห้ง ก็จะมีดอกไม้ช่อใหม่มาเปลี่ยน เป็นอย่างนี้อยู่ซักพัก จนเป็นเรื่องเล่าในอินเทอร์เน็ตที่ดังมากเมื่อ 5 ปีก่อน อ่านเพิ่มเติมได้จากกระทู้ใน Pantip
ทางผู้กำกับออกมาเปิดเผยว่าฉากจบของ I Miss You จะมีทั้งหมด 3 แบบ ซึ่งในแต่ละอาทิตย์จะฉายฉากจบคนละแบบแตกต่างกันออกไป ในอินเทอร์เน็ตก็มีการวิจารณ์กันมากมายทั้งทางที่ดีและไม่ดี
แต่จากการสอบถามคนที่ดูรอบสื่อ ซึ่งได้เห็นทั้ง 3 แบบแล้ว บอกว่าไม่ต่างกันมากนักครับ แทบไม่มีผลอะไรต่อเนื้อเรื่องหลัก
รีวิว รักฉันอย่าคิดถึงฉัน
หนังเริ่มปูเรื่องได้ดี โดยเฉพาะเทคนิคการตัดสลับฉากปัจจุบันกับเรื่องราวในอดีต ที่เนียนซะจนดูไม่ออกเลยว่าตัดต่อด้วยเทคนิคพิเศษติ๊กหล่อมากเรื่องนี้ ผู้ชายดูแล้วยังรู้สึกเลยว่าหล่อจริงแต่ที่ท๊อปฟอร์มเลยต้องเป็นเรื่องการแสดง ที่ติ๊ก สายป่าน จ๋า แสดงได้เหมือนตัวละครจริงๆ จนลืมภาพเก่าๆ ของแต่ละคนไปเลยผีมาน้อยกว่าที่คิด ฉากตกใจตุ้งแช่ก็ไม่เยอะ ซึ่งก็น่าปรบมือให้กับความกล้าของทีมงาน
เนื้อหาเรื่องความรักต่างหากที่เป็นตัวเด็ดของหนังเรื่องนี้ ความรู้สึกผิดจากเรื่องราวในอดีต รวมถึงการทำให้คนรักต้องตาย มันค้างคาใจ มันอัดอั้นจริงๆตัวละครใช้โทรศัพท์ Android กันทั้งเรื่อง น่าเสียดายที่ทำไมถึงไม่ยอมใช้ iPhone กันนะ (อันนี้นอกเรื่อง)
ฉากเด่นๆ ที่ติดตาไม่ใช่ผีหลอกเลย แต่เป็นฉากดราม่า อย่างฉากขอแต่งงาน ฉากทะเลาะกันจนเกิดอุบัติเหตุ ฉากเฉลยความจริงเพลง “รักเธอทั้งหมดของหัวใจ” เป็นเพลงที่เหมาะสมกับหนังเรื่องนี้จริงๆ อีกทั้งตัวเพลงเองก็มีความหลอนอยู่ในตัวด้วยผมเคยออกมาด่าว่าชื่อภาษาไทยของ I Miss You คือ “รักฉันอย่าคิดถึงฉัน” เป็นชื่อที่ห่วยมาก แต่พอได้ดูหนังจบ ผมถึงเข้าใจว่า นี่คือชื่อที่เหมาะสมกับหนังเรื่องนี้ที่สุดแล้ว และต้องชื่อนี้เท่านั้นด้วย
ได้ข้อคิดมากมายจากหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องการปล่อยวางคืออะไร ? คนที่คอยบอกว่าต้องการหลุดพ้น แท้จริงแล้วอาจจะเป็นตัวเราเองรึเปล่าที่ยังคงไม่ยอมปล่อยวางเสียทีหมอบีเอาดอกไม้ใส่ที่แจกัน บนเตียงมีภาพหมอพันธนาอยู่แว๊บนึงแล้วหาหายไป ส่วนที่กระจกหน้าต่างมีเงาของหมอนก – น่าจะหมายถึง หมอบี เป็นเหยื่อรายต่อไปของความคิดถึง ส่วนหมอพันธนาตายจากไป และหมอนก คงกลุ้มใจ
หมอบีเอาดอกไม้วางบนเตียง แล้วพูดกับตัวเองประมาณว่า บีคิดใหม่แล้ว บียอมปล่อยให้พี่ (หมอพันธนา) จากไป และบีจะไม่คิดถึงพี่หมอบีเอาดอกไม้ใส่ที่แจกัน บนเตียงมีภาพหมอพันธนาอยู่ และหมพันธนา ก็ยังอยู่ไม่หายไป – อันนี้เหมือนหมอนกปล่อยให้หมอพันธนากลับมาอยู่กับหมอบี
สรุป
I Miss You รักฉันอย่าคิดถึงฉัน เป็นหนังรักในบรรยากาศหลอน ที่ซึ้งกินใจ และแทรกข้อคิดดีๆ ให้ได้กลับไปนอนคิดที่บ้านว่า ความรักที่แท้จริงแล้ว คืออะไร ? คือการเป็นเจ้าของกันและกัน คือการบอกว่ารักเธอทั้งหมดของหัวใจ หรือเพราะความรู้สึกผิดบาปจากอดีต
โจ้ วงพอส (อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์) นักร้องที่มีเสียงทรงเสน่ห์ที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย เจ้าของเพลงอย่าง ที่ว่าง, ความลับ, ข้อความ … วันหนึ่งโจ้ได้เดินไปเล่าเรื่องราวความรักที่เขามีต่อน้องชาย ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อไม่กี่ปีก่อน ให้กับคุณบอย โกสิยพงษ์ฟัง
ซึ่งคุณบอยก็ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นเนื้อเพลงที่ทั้งซึ้ง ทรงพลัง และแฝงไปด้วยความเศร้าที่ชื่อ “รักเธอทั้งหมดของหัวใจ” โดยเพลงนี้มีชื่อภาษาอังกฤษที่ทั้งซึ้งใจและน่าขนลุกว่า “For my brother“
แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า ต่อมาโจ้ ก็ได้ทำการปลิดชีวิตตัวเองลง ท่ามกลางความเศร้าและสงสัยของแฟนเพลง ว่าด้วยสาเหตุอะไรถึงทำให้โจ้คิดสั้นได้ขนาดนี้ แต่สิ่งที่ตามมาคือเกิดเรื่องเล่าเหตุการณ์เหนือธรรมชาติต่างๆ มากมาย
ว่ากันว่าใครที่นำเพลงนี้ไป Cover จะต้องเจอภาพหลอน เรื่องแปลกๆ ตามมามากมาย โดยเฉพาะเมื่อร้องท่อนสุดท้าย “… แล้วสักวันจะไปหา“
ในคอนเสิร์ตของบอย(พีซเมคเกอร์)ร้องเพลงนี้พอท่อนสุดท้ายเปิดเสียงพี่โจ้แทน แล้วสปอร์ตไลท์สีขาวส่องไปที่เก้าอี้ว่างๆตัวนึงกลางเวที .. และก็มีคนดูบางคนกรี๊ดเพราะเห็นภาพโจ้กลางเวที
บางสื่อบอกถึงขนาดว่าถ้าใครร้อง Cover เพลงนี้จะโดนของถึงขนาดมีอันเป็นไป ข่าวบอกว่าอัลบั้มประกอบภาพยนตร์ “รักสามเศร้า” ไม่มีใครกล้าร้อง Cover เพลงนี้ เลยใช้เวอร์ชั่นต้นฉบับที่ โจ้ วงพอส ร้องเหมือนเดิมแทน
แต่ในหนังเรื่อง I Miss You มีการเอามา Cover ใหม่ แต่ก็ไม่ได้เปิดเพลงเวอร์ชันนี้ในโรงภาพยนตร์
จากเรื่องเล่าอีกมากมาย จนกลายเป็นว่าเพลง “รักเธอทั้งหมดของหัวใจ” เป็นเพลงอาถรรพ์ที่สุดเพลงหนึ่งของเมืองไทยไปแล้ว ดูหนังใหม่
หนังอีกเรื่องที่ผมได้ดูวันนี้ เป็นหนังไทยครับ หนังที่ถูกเรียกง่ายๆ ว่าเป็น “หนังผี” แต่จริงๆ แล้วเป็นหนังที่ผสมผสานกันระหว่างความเป็นหนังสยองขวัญกับหนังรักดราม่า นำเค้าโครงมาจากเรื่องเล่าบนอินเตอร์เน็ต ถ้าคนเรารักจะใกล้จะแต่งงานกัน แต่วันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ คนหนึ่งตาย แต่อีกคนหนึ่งอยู่ และนำดอกไม้ไปวางไว้ ณ จุดที่เธอตาย ผมกำลังพูดถึงหนังเรื่องนี้มีชื่อที่เป็นไทยปนอังกฤษว่า “I Miss U รักฉันอย่าคิดถึงฉัน”
หนังเรื่องนี้กำกับโดย อ๊อฟ มณฑล อารยางกูร ในนามของค่าย M-๓๙ ที่สร้างหนังไทยโดดเด่นมาหลายต่อหลายเรื่องให้กับวงการ แถวเรื่องนี้ยังชูจุดขายที่การมีตอนจบ 3 แบบอีกต่างหาก
เรื่องได้นักแสดงที่ผู้คนรู้จักดีมาร่วมงานทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี แสดงเป็นหมอธนา, ณัฐฐาวีรนุช ทองมี แสดงเป็นหมอนก, อภิญญา สกุลเจริญสุข เป็นหมอบี แล้วยังมี ทราย อินทิรา เจริญปุระ รับเชิญมาแสดงเป็นตรีอีกด้วย
รีวิวหนัง รักฉันอย่าคิดถึงฉัน
เรื่องความสวยคงไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะหมอบีหรือหมอนก ก็สวยด้วยกันทั้งคู่ ดูแล้วเพลินดี (แม้ว่าจะหมอนกจะเป็นผีก็ตาม) ขณะที่ในส่วนของไดอะล็อกคำคมๆ ก็นับว่ามีอยู่หลายประโยคที่ได้ฟังแล้วก็อึ้งๆ อยู่ แต่ฉากแรกที่หมอสองคนเจอกัน ผมว่าคำพูดมันดูขัดๆ กันอยู่ยังไงไม่รู้อะ
ถ้าเรื่องมุมกล้อง ก็ถือได้ว่า ทำออกมาได้ดี ถ่ายมุมมองน่าสนใจ แต่ก็พบว่าบางฉากหน้านักแสดงค่อนข้างมืดเกินไปทั้งที่ไม่ใช่ฉากที่ผีจะออกมา สำหรับบทบาทการแสดง ถือได้ว่า นักแสดงหญิงค่อนข้างทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี โดยเฉพาะสายป่าน ขณะที่แขกรับเชิญอย่าง ทราย ก็ทำตัวเป็นสีสันได้อย่างดีทีเดียว
รักฉันอย่าคิดถึงฉัน
รอบที่ผมเข้าไปดูนั้นเป็นตอนจบแบบที่ 2 ซึ่งเป็นการรับชมในรอบแรกของผม จึงไม่อาจจะเปรียบเทียบกับการจบแบบอื่นๆ ได้
ถ้าจะพูดถึงหนังผีไทย หลังๆ ผมเริ่มไม่ค่อยจะอินอะไรกับผีตุ้งแช่นักแล้ว ได้แต่สนุกกับการลุ้นและเดาว่า ผีจะมาอีกตอนไหน ตรงหรือไม่ก็เท่านั้น เรื่องการแต่งหน้าให้ดูน่ากลัวจึงไม่มีผลอะไรนัก
สิ่งที่สำคัญในการดูหนังผีสำหรับผมจึงกลายเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือของตัวละคร มูลเหตุจูงใจและสิ่งที่ตัวละครกระทำ ถ้ามันเข้ากันไปได้ดีก็ถือว่าน่าพอใจ แต่ถ้ามันดูงงๆ หรือแรงจูงใจมันดูไม่เข้ากันกับการกระทำ ผมก็คงไม่ประทับใจกับหนังสักเท่าไหร่ และหนังเรื่องนี้ก็ไม่เป็นข้อยกเว้น ผมยังข้องใจในการเหตุจูงใจและการกระทำของผีอยู่ เพราะสิ่งที่เธอบอกว่าต้องการ กับสิ่งที่เธอกระทำนั้นดูไม่ใคร่จะไปด้วยกันนั่นเอง
ขณะที่การดำเนินเรื่อง เหมือนจะน่าสนใจในช่วงแรก แต่กลับน่าแปลกที่ช่วงหลังเริ่มใส่เพลงเข้ามาบ่อยครั้งและต่อเนื่อง จนดูคล้ายเป็น MV ประกอบหนังไป ขณะที่การสรุปเรื่องก็ค่อนข้างเยิ่นเย้อจนดูเหมือนไม่ค่อยเน้นไปกับจังหวะหนัง
เมื่อวานไปดูหนังเรื่อง “I MISS U รักฉันอย่าคิดถึงฉัน” มาครับ เป็นหนังของค่าย M39 ซึ่งช่วงหลังๆพอจะไว้ใจได้ถึงความสนุก หนังมีจุดขายเด่นเป็นเรื่องรักสามเส้า ชายหนึ่งหญิงสอง แต่หญิงอีกฝ่ายคือคนที่ตายแล้ว จากข่าวที่ออกมาก่อนเปิดฉายเพียงไม่กี่วัน ว่าตอนจบของหนังจะมีถึง 3 แบบ (เฉยๆกับข่าวนี้นะ!) หนังเรื่อง I MISS YOU นั้นผมมองว่าเป็นการตามรอยหนังดราม่าเข้มข้นที่มีผีเป็นฉากหลังอย่างหนังเรื่อง “ลัดดาแลนด์” (GTH) แต่เรื่องนี้คือหนังรักโรแมนติกที่มีเรื่องผีเป็นฉากหลัง ส่วนหนังตลกที่รวมอยู่กับหนังผีเราเห็นกันเกลื่อนแล้ว
ตอนแรกลังเลอยู่ว่าจะเขียนถึงดีไหม แต่พอมาคิดดูอีกทีมีฉากหนึ่งที่ติดตาเรามาก เป็นฉากธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดาเลย นั้นคือ ฉากสนทนากันระหว่างหมอธนา(พี่ติ๊ก) กับหมอบี(สายป่าน) ในร้านอาหารหรือร้านกาแฟเนี้ยแหละ
ขณะที่หมอธนากำลังเล่าเรื่องต่างๆในอดีตให้หมอบีฟัง เธอตอบกลับไปว่า ดูหนังฟรี
“ถ้าเราพยายามจำแต่ความสุข มันจะทำให้เราลืมความทุกข์ได้ยากขึ้นไม่ใช่หรอ…?”
ประโยคนี้ทำให้หมอธนาเกิดอาการซาโตริขึ้นทันที พี่ติ๊กแสดงอาการนี้ได้สุดยอดมาก ทั้งแววตา ท่าทาง การแสดงท่าทางอาการฉุกคิดนั้น เยี่ยมสุดๆเลย ทำให้เราเชื่ออยากสนิทใจเลยว่า ว่าเขากำลังวนอยู่ในอ่างของความทุกข์แล้วมีคนมาชี้ทางให้ เป็นช่วงสั้นๆเพียงไม่กี่วินาที แต่ติดตาเอามากๆเลย
อีกคนที่แสดงได้เยี่ยมมากคือ ทราย เจริญปุระ แม้จะมีแค่ไม่กี่ฉาก โดยเฉพาะฉากที่ปะทะคารมกันกับหมอบี บทสนทนานั้นแสดงให้เห็นเบื้องหลังของความรักที่หลายคนมองว่าสวยงาม แต่ความจริงแล้วไม่สวยงามอะไรเลย มีแต่การแย่ชิงกันไม่เว้นแม้แต่ผีก็หนีเรื่องนี้ไม่พ้น เป็นอีกหนึ่งมุมมองของตัวละครตัวนี้ (สรุปว่าเป็นสี่เส้านะไม่ใช่สาม ชายหนึ่ง หญิงสอง ผีอีกหนึ่ง!)
หนังปูเรื่องมาอย่างดีว่า หมอนก(จ๋า) พยายามจะไปแล้วแต่หมอธนาไม่ให้ไป แต่ตอนจบกับปิดลงไม่สมบูรณ์ซะงั้น อย่างน้อยฉากจบที่ผมได้ดูก็ไม่ตรงกับที่คิดไว้ คิดว่าถ้าเป็นอีกแบบทุกอย่างจะสอดคล้องและสมบูรณ์ว่า เนื้อเรื่องบางอันยังขัดๆกันเองอยู่นะ ฉากผี และฉากน่ากลัวต่างๆ คนที่ไปดูด้วยบอกว่าน่ากลัวมาก ผมกลับไม่ได้รู้สึกมากขนาดนั้น(สงสัยดูหนังผีคนเดียวบ่อยเกินไป)
ตอนจบของหนังแสดงให้เห็นว่าคนรอบตัวของคนตายต่างหากที่ไม่ยอมให้เขาไปสู่สุขคติ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเหตุกาณ์ในลักษณะนี้ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด ทุกคนในครอบครัวพยายามบอกให้หมอยือชีวิตคนที่รักเอาไว้ให้นานที่สุด การอ้อนวอนให้เขากลับมา การเศ้าโศกเสียใจ ฯลฯ เหตุการณ์เล่านี้เห็นได้ชัดมากขึ้นเมื่อฉากหลังเป็นโรงพยาบาล