รีวิว วันยึดโลก
ข่าวหนัง netflix กลับมาเรียบร้อย หลังจากกลับจากต่างจังหวัดช่วงหยุดยาวปีใหม่ไทย อารมณ์อยากดูหนังโรงมันเพิ่มพูนจนเกือบทนไม่ไหว แล้ว PatSonic บล็อกแห่งนี้ก็ได้เวลาอัพเรื่องหนังอีกครั้ง กลับมาปุ๊บ เข้าโรงหนังทันที และด้วยเหตุผลของการต้องควักตังค์ดูหนังเอง และมีเวลาที่จะได้เข้าโรงจริงๆ ก็เป็นช่วงเสาร์-อาทิตย์ ตัวเลือกมีไม่มากนัก สุดท้ายก็ต้องเลือกเรื่องที่อยากดูที่สุดก่อน และหนังเรื่องนั้นก็คือ.. ‘World Invasion Battle Los Angeles’ หรือ ‘วันยึดโลก’ นั่นเอง
‘Battle Los Angeles’ หรือชื่อไทย‘วันยึดโลก’
ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวนั้น ชนเผ่าฮอลลีวู้ดทำมันเรื่อยมา บ้างดี บ้างโอเค บ้างแย่ สลับๆ กันไป แต่ละคนสร้างมันขึ้นมาในมุมของตัวเอง แต่ส่วนใหญ่ เลือกจะให้มนุษย์เป็นผู้ถูกรุกราน และถูกกระทำเสียมากกว่า เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้
เราอาจเคยพบกับการรุกรานโลกครั้งใหญ่กับยานแม่ลำมหึมาใน ‘ID4’, เราได้พบกับยานลำยักษ์ที่ลอยอยู่เหนือเมืองใหญ่ และกลายเป็นเชลยในค่ายกักกันของมนุษย์ใน ‘District 9’ และเราอาจเป็นเพียงมนุษย์ ที่เอาแต่ดิ้นรนหนีจากแสงสีฟ้าที่พร้อมดูดกลืนทุกชีวิตใน ‘Skyline’ แต่ครั้งนี้ เราต้องทั้งดิ้นรน เอาชีวิตให้รอด พร้อมกอบกู้อิสรภาพ ที่กำลังสูญสิ้นจากการรุกรานยึดพื้นที่ของ “มนุษย์ต่างดาว”
เมื่อจ่าแก่ๆ คนนึงที่ใจอยากจะออกจากชีวิตนาวิกโยธินเต็มแก่ แต่บังเอิญโลกเกิดเป็นที่สนใจใคร่อยากบุกยึดของมะนาวต่างดุ๊ดขึ้นมา เลยยังไปไหนไม่ได้ จ่าแก่ๆ คนที่เคยถูกตราหน้าว่า “ลูกน้องตาย นายเลยสบาย” คนนี้เลยต้องปฏิบัติหน้าที่ครั้งสุดท้ายพื้นที่ตามแนวชายฝั่งของเมืองใหญ่ๆ ถูกมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนในลักษณะของอุกกาบาตและดาวตก พร้อมจักรกลและทีมทหารเต็มกำลัง บุกยึดโลกโดยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สิ้น ทุกเมืองใหญ่บนโลกกำลังสูญสิ้นกำลังมนุษย์ที่จะต่อกร
รีวิวหนัง ‘Battle Los Angeles’
หนังเปิดตัวได้อย่างน่าตื่นเต้น กับภาพของโลกมนุษย์ที่กำลังถูกต่างดาวบุกยึดได้อย่างเกือบเบ็ดเสร็จ หากแต่ช่วงถัดมา หนังกลับทำได้แสนเนือย เหมือนพยายามมุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครนาวิกโยธินทั้งหลาย เล่าไปพร้อมกับวิธีการถ่ายทำกึ่งแฮนด์เฮล คล้ายกับที่เราได้รู้จักจาก ‘Cloverfield’ และ ‘District 9’ แต่ครั้งนี้ เน้นไปที่ชีวิตและการต่อสู้กับเหล่ามนุษย์ต่างดาวของเหล่าทหาร Marine กับคู่ต่อสู้ที่มีจำนวนและยุทโธปกรณ์เหนือกว่ามาก
หนังมีตอนหนึ่งที่ระบุชัดไปเลยว่า มนุษย์ต่างดาวก่อการนี้เพื่อทรัพยากร ระบุไปเลยว่า หากเป็นมนุษย์เอง คิดจะยึดพื้นที่ใครเพื่อเอาทรัพยากร ก็ย่อมต้องตัดรากถอนโคนให้สิ้นซาก ตกลงว่า กัดจิกชาติพันธุ์ตัวเองไปด้วยใช่มั้ยเนี่ย?
รีวิว วันยึดโลก
หนังทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในช่วงหลัง ที่คนดูจะได้ลุ้นตัวโก่งกับการต่อสู้ระหว่างกลุ่มทหารตัวจ้อยไม่กี่นาย กับเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่ขนกันมาเต็มอัตราศึก สอดแทรกความคิดด้านบวกที่มีต่อทหารอเมริกันลงไปมากทีเดียว และมีแง่มุมดราม่าผสมลงไปอยู่หน่อยๆ เพื่อเติมแง่มุมให้กับหนัง พร้อมทั้งให้ผู้ชมได้พักเปลี่ยนอรรถรสหนังเป็นช่วงๆ มีบางจุดที่เหมือนถูกตัดข้ามไป จนดูผิดแปลก และแง่มุมเหตุผลบางอย่างที่ไม่ลงตัวนัก แต่ทุกอย่างก็ถูกมองข้ามไป เพราะเรามาดูฉากลุ้นฉากต่อสู้ และซีจีที่เนียนคมเสียมากกว่า
น่าเสียดายที่กำลังลุ้นอย่างสนุก หนังกลับจบลงอย่างกระทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว จนสงสัยว่า นี่มันใช่อย่างที่ชื่อหนัง เรื่องย่อหรือตัวอย่างวางไว้ให้เราคาดหวังอย่างนั้นหรือหากจะมีอีกช่วงให้คนดูสนุกลุ้นกับพื้นที่อันเป็นดังชื่อเรื่องว่าไว้ ก็คงจะลุ้นอิ่มเต็มพิกัดกันไม่น้อยเลยล่ะ
เป็นหนังที่ทำให้ผมงงตอนเข้าฉายครับ เพราะตอนนั้นทราบดีว่ามีหนังเรื่อง Battle Los Angeles ว่าด้วยมนุษย์ต่างดาวบุกโลก แล้วทหารภาคพื้นดินก็เข้าไปรบกับพวกมันเพื่อปกป้องประเทศ โดยมีสมรภูมิคือ แอล.เอ.แล้วสักพักบ้านเราก็มีหนังเรื่อง World Invasion: Battle Los Angeles แว่บแรกที่คิดคือ “นี่มันหนังตั้งชื่อเหมือนหนังดังๆ เพื่อหลอกคนดูหรือเปล่า” เพราะช่วงนั้นเจอเยอะมาก ทั้ง Transmopher, The Day The Earth Stopped ฯลฯ เจอเยอะจนหลอนครับ
พอมาสืบสาวก็ถึงรู้ว่ามันคือเรื่องเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่ผู้สร้างอยากเพิ่มสร้อยชื่อต้นเข้ามา เพื่อให้มันดึงดูดความสนใจคนมากขึ้น (แล้วหลังหนังฉายไม่นาน ก็มีหนังลอกชื่อเรื่องนี้โผล่ขึ้นมาจริงๆ โดยใช้นามว่า Battle of Los Angeles )
พล็อตหนังเรื่องนี้ก็ว่าง่ายๆ ครับ มีเอเลี่ยนมารุกรานโลก ทำให้เหล่าทหารหาญต้องปฏิบัติการรบกับพวกมัน โดยหนังจะโฟกัสไปที่หมู่ของจ่าไมเคิล แนทซ์ (Aaron Eckhart) กับลูกทีมที่ต้องงัดสารพัดอาวุธและยุทธวิธีมาจัดการกวาดล้างเอเลี่ยนให้สิ้น ซึ่งก็แน่นอนครับว่าต้องมีทั้งการยิงกันหูดับ ระเบิดถล่มกันตึกกระจาย ไหนจะการเสียสละของคนในทีม ภาพการปกป้องพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ระหว่างการต่อสู้ก็มีทั้งยามที่ได้เปรียบและเสียเปรียบ ว่าง่ายๆ คือเหมือนนั่งดูหนังสงครามนั่นแหละครับ เพียงแค่ข้าศึกของทหารคือเอเลี่ยนที่มีเทคโนโลยีไฮเทคกว่านั่นเอง ดูหนังใหม่
ผมว่าหนังก็ดูได้เพลินๆ นะครับ อาจไม่สมบูรณ์แบบและมีจุดพร่อง แต่ก็ยังให้ความบันเทิงกับเราได้ในด้านฉากแอ็กชันที่ทำให้มันส์พอสมควร มีช่วงลุ้นในหลายวาระ ไหนจะฉากระเบิดตูมตามเป็นระยะ และ Effect ก็เนี๊ยบใช้ได้
ด้านดราม่าหนังก็ยังสอดแทรกประเด็นลงมาเล็กๆ ให้พอได้สัมผัส ไม่ว่าจะเรื่องความเสียสละหรือความกล้าหาญ อันนี้ทำให้คิดได้เหมือนกันนะครับ ว่าโลกเรานั้นจริงๆ แล้วมีอาวุธลับที่คลาสสิกมากอยู่หลายประการ ซึ่งมันไม่ใช่อาวุธหนักหรืออาวุธที่มีไว้ฆ่าฟัน ทว่ามันคืออาวุธคู่ชีวิตมนุษย์ อย่างความกล้าหาญ ความเสียสละ ความห่วงใยเอื้ออาทร ความอดทน เหล่านี้ถือเป็นอาวุธชั้นดีที่ช่วยโลกทั้งใบได้ ไม่ว่าจะยามมีสงครามหรือยามสงบสุข
เป็นหนังที่ดูเอามันส์ได้เลยครับ จุดสำคัญคืออย่าคาดหวังมากจนเกินไปครับ บทมันไม่มีอะไรนักนอกจากเหล่าทหารรบกับเอเลี่ยน ซึ่งผู้กำกับ Jonathan Liebesman ก็เนรมิตฉากบู๊ได้น่าดูอยู่ครับ พี่คนนี้ผมว่าแกไม่เลวในการทำฉากแอ็กชั่นและฉากชวนระทึก แต่ถ้าเป็นเรื่องการกระตุ้นอารมณ์ร่วมคนดู เรื่องประเด็นดราม่า หรือการเล่าเรื่องให้ชวนติดตามแบบเต็มขั้นนั้น พี่แกจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างครับ ดูจากงานก่อนหน้าไม่ว่าจะ Darkness Falls, The Texas Chainsaw Massacre: The Beginning หรือ Wrath of the Titans ที่จริงๆ บทเข้มข้นกว่าภาคแรกมาก แต่การถ่ายทอดออกมากลับยังไม่ถึงจุดที่ควรจะเป็น
หนัง วันยึดโลก
อีกจุดเล็กๆ ที่ผมชอบคือตอนที่จ่ากับทีมวางแผนกันในแต่ละช่วง บางทีก็แผนรับ บางคราวก็แผนรุก ช่วงไหนที่ตัวละครต้องร่วมแรงทำงานกันเป็นทีมมักจะเป็นจุดที่ชวนลุ้นได้แบบกำลังเหมาะ ส่วนหนึ่งก็คงเพราะเรารู้แล้วน่ะครับว่าเขาจะทำอะไร มีแผนมีเป้าแบบไหน เราก็เลยอดไม่ได้ที่จะลุ้นตามว่าในที่สุดแล้วเป้าที่วางไว้จะบรรลุหรือไม่
เมื่อโลกถูกรุกรานจากมนุษย์ต่างดาวอีกครั้ง ชะตากรรมของโลกจะเป็นอย่างไรติดตามได้ใน Battle: Los Angeles วันยึดโลก หรือที่รู้จักกันในชื่อ World Invasion: Battle Los Angeles ภาพยนตร์แนว Action sci-fi thriller ของผู้กำกับหนุ่มไฟแรง Jonathan Liebesman และนำแสดงโดย Aaron Eckhart ที่เคยรับบทบาทของ Harvey Dent หรือ Two-Face จากเรื่อง The Dark Knight เตรียมรับมือการบุกรุกจากต่างดาวได้ 13 เมษายน 2011 นี้ รับรองความมันได้เลยครับทั้งเนื้อหาที่เข้มข้นและสเปเชียลเอ็ฟเฟ็คท์ที่ อลังการสมจริง
เป็นเวลาหลายปีที่มีหลักฐานเกี่ยวกับการพบ UFO จากทั่วโลก ทั้งใน บูโนสไอเรส , โซล , ฝรั่งเศส , เยอรมนี , จีน และในปี 2011 ความเป็นจริงอันน่าสะพรึงกลัวเมื่อโลกถูกโจมตีโดยกองกำลังที่ไม่ทราบที่มา ขณะที่ทุกเมืองใหญ่ทั่วโลกถูกโจมตี ลอสแองเจอลิส กลายเป็นที่ตั้งมั่นและความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ นายทหาร Michael Nantz (Aaron Eckhart) ที่กำลังวางแผนเกษียณอายุถูกเรียกตัวให้มาวางแผนการต่อสู้ในครั้งนี้ และเขากับทีมของเขาก็คือความหวังในการต่อสู้กับศัตรูที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมา ก่อนในชีวิต
นายทหารนาวิกโยธิน (แอรอน เอ็คฮาร์ท) และหน่วยรบของเขาต้องต่อสู้กับศัตรูที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต เมื่อผู้รุกรานจากต่างดาวเหล่านี้ยกทัพมาโจมตีโลก ในอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟสงครามเรื่องยิ่งใหญ่แห่งปี
เรียกว่ามาถึงก็โดนบุกกันเลยทีเดียว ไม่รู้สาเหตุเลยว่าเป็นไงมาไง รู้แต่ว่า มนุษย์ต่างดาวมาบุก ต้องส่งทหารไปช่วยคนที่ติดในเมือง ต้องสู้กับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย เพื่อช่วยพลเรือนให้ปลอยภัย ก่อนที่จะเจอยานแม่ เพื่อทำลาย กองบัญชาการ แล้วเรื่องก็จบเหมือนไม่จบอีก งงเลยสิ เอาเป็นว่ายิงกัน สู้กันมันส์อยู่
รีวิว วันยึดโลก – ในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 2011 ได้มีกลุ่มของอุกบาตตกลงมายังมหาสุมทรของโลก ที่ใกล้กับชายฝั่งทะเล 20 แห่งของเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งอุกบาตนั่นได้ถูกพิสูจน์ว่ามันคือยานบินที่เต็มไปด้วย มนุษย์ต่างดาวที่ไม่เป็นมิตรกับมนุษย์ และพวกมันก็ได้เริ่มบุกเข้าไปยังเมืองต่างๆ ของโลก โดยหนึ่งในนั้นคือเมือง ลอสแองเจลิส (LA) ซึ่งในขณะที่ผู้คนในเมืองกำลังอพยพอยู่ ก็ได้มีเหล่าทหารนาวิกโยธินจาก แคมป์เพนเดิลตันก็ได้มาถึง
ซึ่งหนึ่งในทหารคือ จ่า “ไมเคิล นันทซ์” ที่ได้พึ่งเริ่มเกษียณได้่ไม่นานแต่ก็ถูกเรียกตัวมา และด้วยภายใต้คำสั่งของ ผู้หมวด “วิลเลียม มาร์ติเนซ” พวกเขาก็สามารถมายังฐานปฏิบัติการที่ได้ถูกสร้างขึ้นที่สนามบินของเมือง และหลังจากที่พวกเขาได้รู้ว่ากองทัพของมนุษย์ต่างดาวนั้นไม่มีกำลังเสริมทางอากาศ ทำให้กลุ่มกองทัพอากาศของมนุษย์จึงได้เตรียมตัวที่จะทำลายบริเวณของฐานนั่น เพื่อไม่มีพวกมนุษย์ต่างดาวเข้ามาได้ ดูหนังฟรี
และกองร้อยของ “นันทซ์” จึงได้ถูกให้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมงในการนำตัวของพลเรือนจากสถานีกรมตำรวจลอสแองเจลิส มายังฐานทัพของทหาร ซึ่งทำให้การออกเดินทางของพวกเขาได้เริ่มต้นขึ้น และระหว่างนั้นพวกเขาก็ได้ถูกซุ่มโจมตีโดยมนุษย์ต่างดาว พร้อมกับเสียกำลังพลไปหลายคน แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกเสียจากการเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าพวกเขาจะไปถึงยังสถานีตำรวจของเมือง