รีวิว เกมต่อตัดตาย
รีวิวหนัง netflix สัปดาห์นี้เป็นเหมือนสัปดาห์ทดสอบสังขารตัวเองครับ ว่าจะสามารถไปดูหนังรอบสื่อติดๆ กันได้ครบทั้งสามวันมั้ย ซึ่งก็พบว่าเมื่อผ่านมาถึงวันที่สอง ก็เริ่มชักจะเพลียๆ เสียแล้วล่ะครับ แต่ก็ยังมีความพยายามอยู่ พยายามจะตั้งหน้าตั้งตาเขียนรีวิวหนังวันนี้ให้ได้อ่านกัน ‘Jigsaw’ คือหนังของวันนี้ครับ
ด้วยการแปะหน้าข่าวว่าโปรดิวเซอร์ คือ James Wan ทำให้หนังดูน่าสนใจขึ้นมาทันที ความจริงมันก็คือตอนต่อของ 7 ภาคที่ใครหลายคนอาจคิดว่ามันอวสานไปแล้ว แต่สองพี่น้อง Michael Spierig และ Peter Spierig (ผู้ร่วมกันกำกับฯ ‘Predestination’ และ ‘Daybreakers’) ก็ช่วยกันปลุกปั้นมันขึ้นมาใหม่
เรื่องย่อหนัง ‘Jigsaw’
มีเกมบางเกมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ผู้เล่นแม้ไม่ได้ตั้งใจแต่ก็เหมือนว่าพวกเขาจะมาทางรอด ทว่าด้วยการทรมานด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโซ่ที่ล่ามและพยายามดึงเข้าไปหาใบเลื่อย เข็มฉีดยาสามเล่มที่ซ่อนยาพิษไว้ บ่อมรณะที่พร้อมปล่อยของมีคมลงมา พวกเขาไม่ทันได้รับรู้เลยว่า ทุกๆ เกม จะต้องมีบางคนที่ไม่รอด เมื่อการตามไล่ล่าจับกุมผู้ร้ายของนักสืบฮอโรแรน (Callum Keith Rennie) ดูหนัง
กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเกมครั้งใหม่ที่สร้างความสยดสยองในสภาพศพ ถูกแขวนคอในลักษณะที่ศรีษะมีหน้ากากเหล็กครอบอยู่ ต้องให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการชันสูตรมาช่วยเหลือ และนั่นทำให้ฮอโรแรนได้พบกับ โลแกน (Matt Passmore) และเอเลนอร์ (Hannah Emily Anderson) ผู้ซึ่งดูมีเงื่อนงำและไม่น่าไว้ใจ ฮอโรแรนจึงสืบสองคนนี้เพิ่ม นอกเหนือจากการสืบเอาจากศพที่พบก่อนหน้านั้น ก่อนจะนำพาทุกอย่างไปสู่คำตอบที่ต้องแลกกับอะไรบางอย่าง
รีวิว เกมต่อตัดตาย
รีวิว วิจารณ์หนัง ‘Jigsaw’
ในวันเก่า ช่วงที่หนังสยองขวัญในตำนานอย่าง ‘Saw’ ผงาดในโลกเซลลูลอยด์ ผมยังเป็นพวกที่สยดสยองไม่กล้าจะดูหนังพวกนี้อยู่เลย พอมาในวันนี้ ที่ผมไม่รู้สึกครั่นคร้ามกับหนังแนวนี้อีกต่อไป ‘Jigsaw’ เลยกลายเป็นภาคแรกในซีรีส์นี้พี่ผมได้ดูมันจริงๆ สิ่งที่ผมเชื่อมั่น ว่ามันจะขาดหายไปแน่ๆ คือความฟินและมีอารมณ์ร่วมในสิ่งที่รู้จักและผูกพันมาตลอด 7 ภาค แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยดูมาก่อนแล้วจะไม่รู้เรื่องอะไร เพราะตัวหนังก็ยังมีพื้นที่พอให้คนเพิ่งมาได้นั่งทำความเข้าใจตามเรื่องได้อยู่นั่นเอง มีเครื่องทรมานต่างๆ ที่ถูกหยิบเข้ามาใส่ให้หลายคนระลึกถึง มีตัวละครเก่าในตำนานที่กลับมาอีกครั้ง แฟนตัวจริงน่าจะฟินกันเป็นแน่
เรื่องราวในครึ่งแรกนี่ถือว่าหนังทำได้สนุกพอตัว เพราะเกมที่ถูกสร้างมาเพื่อตัดสินเอาเป็นเอาตาย ชนิดที่ไม่เผื่อให้คนดูได้คาดเดาว่ามันจะไปทางไหน นั่นแหละที่ทำให้รู้สึกบันเทิงไปกับมัน แม้ว่าฉากสยองเลือดสาดอะไรพวกนั้นจะทำอะไรผมไม่ได้ถนัดนักก็ตาม แต่แล้วเหมือนหนังจะตั้งใจพาคนสับสนมากไปหน่อย มีบางมุมที่ดูออกง่ายไปนิดว่าตัวละครไหนน่าสงสัยมากที่สุด ดูหนังออนไลน์
ครึ่งหลังจึงเหมือนหนังจะเฉลยอยู่กลายๆ ส่วนที่เหลือกลายเป็นการเซอร์วิสแฟนหนังตระกูล ‘Saw’ และการให้เรานั่งลุ้นว่าเรื่องราวมันจะจบยังไงเสียมากกว่า โดยรวมๆ ‘เกมตัดต่อตาย’ กลายเป็นหนังสยองขวัญที่ดูได้พอเพลินๆ ไม่ได้มีอะไรน่าจดจำนักโดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้ติดตาม ‘Saw’ มาอย่างใกล้ชิด ฉากรุนแรงต่างๆ อาจไม่ช่วยให้หนังดูน่ากลัวอะไรมากนัก
ใครที่ชอบหนังต่างชาติแนวสยองขวัญ เราแนะนำให้ดูหนังเรื่อง “Jigsaw” (เกมต่อ ตัด ตาย) นี้เลย ซึ่งในส่วนของหนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวภาคต่อของหนังเรื่อง “Saw” ที่จบไปแล้วใน Saw 7: The Final Chapter เมื่อปี 2010 ที่ผ่านมา โดยในส่วนของฆาตกรในเรื่องนี้นั้นเขาได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ Saw Season 3 แล้ว แต่ขอบอกว่าหนังภาคต่ออย่าง Jigsawเกมต่อ ตัด ตาย นี้มันโหดไม่ใช่เล่นเลยนะ เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับ “Saw” ภาคก่อนๆได้อย่างสบายเลย
ก่อนอื่นขอย้อนถึง SAW (2004) ภาพยนตร์แจ้งเกิดในเส้นทางผู้กำกับสายสยองขวัญของ เจมส์ วาน ถือเป็นหนังฟอร์มเล็กทุนต่ำ แต่กลับดังเปรี้ยงจนกลายเป็นตำนานไปแล้ว ในเรื่องของไอเดียสดใหม่ ความโหดดิบ คาแร็คเตอร์ฆาตกรที่มีเอกลักษณ์ พล็อตเรื่องสุดเจ๋งที่หักมุมแบบตบหน้าคนดูหงายเงิบ และถูกพูดถึงมาจนปัจจุบัน.. หลังจาก SAW ภาคแรกประสบความสำเร็จเกินคาด
ก็ทำให้มี SAW ภาคต่อออกมาอีก 6 ภาค เรียกว่าแทบจะทุกปี ซึ่งคนที่เป็นแฟนหนังเรื่องนี้ที่ติดตามมาทุกภาค น่าจะรู้สึกเหมือนกันว่า ทำไมภาคหลังๆ มันเริ่มออกทะเล เริ่มแถไปเรื่อย ไม่น่าทำออกมาเลย อย่างนั้นอย่างนี้.. แต่ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องมันจะแกว่งไปบ้าง แต่ด้านความโหดเลือดสาด ไอเดียกับดักต่างๆ นั้น จัดว่าสนองนีดคอหนังโหดซาดิสม์ได้อยู่เสมอ
หลังจากภาคสุดท้าย SAW 3D : The Final Chapter (2010) ซึ่งบอกตามตรงเลยว่าจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยจะได้แล้ว จะพอจำได้ชัดๆ แค่ภาค 1-4 เท่านั้น.. จนมาถึงปีนี้ SAW ภาคล่าสุด (ภาคที่ 8) กลับมาอีกครั้งในชื่อใหม่ว่า JIGSAW ตอนเปิดตัวครั้งแรกก็แทบไม่เชื่อสายตาว่ามันจะทำออกมาอีกจริงๆ พอได้ดูตัวอย่างหนังเท่านั้นล่ะ ภาพของ SAW ภาคก่อนๆ นี่ย้อนกลับมาเลย ความรู้สึกตื่นเต้น หวาดเสียว ทำให้อะดรีนาลีนมันพุ่งพล่านด้วยความอยากดู!
หนัง เกมต่อตัดตาย
เรื่องราวในภาคนี้เกิดขึ้นเมื่อตำรวจได้พบศพที่ล้วนจบชีวิตอย่างสุดสยอง จากเกมเอาชีวิตรอดสุดวิปริต หลักฐานทุกชิ้นจากการสืบสวนล้วนชี้ไปที่ จอห์น เครเมอร์ หรือ จิ๊กซอว์ ฆาตกรสุดโหดที่ตายไปแล้วหลายปี.. แล้วใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเกมสุดสยองครั้งใหม่นี้ ในเมื่อ จอห์น เครเมอร์ ตัวจริงได้ตายไปแล้ว? เล่าแค่นี้แหละ หนังแบบนี้ยิ่งรู้น้อยยิ่งดูสนุก
ความรู้สึกจากที่ได้ดูรอบสื่อมาแล้ว ต้องบอกว่า JIGSAW หรือ SAW ภาคที่ 8 นี้ เป็นภาคที่ดูสนุกมากกกกก สนุกตั้งแต่วินาทีแรก กระชับฉับไว ไม่น่าเบื่อ ที่สำคัญคือดูแล้วไม่งง ด้านงานภาพ เสียง และมุมกล้องเรียกว่าสุด หลุดออกมาจากความหนังเกรดบี ได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนเรื่องความโหดเลือดสาดนั้นขนาดไหน? ต้องบอกว่า กำลังดี! ไม่มากไม่น้อยไป ไม่ต้องเห็นเต็มๆ ไปซะทุกฉากทุกซีนจนชวนอ้วก.. ความสนุกของการดูหนังตระกูล SAW
มีอยู่ 2 อย่าง 1 คือการมาดูตัวละครเอาชีวิตรอดจากเกมกับดักสุดวิปริต แน่นอนว่าไอเดียกับดัก และฉากตายต่างๆ กลายเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของหนังไปแล้ว บางคนมาดูเพื่อสิ่งนี้เท่านั้น เรียกว่านักเสพการ ทรมานบันเทิง กับ 2 การมาดูว่าหนังจะบิดมุมอะไรมาหลอกเรา และเราก็มักจะถูกหนังหลอกจนหัวทิ่มอยู่เสมอ จนบางทีต้องตีตั๋วไปดูจับผิดอีกรอบก็มี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมในการดู บางคนชอบก็ชอบเลย บางคนไม่ชอบก็อาจจะบอกว่า ‘แบบนี้ก็ได้เหรอ?’ แต่ส่วนตัวแอดรู้สึกว่าภาคนี้มีความ แถ อยู่บ้าง แต่ยังอยู่ในระดับที่รับได้
หลังดูภาคนี้จบแล้วผมตระหนักได้อย่างหนึ่งครับว่า หนังชุด Saw 7 ภาคแรกนั้นถือเป็นหนังที่มีศิลปะในการนำเสนอ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หนังชุดนี้มีความแตกต่างจากหนังไล่เชือดและหนังสยองเรื่องอื่นๆ ที่ส่วนมากพอทำออกมาได้ไม่กี่ภาคก็ต้องจบตัวเองลง หรือไม่ก็ทู่ซี้ทำแบบย่ำอยู่กับที่จนกว่ารายได้จะติดตัวแดงกันไป ดูหนังออนไลน์ 4k
ศิลปะที่ว่านี่ก็เริ่มตั้งแต่ฉากความรุนแรง ที่แม้ผมจะไม่สนับสนุบให้ใครทำตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าลูกเล่นฉากพวกนี้มันมีมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ หลายฉากมันมีรายละเอียด หลายกับดักมันมีความซับซ้อน อันเป็นการยกระดับให้ Saw เหนือกว่าหนังเชือดเรื่องอื่นๆ
ศิลปะต่อมาคือการเล่าเรื่อง ที่ชอบเอาล่อเอาเถิดกับความคิดและความเคยชินของคน อย่างเรื่องไทม์ไลน์ที่สนุกกับการหลอกคนดูแบบเนียนๆ อันไหนเกิดก่อนเกิดหลังบางครั้งก็ดูไม่ออก และยังสามารถเอาเรื่องไทม์ไลน์มาใช้ประโยชน์ในการทำภาคต่อ ขยายเรื่องราวได้เรื่อยๆ
และที่ขาดไม่ได้คือศิลปะการเชื่อมเรื่อง ไม่ว่าจะการเชื่อมเรื่องราวภายในภาคนั้นๆ ซึ่งการทิ้งปมทิ้งร่องรอยไว้ระหว่างทาง ก็เปรียบได้กับการโปรยเศษขนมปังให้เราเก็บตามทางไปเรื่อยๆ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นศิลปะสำคัญของหนังชุดนี้ก็ว่าได้ครับ เพราะการทิ้งปมที่ว่านี้ มันต้องทิ้งปมแบบให้ดูเนียน ให้ดูไม่จงใจเกินไป
เพราะถ้าทิ้งปมชัดเกิน คนดูก็จะเดาทางได้เลยว่าเดี๋ยวเรื่องมันจะหักมุมไปทางไหน ดังนั้นจุดอร่อยอย่างหนึ่งของหนัง Saw คือการทิ้งปมไว้แบบไม่ให้คนดูรู้ แต่ก็ต้องทำให้คนดูเห็นในระดับหนึ่ง เพื่อที่พอเรื่องดำเนินไปถึงตอนท้าย คนดูก็จะได้นึกออก และอึ้งกับอะไรก็ตามในบทสรุปประจำตอน และ ศิลปะอีกหนึ่งอย่างคือการเชื่อมเรื่องระหว่างภาค ที่หลายคนอาจรู้สึกว่ามันออกแนวแถ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าหนังชุดนี้แถได้ค่อนข้างเนียน แถได้เป็นเนื้อเดียวกัน แถแล้วไม่รู้สึกขัดกับตอนก่อนๆ ซึ่งการจะแถให้เป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้ คนทำก็ต้องเจ๋งจริงในระดับหนึ่ง หนัง 4k