รีวิว เจมิไน แมน
รีวิวหนัง netflix ความฝันในการใช้ชีวิตสงบหลังเกษียณของมือสไนเปอร์อย่าง เฮนรี โบรแกน (วิล สมิธ) กลับจบลงด้วยการถูกตามฆ่าจาก เคลย์ เวอริส (ไคล์ฟ โอเวน) เพื่อนเก่าที่กลายเป็นเจ้าของโพรเจกต์เจมิไน โครงการโคลนนิงมือสังหารระดับพระกาฬที่ส่งศัตรูตัวฉกาจอย่าง จูเนียร์ (วิล สมิธ) นักฆ่าฝาแฝดวัยหนุ่มที่สร้างจากดีเอ็นเอของเฮนรี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่รู้จักตัวเองดีทุกกระเบียดนิ้ว เฮนรีจำต้องเอาชีวิตรอดพร้อมกับช่วยชีวิตของ แดนนี (แมรี อลิซาเบธ วินสเตด) สายลับสาวที่ติดร่างแหโดนตามล่าพร้อมกับเขาให้จงได้
สิ่งแรกที่เราต้องพูดถึงคือการเดินทางของโพรเจกต์ GEMINI MAN ตั้งแต่ปี 1997 มาสู่ 2019 จากโพรเจกต์ในเครือดิสนีย์ที่เกือบได้ดาราดัง ๆ มารับบทนำ จนกระทั่งโพรเจกต์หลุดมาสู่ สกายแดนซ์ ในปี 2016 ได้ส่งผลให้ระยะเวลา 20 กว่าปีดังกล่าวมีหนังไซไฟพลอตคล้าย ๆ กันออกฉายทั้งหนังแอ็กชันเกรดบีอย่าง Replicant ที่เอา ฌอง คลอดด์ แวน แดมม์ 2 คนมาซัดกัน ไปจนถึงหนัง ซูเปอร์ฮีโรอย่าง Logan ที่มีวูล์ฟเวอรีนวัยหนุ่มกับวัยแก่มาซัดกัน หรือหากคิดว่าพลอตเหมือนเคยเห็นที่ไหนก็ Looper ไงที่เอา บรูซ วิลลิส กับ โจเซฟ กอร์ดอน ลิวอิต มาฆ่ากัน เฮ้อ…แล้วทีนี้ GEMINI MAN มันยังเหลืออะไรให้เราเอ็นจอยอะไรได้บ้างเนี่ย? ก็บอกเลยว่า การแสดงของวิล สมิธ และ ฉากแอ็กชันนี่แหละที่ถือว่าเป็นไฮไลต์สำคัญของหนังจนทำให้เราทะลุผ่านความคลิเช่ของพลอตและอาการเอ๊ะต่าง ๆ ได้ตลอดเวลาร่วม 2 ชั่วโมง ดูหนัง
เมื่อเรามองทะลุความเชยนานับประการของหนัง ชื่อหนึ่งที่เราต้องยอมรับว่าเป็นดาราที่ฆ่าไม่ตายจริง ๆ คือ วิล สมิธ อ่ะ..หรือว่าจะเถียง เพราะต่อให้คุณดูหนังเขาไม่ครบทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยหนังแต่ละเรื่องไม่ว่าดีหรือแย่ก็ต้องเคยได้ยินชื่อ และเราต้องยอมรับว่า วิล สมิธ เป็นอีกหนึ่งชื่อสามัญสำหรับคอหนังบู๊จริง ๆ ไล่มาตั้งแต่ Bad Boys , ID4. I-Robot หรือจะเป็น I AM LEGEND อยู่ได้แทบทุกยุคสมัย เป็นชื่อแรก ๆ เวลานึกถึงดารานักบู๊ผิวสี และยิ่งมาอยู่ใน GEMINI MAN ต่อให้บทจะออกมาง่อยแค่ไหนแต่การได้เห็น วิล สมิธ กลับมาจับปืนบู๊ระห่ำ แถมยังบู๊กับตัวเองอีกแหนะ! แค่นี้คอหนังแอ็กชันก็น่าจะสะใจที่สุดแล้ว แต่ที่องค์ประกอบสำคัญที่สุดที่ส่งให้วิลโดดเด่นก็น่าจะเป็นฉากแอ็กชันที่ดีไซน์มาเป็นอย่างดีนี่แหละ
รีวิว เจมิไน แมน
สำหรับฉากแอ็คชันในหนังก็ปูมาตั้งแต่ต้นเรื่อง เพื่อให้เห็นความเก่งของ เฮนรี โบรแกน ที่ส่องเป้าหมายบนรถไฟกำลังวิ่งอยู่ได้อย่างแม่นยำ แต่ที่ถือเป็นไฮไลต์สุด ๆ คือฉากปะทะกับจูเนียร์ครั้งแรกที่โคลัมเบียที่การเห็นวิล สมิธ วัยหนุ่มก็ทำให้ภาพตอนดู Bad Boys กลับมาอีกครั้งเพราะอัดมาทั้งปืนสไนเปอร์ ชักปืนพก หรือระเบิดมือที่ตีกันอย่างกับลูกเทนนิส ยังไม่พอ..! มีขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับไล่ล่าแบบรวมความตื่นเต้นของฉากคล้าย ๆ กันจากคนเหล็ก 2029 ภาค 2 มายำกับ Mission Impossible 2 แบบอาร์โนลด์กับทอม ครูซ ยังต้องอาย ซึ่งต้องยอมรับว่าพอดูผ่านการฉายแบบ 3D+แล้วทำให้เราร่วมเหตุการณ์ตื่นเต้นกับมันได้แบบสุด ๆ จริง ๆ ส่วนฉากบู๊ในสุสานใต้ดินก็ถือว่าระบบนี้ให้รายละเอียดภาพได้ดี แม้เราจะเห็นนางเอกถือปืนติดไฟฉายคอยส่องไฟให้คนดูเห็นก็ตาม ฮ่าาาาา. ดูหนังออนไลน์
แต่อย่างที่บอกว่าข้อดีของมันคือ วิล สมิธ กับ ฉากแอ็กชัน ส่วนบทก็คือความพังพินาศด้านตรรกะอย่างรุนแรง ทั้งโพรเจกต์เจมิไนที่คนดูคิดภาพไปไกลแล้วว่ามันจะต้องมีกองทัพมนุษย์โคลนนิ่งมาตะลุมบอน เฮนรี โบรแกน ในฉากไคลแมกซ์ แต่เอาเข้าจริงหากบอกโดยไม่สปอยล์ตรง ๆ ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เพราะหนังพยายามจะแถเข้าเรื่องคุณค่าของมนุษย์ มนุษยธรรม การต่อต้านสงครามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ส่วนตัวละครผู้ร้ายในเรื่องอย่างตัวละครของไคลฟ์ โอเวนเองก็แทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากสั่งการให้วิล สมิธ วัยหนุ่มไปฆ่าวิล สมิธ วัยแก่ ส่วนผู้ร่วมสมคบคิดที่ไปเอา ลินดา อีมอนด์ นักแสดงหนังอินดีมาเล่นก็ให้บทเธอน้อยเหลือเกินทั้งที่อุตส่าห์ปูว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลมีอำนาจมหาศาล แต่หนังก็ให้ออกแค่ 2 ฉากอยู่ดี เอาเป็นว่าถ้าจะดูหนังเรื่องนี้ต้องทิ้งเหตุผลไว้บ้าน มามันส์กับหนังอย่างเดียวครับ
จริงอยู่ว่าโปรเจกต์ Gemini Man นั้นเคยถูกวางแผนการสร้างเอาไว้ตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อน แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ไม่เอื้อโอนต่อการทำเทคนิคพิเศษในการจำลองใบหน้านักแสดงคนเดียวกันแต่ต่างช่วงอายุกัน ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ได้รับการสร้างจนกระทั่งปี 2019
น่าเสียดายตรงที่ว่าเมื่อ Gemini Man ที่ออกฉายในปีนี้ แม้ว่างานด้านภาพจะคมกริบ เทคนิคพิเศษ น่าสนใจแค่ไหนก็ตาม แต่ความน่าอึดอัดที่สุดก็คือการที่ผู้ชมถูกบังคับให้นั่งจ้องหน้ากับวิล สมิธ อยู่ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ใช้การโคลสอัพใบหน้านักแสดงอยู่บ่อยครั้งจนอยากเบือนหน้าหนีจากจอภาพยนตร์
ยิ่งไปกว่านั้นบทภาพยนตร์ที่ว่าด้วยการตามล่าตัวเองนั้น ถูกเล่าเรื่องราวได้อย่างราบเรียบ ใกล้เคียงกับคำว่า น่าเบื่อ ชวนง่วงหงาวหาวนอน กว่าที่ฉากแอ็คชั่นที่ตัวเอกสองช่วงอายุจะมาปะทะกัน หนังก็ผ่านเลยไปถึง 40 กว่านาทีแล้ว แถมช่วงเวลาก่อนหน้านั้น หนังก็ยัดทะนานไปด้วยบทสนทนาที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเรื่องราวในภาพรวมนัก
ทันทีที่หนังเริ่มเผยรายละเอียดเกี่ยวกับจูเนียร์ ร่างวัยเด็กของเฮนรี่ โบรแกน (วิล สมิธ) ว่าเขาคือร่างโคลนนิ่ง ที่เคลย์ (ไคลฟ์ โอเว่น) พ่อเลี้ยง สร้างเขาขึ้นมา เราก็แทบจะหมดความสนใจในตัวหนัง เนื่องจากมันแทบไม่มีลูกล่อลูกชนอะไรให้เรารู้สึกว่า Gemini Man มีอะไรแปลกใหม่ที่หยิบเอาประเด็นทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าเรื่องโคลนนิ่งมานำเสนอให้กับผู้ชมในยุคนี้เลยสักนิดเดียว
ในยุคสมัยที่หนังเกี่ยวกับการโคลนนิ่งมีให้ดูกันแทบชินตา Gemini Man คือหนังที่เชย ตกยุค และปราศจากความบันเทิง อีกทั้งแง่มุมที่พยายามชี้ชวนให้คนดูขบคิด ที่ว่าด้วยการที่มนุษย์เราจะทำอะไรถ้าหากมีโอกาสได้บอกตัวเองในอดีต ตัวละครอย่างเฮนรี่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการที่เขาจะบอกให้จูเนียร์เติบโตขึ้นมาด้วยความเป็นตัวเองและเลือกทำในสิ่งที่ชอบ ซึ่งนอกจากจะไม่กินใจ ซ้ำซาก ยังฟังดูเป็นบทที่เขียนมาเพื่อยัดใส่ปากตัวละครแบบทื่อๆด้วยซ้ำไป
ท้ายที่สุดแล้วเรายิ่งไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำไปว่านี่จะเป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ “อังลี่” ที่สั่งสมการทำหนังดราม่าคุณภาพมาแล้วหลายเรื่องอาทิ The Wedding Banquet, Eat Drink Man Woman, Sense and Sensibility, Brokeback Mountain กระทั่ง Life of Pi จนเรามองว่า Gemini Man น่าจะเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดเท่าที่เราเคยดูการกำกับของผู้กำกับท่านนี้ Gemini Man มีความย่ำแย่มาตั้งแต่บทภาพยนตร์แล้ว ต่อให้ทิศทางในการกำกับจะนำเสนอภาพให้น่าตื่นตาแค่ไหน สุดท้ายเรื่องราวที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ก็ไม่อาจจะสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชมได้อยู่ดี หนัง 4k
เจมิไน แมน
อั้งลี่ (Ang Lee) เป็นผู้กำกับไต้หวันที่ทำงานสร้างหนังจนโด่งดังหลายเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ‘Life of Pi’, ‘Lust, Caution’, ‘Brokeback Mountain’, ‘Crouching Tiger, Hidden Dragon’ และอีกหลายเรื่อง ในปีนี้ ผู้ชายคนนี้ก็มีหนังเรื่องใหม่มาฝากพวกเรา ‘Gemini Man (เจมิไน แมน)’ ที่เลือกให้ Will Smith ต้องแสดงเป็นสองตัวและไล่ล่ากันเองแถมงานนี้ ยังได้นักแสดงที่เรารู้จักกันดีอย่าง Clive Owen (จาก ‘Shoot ‘Em Up’ และ ‘Sin City’) และนักแสดงหน้าเอเชียที่คุ้นหน้าคุ้นตาจากหนังฮีโร่สายมาร์เวลอย่าง Benedict Wong (จาก ‘Avengers: Endgame’) มาร่วมสร้างสีสันอีกต่างหาก
ความพิเศษด้านงานภาพ
หนังเรื่องมีความพิเศษอยู่สองสามอย่างครับ หนึ่งคือเป็นหนังที่ถ่ายทำด้วยสปีด 60 เฟรมต่อวินาที (ภาพมาตรฐานปกติอยูที่ 24 เฟรมต่อวินาที) สองคือถ่ายทำให้ภาพออกมาเป็นงาน 4K 3D ภาพจึงทั้งคมชัด เคลื่อนไหวเนียนตา ทั้งยังเป็นสามมิติอีกต่างหาก
ใครได้ไปชมเรื่องนี้ก็อย่าลืมเลือกแบบ 3 มิตินะครับ อีกส่วนหนึ่งของความโดดเด่นก็คือเทคนิคการทำหน้าเด็กให้กับวิล สมิธ ร่างโคลน ทั้งยังต้องให้วิล สมิธ ร่างจริงต่อสู้ปะทะกับวิล สมิธ ร่างโคลนที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เทคนิคแอ๊บหน้าเด็กที่ช่วยให้ย้อนวันกลับไปเจอวิล สมิธ วัยหนุ่มอีกครั้ง แม้บางช็อตจะดูรู้ว่าใช้เทคนิคด้านภาพแต่งเอาก็ตาม
ความโดดเด่นในฉากแอคชั่น
เรื่องโคลนนิ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ การไล่ล่าเก็บมือสังหารเก๋าที่ปลดเกษียณไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความโดดเด่นอีกสิ่งที่ต้องจารึกไว้ก็คงจะเป็นฉากแอคชั่นที่ทำได้เดือด ตื่นเต้น จนต้องร้องว้าวในใจนี่แหละ หลายครั้งที่หนังใช้วิธีถ่ายซีนยาวๆ บางฉากชวนหวาดเสียวไม่ใช่เล่น ฉากไล่ล่าด้วยมอเตอร์ไซค์ก็สุดมันชวนอะดรีนาลีนหลั่งมากทีเดียว ขณะที่ฉากที่เล่นกับไฟเมื่อใช้เทคโนโลยีทำให้ภาพคมชัดแถมยังสามมิติ
ทว่า หนังเรื่องนี้ก็ยังขาดไปอีกหลายสิ่งที่จะทำให้มันเป็นหนังอั้งลี่ที่สุดประทับใจไปได้ ไม่ว่าจะเป็นบทของหนังที่ชวนให้หวือหวาเพียงฉากแอคชั่น แต่ช่วงเดินเรื่องกลับเนือยๆ เดินไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดพลิกผัน ไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์ อีกทั้งตัวละครก็ไม่ได้มีความลึกเท่าที่ควร ดูหนังออนไลน์ 4k