รีวิว แดนทำลายล้าง
รีวิวหนัง netflix แดนทำลายล้าง (อังกฤษ: Annihilation) เป็นภาพยนตร์บันเทิงคดีวิทยาศาสตร์แนวระทึกขวัญ ออกฉาย พ.ศ. 2561 เขียนบทและกำกับโดย Alex Garland ดัดแปลงจากนวนิยายเรื่อง Annihilation เขียนโดย Jeff VanderMeer นำแสดงโดย Natalie Portman, Jennifer Jason Leigh, Gina Rodriguez, Tessa Thompson, Tuva Novotny, และ Oscar Isaac เล่าเรื่องของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์การทหาร ที่เดินทางเข้าไปใน “ม่านรุ้ง” (the Shimmer) พื้นที่กักกันลึกลับ ที่มีสิ่งแวดล้อมที่กลายพันธุ์ และสัตว์ต่างๆ ที่รูปร่างผิดเพี้ยน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกาภายใต้การจัดจำหน่ายของพาราเมานท์พิคเจอร์สเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 และในประเทศจีนออกฉายเมื่อ 13 เมษายน ค.ศ. 2018 ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เข้าโรงฉายในประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่ออกฉายผ่านทาง Netflix
Annihilation สุดยอดภาพยนตร์ไซไฟดราม่าระทึกขวัญสุดแฟนตาซีของ Netflix ที่ว่าถึงเรื่องราวของม่านหมอกประหลาดที่จู่ๆก็เกิดขึ้นมาปกคลุมพื้นที่แถบหนึ่งแถวชายฝั่งทะเล โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ถึงแม้ทางกองทัพจะพยายามตรวจหาที่ไปที่มาของสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า”ม่านรุ้ง” แต่ไม่ว่าจะส่งคนเข้าไปมากเท่าไหร่ ส่งทหารหรือโดรนเข้าไป แต่ก็ไม่มีใครได้กลับออกมาอีกเลย ซึ่งพวกเขาสันนิษฐานไว้ว่า เว็บดูหนัง
อาจมีบางสิ่งที่เลวร้ายที่สามารถคร่าชีวิตมนุษย์ได้ซุกซ่อนอยู่ภายในม่านรุ้ง หรือไม่พวกเขาก็ต้องประสบพบเจอกับอะไรบางอย่างจนทำให้คลุ้มคลั่งและสังหารกันเอง ทีมสำรวจกลุ่มสุดท้ายได้ถูกจัดตั้งขึ้นซึ่งนำโดย ดร.แวนเทรสและคณะนักวิทยาศาตร์ของเธอ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเดินทางเข้าไปหาคำตอบของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อหยุดยั้งหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า เมื่อม่านรุ้งมีทีท่าว่ากำลังจะแผ่ขยายอาณาเขตของมันออกไปเรื่อยๆ
จากที่เมื่อ 3 เดือนก่อนมันยังเป็นเพียงแค่กลุ่มควันที่ลอยปกคลุมอยู่เหนือประภาคารเท่านั้น แต่ทว่าในตอนนี้กลับแผ่ขยายออกมาจนปกคลุมไปเกือบครึ่งของป่า อีกทั้งยังมีทีท่าว่าจะแผ่ขยายออกไปเรื่อยไม่รู้จักจบจักสิ้น โดยการเดินทางในครั้งนี้ได้มี ลีน่า นักชีววิทยาได้ร่วมเดินทางไปกับพวกเขาด้วย ซึ่งเธออาสาออกเดินทางเข้าไปในม่านรุ้งด้วยตัวของเธอเอง เพื่อหาทางช่วยชีวิตสามี ที่เธอคิดว่าเขาจากไปแล้ว แต่กลับเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวที่ได้กลับออกมาจากม่านรุ้ง ซึ่งขณะนี้เขากำลังพักรักษาตัวอยู่ในอาการโคม่าใกล้ตาย เกิดอะไรขึ้นกับเขาและกลุ่มทหารก่อนหน้านี้กันแน่ นั่นเป็นสิ่งที่คณะสำรวจของดร.แวนเทรสต้องพยายามหาคำตอบให้ได้ และต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องมวลมนุษย์ให้รอดพ้นจากหายนะที่กำลังจะตามมา
รีวิว แดนทำลายล้าง
ระดับของเนื้อหา
เป็นที่น่าตกใจจริงๆว่าภาพยนตร์คุณภาพระดับนี้กลับเข้าฉายที่เว็บไซต์ดูออนไลน์อย่าง Netflix เท่านั้น ทั้งๆที่คุณภาพของมันนั้น จัดได้ว่าดีกว่าหนังโรงบางเรื่องเสียด้วยซ้ำไป ด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่ค่อยข้างแปลกใหม่ และการใส่ใจในรายละเอียดแทบจะทุกอย่างของสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งดูก็ยิ่งน่าติดตามไปกับม่านรุ้งที่เต็มไปด้วยปริศนาและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับซับซ้อน เอาเป็นว่าจะเล่าให้ฟังทั้งหมดก็คงจะต้องสปอยล์กันพอดี คงต้องไปดูกันเอาเอง ห้ามพลาด!
ระดับความสยอง
ต้นไม้กลายพันธุ์(ต้นเดียว 100 ดอกที่แตกต่างกัน) สัตว์กลายพันธุ์ที่เกิดจาก DNA ที่ปั่นป่วนจนกลายเป็นสัตว์ชนิดใหม่ ความตึงเครียดของเหล่าทหารที่ไม่สามารถหาคำอธิบายของสิ่งที่พวกเขาพบเจอได้ บีบบังคับให้พวกเขาเริ่มคลุ้มคลั่งเสียสติและเริ่มลงมือฆ่ากันเอง บางคนทนกับความกดดันไม่ไหวจนถึงกับขนาดฆ่าตัวตาย ถึงแม้อยากจะล้มเลิกภารกิจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาทางกลับออกไปได้ วิทยุใช้การไม่ได้ เข็มทิศก็เช่นเดียวกัน พวกเขาทุกคนติดอยู่ในม่านหมอกแห่งปริศนา ที่เต็มไปด้วยความผิดเพี้ยนทางพันธุกรรมแบบถึงขีดสุด ยิ่งอยู่ที่นี่นานมากเท่าไหร่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยิ่งกลายพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เว้นแต่กระทั่งตัวพวกเขาเอง เว็บดูหนังฟรี
ระดับความน่าดู
โดยส่วนตัวผมชอบในไอเดียของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ไม่บอกอะไรให้คนดูได้รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร ให้ผู้ชมต้องเข้าไปลุ้นดูกันเองว่าเกิดอะไรขึ้นในม่านรุ้ง มันทั้งน่ากลัวและชวนให้สงสัยไปพร้อมๆกัน ตัวหนังดูสนุกต่อเนื่อง ไม่น่าเบื่อ มีความระทึกให้ติดตามเป็นระยะ ทั้งสดและแปลกใหม่แบบที่เราอาจจะไม่ได้พบเห็นในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องอื่นๆ ด้านนักแสดงนี่ก็คงไม่ต้องพูดถึง ดีกรีนักแสดงนำหญิงจากเวทีรางวัลออสก้าร์อย่าง นาตาลี พอร์ตแมน การันตีคุณภาพไม่ผิดหวังครับ
อิงมาจากนิยายเล่มแรกในชุดไตรภาคที่เรียกว่า Southern Reach Trilogy เขียนโดย Jeff VanderMeer ผู้ซึ่งได้รางวัล Shirley Jackson Award เมื่อปี 2014 และรางวัล Nebula Award ในปี 2015 เป็นเรื่องของนักสำรวจที่เข้าไปใน Area X เพื่อหาคำตอบบางอย่างที่ทำให้พื้นที่บริเวณเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากเบื้องต้นไม่รู้ว่าฉบับหนังสือได้อธิบายอะไรไว้บ้างเพราะไม่เคยอ่าน แต่สิ่งที่ได้จากฉบับหนังนี้คือความเป็นหนังไซไฟ-วิทยาศาสตร์ที่ชั้นสูงระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ที่เรียกว่าสูงเพราะการจะเข้าใจเนื้อหาของหนังอาจจะต้องเรียนรู้วิชาชีววิทยาหรือวิทยาศาสตร์เบื้องต้นกันมาบ้าง โดยเฉพาะเรื่องของเซลล์ (Cell) ที่มีการเกริ่นในต้นเรื่องว่าสามารถแบ่งตัวได้จาก 1 เป็น 2 หรือ 2 เป็น 4 หรือ 4 เป็น 8 ตามทวีคูณที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เซลล์คือหน่วยที่เล็กที่สุดและเมื่อมีมากจะกลายเป็นอวัยวะจนถึงขั้นการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบต่างๆในร่างกาย ทว่าสิ่งที่ต้องเสริมสาระคือระบบภูมิคุ้มกัน (Immune system) ที่จะมีรายละเอียดที่ลึกลงไปอีก ถ้าให้เข้าใจง่ายๆให้ดูจากตอนเป็นไข้หวัด (Common Cold) เมื่อติดเชื้อหรือรับเชื้อแล้วร่างกายจะตอบสนองด้วยการสู้เพื่อฆ่าตัวนั้น พล็อตหนังเรื่องนี้ก็คล้ายทำนองเดียวกัน
เรื่องเริ่มจากอุกกาบาตตกแล้วทำให้บริเวณนั้นเกิดการเปลี่ยนเปลงเป็นม่านรุ้ง (Shimmer) และกำลังขยายอาณาเขตมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความเป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเคยเจอทำให้ส่งหน่วยสำรวจเข้าไปหาคำตอบ แต่ไม่มีใครกลับมาสักคนเดียว ยกเว้น เคน (Oscar Isaac) สามีของ ลีน่า (Natalie Portman) ที่กลับมาหาก่อนจะตกเลือดเข้าขั้นวิกฤติอย่างน่าประหลาดใจ ไม่มีคำตอบที่บอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น สิ่งที่ทำได้คือการเข้าไปอีกครั้งเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในกันแน่ ดูหนังฟรี
โลแมกซ์ (Benedict Wong) ตัวละครสวมชุดป้องกันเชื้อโรคที่พูดคุยกับลีน่าตลอดทั้งเรื่องเพื่อถามสิ่งที่เกิดขึ้นในม่านรุ้ง ถ้าเปรียบเสมือนร่างกายคงไม่ต่างกับหน่วยภูมิคุ้มกันที่ต้องการกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรค ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้ต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่จะกำจัดคือสิ่งที่เป็นอันตรายหรือสิ่งที่ส่งผลกระทบทางลบ ฉะนั้นการซักประวัติถามลีน่าในสิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญว่าลีน่าควรอยู่ระดับไหน เป็นภัยที่อาจแพร่เชื้อได้หรือไม่ หรือเป็นมิตรไร้มลทินทางร่างกายและจิตใจ
ลีน่าและคนอื่นๆ ได้แก่ อันย่า โทรีเชน (Gina Rodriguez),แคส เชพพาร์ด (Tuva Novotny),โจซี่ แรเดก (Tessa Thompson) และ ดร.เวนเทรส (Jennifer Jason Leigh) ต่างเข้าไปในอาณาเขตม่านรุ้งที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรดักรออยู่บ้าง ซึ่งการคัดเลือกแต่ละคนไม่ได้เกิดจากประสบการณ์การเอาตัวรอดที่เก่ง แต่เป็นปัญหาเฉพาะตัวที่ล้วนมีกันหมดทุกคน ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัว ครอบครัว คนรัก ไม่เว้นแต่กับตัวเอง
แล้วทำไมต้องคัดสรรคนที่มีปมทั้งที่ควรเอาคนที่มีความสามารถและไม่อ่อนไหว คำตอบนี้อยู่ที่ดร.เวนเทรสในฐานะนักจิตวิทยาที่เลือกสมาชิกด้วยตัวเอง ซึ่งแต่ละคนล้วนมีความเจ็บปวดมีบาดแผล ส่วนลีน่าเป็นคนมาที่หลังและเริ่มซึมซับความอยากรู้อยากเห็นนี้ ซึ่งปัญหาของเธอนั้นมีทั้งในอดีตและปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเรื่องความรักในแบบชู้เพราะรอคนรักไม่ไหว หรือจะคนรักที่จู่ๆกลับมาอย่างไร้เหตุผลก่อนจะเกิดอาการปางตายแบบหาข้อสรุปไม่ได้ ขณะที่คนอื่นๆแยกได้
จากทั้งหมดรวมถึงลีน่าคือคนที่มีปัญหาคางคาใจและเก็บกดอย่างเงียบๆ ถ้าว่าด้วยเรื่องของสัจธรรมก็คล้ายกับช่วงสุดท้ายของชีวิตว่าเราเลือกแบบไหนระหว่างปล่อยวางกับเก็บเอาไว้ ซึ่งแต่ละคนล้วนเจอสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไปตามชีวิตของตัวเอง สำหรับคนที่จมอยู่กับความทุกข์ไม่ยอมรับในความจริงมักเจอสถานการณ์ที่โหดร้ายจนนำไปสู่ความเจ็บปวดในที่สุด แต่กับใครที่เริ่มเข้าใจหรือปล่อยวางอิสระต่อเรื่องที่ผ่านมาจะไร้ความเจ็บปวดและอาจเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ขณะเดียวกันคนที่อยู่ระหว่างกลางด้วยความสับสนยังต้องดำเนินชีวิตต่อไปเพื่อหาคำตอบแก่ตัวเอง
แดนทำลายล้าง
The Immortal Life of Henrietta Lacks ชื่อหนังสือที่ลีน่าอ่านในช่วงต้นเรื่องที่นั่งเคียงคู่กับเคนหรือฉากสอนในห้องเรียนคือสิ่งที่กำลังพูดถึงเซลล์ที่เกิดขึ้นจริงของหญิงผิวสีชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อว่า เฮนเรียตตา แล็กส์ (Henrietta Lacks) ผู้ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกทั้งที่มีอายุเพียง 31 ปีเท่านั้น แต่นั้นไม่ใช่เรื่องโศกเศร้าเสียใจซะทีเดียวเพราะเซลล์มะเร็งนี้ได้กลายเป็นของสำคัญต่อวงการแพทย์ เมื่อได้ตัดเนื้อเยื่อไปเพาะเลี้ยงได้พบว่าเซลล์นั้นไม่มีวันตายหรือการแบ่งตัวไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งอีกนัยหนึ่งคือเซลล์อมตะ มีชื่อเรียกในวงการแพทย์ว่า”เฮลา (HeLa cells)”
The Immortal Life of Henrietta Lacks ชื่อหนังสือที่ลีน่าอ่านในช่วงต้นเรื่องที่นั่งเคียงคู่กับเคนหรือฉากสอนในห้องเรียนคือสิ่งที่กำลังพูดถึงเซลล์ที่เกิดขึ้นจริงของหญิงผิวสีชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อว่า เฮนเรียตตา แล็กส์ (Henrietta Lacks) ผู้ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกทั้งที่มีอายุเพียง 31 ปีเท่านั้น แต่นั้นไม่ใช่เรื่องโศกเศร้าเสียใจซะทีเดียวเพราะเซลล์มะเร็งนี้ได้กลายเป็นของสำคัญต่อวงการแพทย์ เมื่อได้ตัดเนื้อเยื่อไปเพาะเลี้ยงได้พบว่าเซลล์นั้นไม่มีวันตายหรือการแบ่งตัวไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งอีกนัยหนึ่งคือเซลล์อมตะ มีชื่อเรียกในวงการแพทย์ว่า”เฮลา (HeLa cells)”
Continuous cell line คือเซลล์ที่มีคุณสมบัติแบ่งตัวได้ไม่สิ้นสุด แต่ข้อเสียคือเซลล์มักกลายพันธุ์ไปจากเซลล์ปกติ บางทีเอเลี่ยนหรือสิ่งที่ทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงนี้ต้องการกลายพันธุ์และขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆ ส่วนวัตถุประสงค์อะไรนั้นไม่ทราบแน่ชัด อาจเพื่อวิวัฒนาการ หรือเพื่อเอาตัวรอดจากสภาพแวดล้อม แต่ไม่ว่าทางไหนในสายตาเผ่าพันธุ์มนุษย์คือการรุกรานหรือการทำลาย ซึ่งในความเป็นจริงคือสิ่งใหม่ที่มาเพื่อเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะจระเข้ที่มีฟันฉลาม หมีที่หน้าตาไม่ปกติและเลียนเสียงคนได้(หรือเปล่า) พืชพรรณไม้จากหลายสายพันธุ์ในต้นเดียวกัน กวางที่มีเขาเป็นดอกไม้
“อูโรโบรอส (Ouroboros)” เป็นสัญลักษณ์รูปงูกินหาง แสดงถึงความไม่สิ้นสุด ความเป็นอมตะ การก่อกำเนิดจากตัวเองและจบชีวิตลงด้วยการกินตัวเอง วนเวียนและเวียนว่ายอย่างไม่รู้จบไม่รู้จบ โดยสัญลักษณ์นี้เกิดขึ้นชัดเจนบนแขนของลีน่า สาเหตุที่เกิดขึ้นอาจมาจากการกลายพันธุ์ มีบางอย่างเกิดขึ้นในเซลล์ของลีน่าและเธอเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ผ่านกล้องจุลทรรศน์ที่มีการแบ่งเซลล์ที่ผิดปกติ กระนั้นการพูดถึงเพียงแค่แบ่งเซลล์ยังน้อยไปหากพูดถึงการทำงานของเซลล์ที่เป็นมากกว่าขยายจำนวน
“กระบวนการกลืนกินตัวเองของเซลล์ (Autophagy)” คือการควบคุมเซลล์หรือย่อยสลายออร์แกนเนล (Organelles) ที่ได้รับความเสียหายหรือโปรตีนจับตัวเป็นก้อน (Aggregated protein) เพื่อรีไซเคิล (recycle) เอานำกลับมาใช้อีก โดยตัวหลักที่ทำหน้าที่นี้คือไลโซโซม (Lysosome) ทำหน้าที่ย่อยสลายสิ่งต่างๆภายในเซลล์ เช่น เซลล์พืชกินแมลง เซลล์เม็ดเลือดขาว และเซลล์ที่หางของลูกอ๊อด อีกทั้งเป็นการป้องกันร่างกายจากแบคทีเรียหรือไวรัส โดยการทำลายตัวเองเพื่อป้องกันเซลล์อื่นๆไม่ให้รับผลกระทบตามไปด้วย เท่านี้ยังไม่หมดเพราะเซลล์ที่เกิดมามีอายุที่ต้องหมด ฉะนั้นจึงต้องกำจัดเซลล์ที่หมดอายุเพื่อไม่ให้ร่างกายมีสิ่งตกค้าง ทว่าถ้ากระบวนการนี้ทำงานผิดปกติหรือไม่อาจกำจัดเซลล์ที่หมดสภาพได้อาจนำไปสู่การเกิดเซลล์มะเร็ง ดูหนังออนไลน์