รีวิว แสงราตรี
ข่าวหนัง netflix เรียกว่านานๆ ทีจะมีซีรีส์จีนหรือไต้หวันที่สร้างจากทุนเน็ตฟลิกซ์ตรงๆ มาสักที ซึ่งเรื่องนี้ก็มาในแนวดราม่าสืบสวนคดีฆาตกรรมผู้หญิงในย่านโคมแดงของไทเป เรื่องราวถูกเล่าย้อนอดีตไปช่วงปี 1988 โดยมีตัวละครจำนวนมากมาเกี่ยวข้องผูกพันกันในไนท์คลับญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าแปลกสักหน่อยที่เป็นหนังจีนไต้หวันนำเสนอโลกของไนท์คลับญี่ปุ่น ตัวละครในเรื่องพูดญี่ปุ่นในไนท์คลับกับแขก
แล้วก็สลับเป็นภาษาจีนกลาง เป็นซีรีส์ที่ถูกวางยาวไว้ 3 ซีซั่น รวมแล้ว 24 ตอนจบ มีทั้งหมดจำนวน 8 ตอนในซีซั่นแรกความยาวประมาณ 40-50 นาทีต่อตอน กำกับโดย เหลียน อี้-ชิ ที่มีผลงานฉายในไทยอย่าง หักเหลี่ยมโหดตำรวจโคตรระห่ำ Peace Breaker
เนื้อเรื่องเริ่มจากมีกลุ่มนักศึกษาไปพบศพถูกดินถล่มทับกลางป่า ก่อนที่ตำรวจจะสืบกลับมาว่าผู้ตายเป็นผู้หญิงในไนท์คลับญี่ปุ่น “แสงสกาว” เรื่องราวจะเล่าย้อนกลับไป 3 เดือนก่อนเกิดเหตุฆาตกรรม ที่มีจุดศูนย์กลางของเรื่องราวอยู่ที่มาม่าซัง 2 คน ซูกับโรส ที่ร่วมกันเปิดไนท์คลับแห่งนี้ขึ้นมา และก็มีเรื่องราวเหตุร้ายต่างๆ เกิดขึ้นมากับทุกคนในไนท์คลับในช่วงเวลา 3 เดือน เหมือนต่างคนก็เป็นชนวนเหตุเกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งสิ้น
ซีรีส์เรื่องนี้มีรสชาติที่อาจจะแปลกแตกต่างจากที่มีในเน็ตฟลิกมากสักหน่อย ด้วยความที่เป็นซีรีส์จีนย้อนยุคเต็มตัว ซึ่งใครที่เกิดไม่ทันยุคซีรีส์จีนดราม่าสมัยก่อนก็อาจจะไม่ชอบหน้าตาของเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ในตัวซีรีส์เองไม่ได้ด้อยคุณภาพใดๆ เลย ถือว่าเป็นซีรีส์ที่มีงานสร้างปราณีตพอตัวเลย ทั้งเสื้อผ้า ทรงผม สถานที่ แถมยังต้องจำลองไนท์คลับญี่ปุ่น
ใช้นักแสดงญี่ปุ่นมาร่วมด้วย นักแสดงไต้หวันเองก็ต้องพูดญี่ปุ่นสื่อสารในเรื่องผสมกับจีนให้เป็นธรรมชาติอีก ถือว่าเป็นงานยากพอตัวเลยทีเดียว โดยใช้งบถึง 9 ล้านเหรียญสหรัฐในการสร้างเรื่องนี้ ซึ่งก็มากทีเดียวเมื่อเทียบกับซีรีส์เกรดทั่วๆ ไป ดังนั้นในเรื่องโปรดักชั่นก็เรียกได้ว่าผ่านเลยไม่มีอะไรต้องให้ติติงกัน ดูหนัง
รีวิว แสงราตรี
จุดเด่นของเรื่องนี้ก็ใช้การย้อนยุคเล่าเรื่องราวการสืบสวนที่แบ่งเป็นส่วนของ การเล่าชีวิตผู้หญิงในไนท์คลับกับส่วนของการสืบสวนตำรวจในปัจจุบันและอดีตที่ตำรวจกลุ่มนี้ไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งในส่วนชีวิตผู้หญิงในคลับก็มีตัวละครหลักคือ ซูกับโรส เป็นมาม่าซังที่ก่อตั้งแสงสกาวขึ้นมา เป็นเรื่องราวความรักสามเส้าของทั้งคู่ที่มีต่อผู้ชายคนเดียวกัน ที่มีอาชีพเป็นนักเขียนบทโทรทัศน์ ซึ่งเขามีนิสัยเจ้าชู้ในตัวที่ทั้งคู่ก็รู้ดี แต่ด้วยความรักก็ทำให้เกิดการหักหลังแย่งชิงกันขึ้น แต่ก็ยังเป็นในรูปแบบมิตรภาพระหว่างเพื่อนไปด้วย
นอกจากนี้ในแสงสกาวก็มีทีมงานเป็นสาวๆ ที่มีที่มานิสัยแตกต่างกันหมด เรื่องราวจะซอยย่อยออกเป็นคนๆ ตัดสลับไปมาระหว่างเรื่องราวของซูกับโรส ทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของสองคนนี้โดยตรงอย่าง ไอโกะ สาวนักศึกษาที่แอบรักเพื่อนหนุ่มที่เรียนด้วยกัน แต่เขากลับมาหลงรักมาม่าซู จนกลายเป็นปมรักซ้อนกันหลายทอด ซึ่งตัวละครแต่ละคนก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นกับเรื่องราวที่น่าสนใจ แม้จะเป็นเรื่องชีวิตผู้หญิงๆ
ที่มีทั้งเรื่องอิจฉาริษยา การแก่งแย่งลูกค้า แต่ก็ไม่ได้ออกมาน้ำเน่าอะไรมาก แต่ทุกคนก็จะมีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งคือ การหลงรักผู้ชายที่อาจจะไม่ได้รักพวกเธอจริง ซึ่งผู้ชายในเรื่องแทบทุกคนจะเป็นคนเลวทั้งนั้น ถือว่าเป็นจุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้เลยที่เล่าเรื่องผู้หญิงหลายคนที่ต้องเจ็บปวดกับความรักความผิดหวังในตัวผู้ชายในแบบต่างๆ กัน ซึ่งโทนเรื่องส่วนนี้จะค่อยๆ ซึมซับดราม่าพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ แรกๆ อาจจะรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้าถึงเพราะตัวละครเยอะมากจริงๆ แต่พอผ่านไปสัก 3 ตอนผู้ชมจะเริ่มสัมผัสจับจุดเรื่องราวได้แล้ว อาจจะไม่ถึงกับติดมาก แต่ก็ชวนดูได้เรื่อยๆ เช่นกัน
ซีรีส์เรื่องนี้ถูกฉายต่อเนื่องกันทันทีในเวลาไม่นาน ห่างจากซีซั่นแรกแค่ 1 เดือน เป็นซีซั่นที่ต้องบอกเลยว่านี่คือ 1 ในซีรีส์ไต้หวันหรือจีนท่ีดีอันดับต้นๆ ของ Netflix แน่นอน แม้ว่าซีซั่นแรกอาจจะดูเนือยๆ ยืดๆ กับช่วงการซ่อนปมว่าใครคือเหยื่อ แล้วเรื่องก็พยายามปูดราม่าชีวิตตัวละครทุกตัวมากซะเหลือเกิน แต่นั่นคือความต้องการของผู้สร้างที่ปูทุกอย่างละเอียดเพื่อให้จุดพีคทางอารมณ์ทุกอย่างมาอยู่ที่ซีซั่น 2 ดูหนังออนไลน์
ซีซั่น 2 หลังจากเรารู้ว่าเหยื่อคือใคร ตัวเรื่องก็เดินหน้าต่อในจุดนี้ทันที เรื่องราวโฟกัสไปที่โรสที่ถูกสงสัยว่าเป็นฆาตกร จากการทำงานสืบสวนของตำรวจที่พุ่งเป้ามาที่เธอ โดยหัวหน้าทีมสืบสวนก็เข้ามาใกล้ชิดตีสนิทจนแยกไม่ออกว่านี่คือการสืบสวน หรือว่าเป็นความรู้สึกในเชิงชู้สาวที่เขามีให้เธอ ในขณะที่ข่าวลือว่าโรสเป็นฆาตกรแพร่ไปเรื่อย ก็ทำให้บาร์แสงสกาวต้องอยู่ในจุดตกต่ำที่กอบกู้ไม่ได้ โรสจึงต้องอยู่ในสถานะที่ลำบากมากที่สุดในชีวิต
ต้องขอคาราวะงานสร้างเรื่องนี้เลยที่บทเก็บรายละเอียดได้ดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกรายละเอียดที่เราได้เห็นไปในซีซั่น 1 ถูกนำมาใช้ขยายต่อเติมให้สมบูรณ์ในซีซั่น 2 แทบทั้งหมด ทำให้พาร์ทคดีฆาตกรรมของเรื่องนี้มีความลึกลับซับซ้อนมากกว่าที่คาดเดาไว้มาก ซึ่งจุดนี้เองเป็นข้อด้อยของซีซั่นแรกที่ใส่มาน้อยไป ขอให้ลืมการเดินเรื่องแบบตัดสลับมากมายในซีซั่นแรกไปเลย
เพราะซีซั่นนี้ส่วนของการสืบสวนเดินไปข้างหน้าต่อเนื่องตลอดเวลา โดยค่อยๆ ตัดตัวละครที่เนื้อเรื่องชวนให้คนดูคิดว่าอาจจะใช่ฆาตกรหรือไม่ใช่ซีซั่นแรกไปทีละคนๆ พร้อมกับเผยเรื่องราวอีกด้านของตัวละครที่ถูกสงสัย แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยออกมาทั้งหมดในซีซั่นนี้ ตัวเรื่องยังคงจุดคลุมเครือที่ว่าทุกคนสามารถเป็นฆาตกรได้ไว้แบบเดิม เพื่อไปต่อซีซั่น 3 ซึ่งเป็นซีซั่นจบของเรื่องนี้ด้วย
แต่ความคลุมเครือนี้ก็ไม่ใช่ข้อด้อยแบบซีซั่นแรก เพราะตัวเรื่องทำส่วนสืบสวนออกมาได้น่าติดตามมาก แม้จะเป็นแบบค่อยๆ เผยมาทีละนิด แต่ก็มีจุดเซอร์ไพรซ์เล็กๆ เป็นระยะๆ ก่อนที่จะโยนเซอร์ไพรซ์เด็ดไว้ในตอนจบได้พีคสุดๆ แบบเชื่อเลยว่าไม่มีใครคาดถึงแน่นอน
ซีรี่ย์ แสงราตรี
ซีซั่นนี้ยังพาเราย้อนอดีตไปไกลกว่าเดิมถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ซุกับโรสในวัยเด็ก ที่ทั้งคู่สนิทกันได้เพราะซูย้ายบ้านมาอยู่ติดกับโรส จากซูเด็กที่มีปัญหาทางบ้าน ไม่มีใครคบในโรงเรียน ก็ได้โรสมาช่วยปกป้องดูแลตั้งแต่นั้น จนกลายเป็นมิตรภาพยาวนานมาถึงปัจจุบัน ซึ่งส่วนนี้ถูกเล่าออกมาในตอนแรกของซีซั่น 2 ยาวพอสมควร แต่จากนั้นแล้วก็มีแค่นิดหน่อย จุดนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้เพื่อเล่าเติมเต็ม ดราม่าความสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว
แต่ถูกนำมาใช้สร้างคาแรกเตอร์นิสัยใหม่ของซูในซีซั่นนี้ที่ต่างไปแบบพลิกเป็นคนละคนกับที่ผู้ชมได้เห็นในซีซั่นแรกเลย แต่ก็ไม่ได้ขัดแย้งกับซีซั่นแรก เป็นการพลิกคาแรกเตอร์แบบเป็นธรรมชาติในแง่ที่ว่า ใจมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง เราคิดว่าเรารู้จักใครดี แต่สิ่งที่เห็นนั้นอาจจะเป็นแค่สิ่งที่เขาสร้างภาพออกมาบังหน้าไว้ก็ได้ ซึ่งการพลิกคาแรกเตอร์ ของซูช่วยทำให้เรื่องราว ต่อยอดออกไปอีกมากมาย มีตัวละครใหม่เข้ามา เกี่ยวข้องกับเธออีกหลายคน และก็เป็นตัวละครสำคัญที่จะมีบทบาทต่อไปอีกในซีซั่นต่อไป ซึ่งเป็นการปูทางวางเรื่อง ให้มีปมใหม่เกิดขึ้นมาทิ้งไว้ ลื่นไหลลงตัวกับเรื่องราวมาก
นอกจากนี้พาร์ทความรักของโรสที่ดูเหมือนจบไปในซีซั่นแรกแล้ว แต่ซีซั่นนี้กลับค่อยๆ เอาจุดนี้กลับมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อทุกอย่างในชีวิต ของโรสพังทลายลง การที่เรื่องราวนอกจะสานต่อความรู้สึกของนักสืบพันที่เป็นหัวหน้าทีมสืบคดี นี้ในแบบที่ไม่เคยบอกว่าชอบโรส แต่ผู้ชมสามารถสัมผัสได้ว่าเขาจริงใจกับเธอใน แบบห่วงแต่ไม่เผยออกมาตรงๆ เพราะเขารับผิดชอบคดีนี้แล้วโรสเองก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1
จุดนี้เองทำให้เรื่องราวการสืบคดีดูอบอุ่นเล็กๆ ไปตลอดเรื่อง แม้โรสจะมองว่าเขามาใกล้ชิดเพราะมองว่าเธอคือผู้ต้องสงสัยก็ตาม และนอกจากนี้ยังนำตัวนักเขียนบทกลับมาเล่าเรื่องอีกด้านของความรัก ทำให้ตัวละครนี้ที่คนดูคงเกลียดมากในซีซั่นแรกได้กลับมา มองเขาในแง่ดีขึ้นมาบ้าง ซึ่งตัวเรื่องนอกจากจะทำสำเร็จแล้ว ยังส่งผลให้เรื่องราวความรัก ของโรสกับเขามีบทสรุปที่ลงตัวชัดเจนมากขึ้น
แต่ที่ต้องตินิดนึงคือตัวละครใหม่ที่เปิดมาในซีซั่นนี้บางคนดูใช้ไม่คุ้ม อย่างมาม่าซังคู่แข่งที่เปิดบาร์ใหม่ชื่อ ซูการ์ (น้ำตาล) ตรงข้ามแสงสกาว ตัวละครนี้ถูกนำเสนอออกมาเป็นกะเทยแต่งหญิงที่มีบุคลิกนิสัยท่าทางโดดเด่นมาก นอกจากที่มีเรื่องแนวธุรกิจคู่แข่งเป็นปัญหารุมเร้าแสงสกาวแล้ว ยังดูเหมือนกุมมีบทกุมความลับของเรื่องไว้มาก แต่จนจบซีซั่นกลับไม่ค่อยมีบทบาทมากอย่างที่เข้าใจ แต่ตรงนี้ต้องรอดูต่อไปว่า อาจจะเป็นการปูทางไว้ก่อนเพื่อมีบทสำคัญในซีซั่นสุดท้ายก็ได้
ในซีซั่นนี้มีนักแสดงรับเชิญสำคัญคือ วิเวียนซู อดีตดาราสาวเจ้าเสน่ห์ในอดีต เธอมีบทเล็กๆ ในช่วงย้อนอดีตของบาร์แสงสกาวก่อน ที่โรสกับซูจะได้มาเป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่งเป็นการเติมเต็มเรื่องราวให้สมบูรณ์ขึ้น แต่ก็ออกมาแค่ฉากเดียวแล้วไปเลย หนัง 4k
สรุป Light the Night SS2
ดีแน่นอน และดีกว่า Ss1 แบบหนังคนละม้วนกันเลย ทั้งเรื่องความเร็วในการดำเนินเรื่องมากกว่า พาร์ทสืบสวนที่ค่อยๆ เผยรายละเอียดได้อย่างน่าติดตาม ดราม่าชีวิตที่ไม่เยอะมากไป พาร์ทความรักก็ทำออกมาได้ดี จนกลายเป็นซีรีส์ที่ต้องแนะนำว่าควรค่าแก่ดารดูมาก โดยเฉพาะคนที่มองหาซีรีส์เอเชีย ที่แตกต่างออกไปจากเกาหลี ญี่ปุ่น หรือจีนแผ่นดินใหญ่ก็ด้วย ซีรีส์เรื่องนี้มีแนวทางที่แตกต่าง ออกไปชัดเจน และก็ทำออกมาสนุกแบบไม่น่าเชื่อด้วย
สามารถรับชมได้ที่ Netflix มีทั้งหมด 3 ซีซั่น ซีซั่นละ 8 ตอนค่ะ ตอนนี้สามารถดูรวดเดียวจบ 24 ตอนเลย ลุ้นๆตามกันไป!!
ความประทับใจในซีรีส์เรื่องนี้ สำหรับผู้เขียนเองมองว่าซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทอดความรู้สึกของคนคนนึงออกมาได้ดีมาก เป็นคนจริงๆที่ไม่ใช่คนที่มีบทบาทในซีรีส์ เพราะตัวละครแต่ละคน จะมีเบื้องหลังที่แตกต่างเกินไป เราอาจจะมองว่าคนเราจะเจอเรื่องหนักขนาดนี้ได้เลยหรอ แต่ความเป็นจริงก็คือคนเรา คงหนีไม่พ้นเรื่องราวแบบนี้แน่นอน และที่สำคัญที่ผู้เขียนชอบจากซีรีส์เรื่องนี้คือ
ตัวละครทุกตัวมีความดาร์ค ไม่ได้เป็นตัวละครที่เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ไปทุกคน ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีรสชาติขึ้นมา อีกทั้งทำให้มองคำว่าไนท์คลับ แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งในซีรีส์เองจะมีไนท์คลับ 2 แห่งที่แตกต่างกัน ถ้าไนท์คลับที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของจะให้ค่าของผู้หญิงมากๆ แตกต่างจากอีกที่ที่ปฏิบัติแตกต่างกัน หลังจากดูซีรีส์นี้จบจะทำให้คุณมองคำว่าไนท์คลับเปลี่ยนแปลงไป!
แต่สิ่งที่ผู้เขียนมองในอีกแง่ของซีรีส์เรื่องนี้เลยคือ เป็นซีรีส์ที่ปูเรื่องมายาวมาก แต่เหมือนมาตกม้าตายตอนจบ เพราะการไขปมคดีทำได้เร็วจนเกินไป เพียงแค่ตอนเดียวก็เฉลยทุกอย่างที่ปูมา 23 ตอน ผู้เขียนเลยมองว่ามันแอบง่ายเกินไป และใช้เวลานานเกินไปในการเล่าเรื่อง น่าจะมีเรื่องราวอื่นๆเพิ่มขึ้นมาให้น่าสนใจบ้าง เพราะอาจจะมีตอนที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าเอื่อยๆไปนิดนึง
แต่โดยรวมซีรีส์เรื่องนี้ก็น่าติดตามเพราะจะมีการหักมุมกันไปมาดูแล้วก็รู้สึกว่าคนนี้เป็นฆาตกรชัวร์ แต่พอจบตอนเอ้า หรือจะเป็นอีกคนนึงนะ ผู้เขียนคิดว่าได้เข้ามาดู Mood&Tone นักแสดง ฉาก เนื้อเรื่อง ก็คุ้มค่าแก่การดูแล้วค่ะ ยังไงลองไปค้นหาฆาตกรตัวจริงกับซีรีส์เรื่อง ‘Light The Night แสงราตรี’ ดูหนังออนไลน์ 4k