รีวิว โคตรคนชนเอเลี่ยน
รีวิวหนัง netflix เรื่องย่อ
เจค บาร์นส์ ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บพร้อมสูญเสียความทรงจำไป ก่อนได้รับความช่วยเหลือจาก วายลี และเหล่าภาคีนักสู้ยิวยิตสูเก่าแก่ ซึ่งดูเหมือนว่าชะตากรรมของเขาจะเกี่ยวโยงอยู่กับศึกการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับ แบรกซ์ ผู้รุกรานจากต่างดาวที่แข็งแกร่งและมาพร้อมเทคโนโลยีอาวุธสุดล้ำ เหล่าโคตรคนมหาประลัยจึงต้องผนึกกำลังชนศัตรูจากต่างดาวด้วยวิชาศิลปะการต่อสู้ โดยมีชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน!
ใครที่อยากดูหนังแอคชั่นจริงๆ ไม่มีอะไรให้คิดเยอะ ถอดสมองนั่งดูเอาบันเทิง ไปดูได้เลย
ตัวหนังนำเสนอเรื่องราวของชายความจำเสื่อม ที่กำลังจะปะติดปะต่อเรื่องราวของตัวเองก่อนหน้า หนังนำเสนอผ่านคัตซีนซีเคนซ์แบบลายเส้นการ์ตูนคอมมิค ข้อนี้ ทำให้หนังเดินเรื่องเร็ซ ตัดบางอย่างที่ไม่จำเป็นต่อการเล่าเรื่องได้ เป็นความฉลาดอย่างนึงของทีมสร้างที่ไม่ต้องการทำให้หนังมันยืดเยื้อ หนังเล่นสเกลเล็กๆ ไม่ได้เล่นใหญ่เว่อวังอะไร ฟิลลิ่งเหมือนคุณกำลังเปิดหนังแผ่นนอนดูที่บ้าน
ตัวหนังเอาจริงๆไม่ค่อยมีจุดจดจำมากไปกว่าตัวเอเลี่ยนชุดยางที่เป็นโคตรนักสู้ต่างมิติ มีความพยายามจะเป็น PREDATOR เวอร์ชั่นกังฟู+ซามูไร เน้นฉากแอคชั่นคิวบู๊สวยๆ และพล๊อตหลายๆอย่างบางจุดก็ไม่สมเหตุผลเท่าไหร่นัก เช่นเงื่อนไขการต่อสู้ระหว่างภาคีนักสู้ยิวยิตสูเก่าแก่ กับเอเลี่ยน บางคนตาย บางคนไม่ตาย ถ้าหารสาระจริงๆ มันก็ไม่เมคเซนส์เท่าไหร่ ดูหนัง
ส่วนงานภาพ ก็สไตล์หนังแอคชั่นเตะต่อยปล่อยหมดฟันดาบโช้งเช้ง ก็จะไหวๆ สั่นๆ ชวนมึนบ้างอะไรบ้าง แต่ยอมรับว่าคิว การจัดวางจังหวะไฟท์ สวยงาม ดูสนุกลื่นไหล โดยเฉพาะแอคชั่นของพี่ จา พนม ยังคงสวยงามแบบองก์บาก มวยไทย และแน่นอนว่า เราสามารถนับคำได้เลยว่าพี่จาเราพูดไปกี่คำ บทพูดพี่เขาน่าจะราวๆ 2-3 บรรทัดเท่านั้น แต่เตะต่อยสนุก เพลินมากๆ…ส่วนฉาก CG ต่างๆ ยังลอยๆตลกๆอยู่ คือก็ไม่อยากหักหาญน้ำใจกัน แต่ว่ากันชัดๆเลยคือทรโปรดัคชั่นหนังโดยรวม มันเหมือนย้อนกลับไปสมัย VCD หรือพวกหนังโฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์เฟื่องฟูมากกว่า
ส่วนนิโคลัส เคจ กับเรื่องนี้…เอิ่ม จะว่าไงดี ก็ตามมาตรฐานน้าแกแหละ ไม่มีอะไร แต่เล่นเป็นคนสติฟั่นเฟือนได้เฟี้ยวมาก อยากเห็นน้าแกรับบทสไตล์นี้เยอะๆ ดูเหมือนน้าแกปลดปล่อยดี
สรุป เป็นหนังที่ทำมาเพื่อขายความบันเทิงจริงๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน
รีวิว โคตรคนชนเอเลี่ยน
มาดูคนเตะต่อยกับเอเลี่ยนสกิลขี้โกงมันส์ๆ กลับบ้านก็พอแล้ว
5 ความเจ๋งของหนังเรื่องนี้
- หนังดัดแปลงจากคอมิกชื่อเดียวกันเมื่อปี 2017 ที่เขียนโดย ดิมิทรี โลโกเธติส และ จิม แม็คกัท ซึ่งดิมิทรีก็ก้าวมานั่งเก้าอี้ผู้กำกับด้วยตัวเอง
- ผู้กำกับ ดิมิทรี โลโกเธติส เคยมีประสบการณ์กำกับหนังแอ๊กชั่นมาร์เชียลอาร์ตมาแล้วจาก Kickboxer: Retaliation ซึ่งรีเมคมาจากหนัง Kickboxer ผลงานสุดคลาสสิกของซูเปอร์สตาร์แอ๊กชั่นอย่าง ฌอง-คล็อด แวน แดมม์
- นี่คือการเจอกันบนจอกันครั้งแรกของซูเปอร์สตาร์แอ๊กชั่นระดับโลกทั้ง นิโคลัส เคจ จาก Face/Off, แฟรงค์ กริลโล จาก Avengers: Endgame และ จา พนม จาก Fast & Furious 7
- นอกจากนี้หนังยังได้แอ๊กชั่นสตาร์ดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง อัลเลน เมาส์ซี มาร่วมผนึกกำลังทีมโคตรคน โดยเขาเชี่ยวชาญในการต่อสู้ยิวยิตสูและคิกบ็อกซิ่ง ครองแชมป์อันดับที่ 6 ในระดับเข็มขัดดำสำหรับสังเวียนยิวยิตสูของญี่ปุ่น และเข็มขัดดำระดับ 1 ของบราซิล ทุกท่วงท่าการต่อสู้ที่ปรากฎบนจอจึงสมจริงและคล่องแคล่วว่องไว
- หนังมาพร้อมกับทีมงานเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายศิลป์อย่าง สเตฟเฟน ริกช์สตาดท์ จาก Mulan, แฟรนไชส์ X-Men, Edge of Tomorrow, Ready Player One และ อารอน ซิมส์ จาก Aquaman, The Predator, Wonder Woman ซึ่งจะมาเนรมิตให้โลกกลายเป็นสนามประลองสุดยิ่งใหญ่ระหว่างทีมโคตรคน กับ เอเลี่ยน ยอดนักล่าผู้แข็งแกร่ง ดูหนังออนไลน์
ไม่น่าเชื่อเลยว่า…เพียงแค่ย่างก้าวเข้าสู่เดือนที่ 2 ของปี ต้องมาพบเจอกับประสบการณ์การดูหนังที่ทำให้อาการปวดหัวไมเกรนขึ้นคาโรงหนังเช่นนี้ หนังเรื่องที่ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับความรวดร้าวในครั้งนี้ก็คือ “Jiu Jitsu โคตรคน ชนเอเลี่ยน” ที่หน้าหนังได้ป๋า “นิโคลัส เคจ” กับ “จา พนม” มาเป็นตัวชูโรง แต่เนื้อแท้ที่จริงของหนังนั้น คือหนังที่…ไม่รู้จะอธิบายบรรยายอย่างไร แต่เพื่อคุณผู้อ่านทุกคนแล้ว ก็จะพยายามกลั่นกรองออกมา
Jiu Jitsu โคตรคน ชนเอเลี่ยน เป็นเรื่องราวของ เจค บาร์นส์ ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บพร้อมสูญเสียความทรงจำไป ก่อนได้รับความช่วยเหลือจาก วายลี และเหล่าภาคีนักสู้ยิวยิตสูเก่าแก่ ซึ่งดูเหมือนว่าชะตากรรมของเขาจะเกี่ยวโยงอยู่กับศึกการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับ แบรกซ์ ผู้รุกรานจากต่างดาวที่แข็งแกร่งและมาพร้อมเทคโนโลยีอาวุธสุดล้ำ เหล่าโคตรคนมหาประลัยจึงต้องผนึกกำลังชนศัตรูจากต่างดาวด้วยวิชาศิลปะการต่อสู้ โดยมีชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน
สัมผัสได้ถึงความหายนะของหนังตั้งแต่วินาทีแรกที่เปิดฉากออกมา (ไม่ได้โอเวอร์แอคติ้งใดๆ) แม้ว่าจะพยายามทำใจเอาไว้อยู่แล้วส่วนหนึ่ง คิดว่าหนังน่าจะทำออกมาสไตล์หนังเกรดบี ที่ไม่ได้หมายจะดูอะไรที่สมบูรณ์แบบและคมคายใดๆ แต่หนังเรื่องนี้ถือว่าบียอนด์ไปกว่านั้น ฉากแรกก็พร้อมกับการใส่ซีจีที่ย่ำแย่กว่างานหนังส่งอาจารย์ของนักศึกษาใกล้จบ มันทั้งเฉิ่มและเชยแบบสุดๆ และยังคงจะได้เห็นซีจีเห่ยๆ แบบนี้ไปตลอดทั้งเรื่อง
บอกจากใจจริงเลยว่า Jiu Jitsu เป็นหนังที่ทำให้ต้องก้มดูนาฬิกาบ่อยมาก ก้มดูตั้งแต่หนังเริ่มฉายไปยังไม่ถึง 10 นาทีแรกด้วยซ้ำ ได้แค่นั่งคิดว่าทำไมเวลา 5 นาที 10 นาที มันถึงได้เดินผ่านไปช้าเช่นนี้ ไม่ใช่แค่เพียงเทคนิคพิเศษต่างๆ ที่หนังทำออกมาได้ไม่ดีเลย แต่องค์ประกอบหลักของหนังอย่างเนื้อเรื่อง…ยังเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เรียกได้ว่าแทบไม่เจอเลยจะดีกว่า ดูหนังออนไลน์ 4k
หนังเปิดฉากมาแบบไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรกันเลย ใส่แต่ฉากแอคชั่น สู้ๆ ต่อยๆ บู๊ๆ เต็มที่ ปล่อยให้คนดูงงตาแตกอยู่หน้าจอกันว่า…มันเกิดอะไรกันเนี่ย? แต่ต้องยอมรับว่างานออกแบบคิวบู๊ช่วงแรกๆ ของหนังค่อนข้างโอเค แต่พอเรื่อยๆ ไปช่วงหลังค่อนข้างเละเทะสะเปะสะปะกันไปหมด และสำคัญหนังยังคงเน้นคอนเซ็ปต์สื่อสารกันน้อยๆ เช่นเดิม
โคตรคนชนเอเลี่ยน
Jiu Jitsu พยายามจะเจริญรอยตามหนังแอคชั่นเท่ๆ ด้วยการยัดใส่ฉากบู๊ระห่ำสไตล์ลองเทคต่อเนื่องเข้ามา ต้องยอมรับว่าก็เป็นไอเดียที่ค่อนข้างเข้าท่า แต่มันไม่เข้ากับหนังเรื่องนี้เลย แทนที่จะเป็นแอคชั่นคลูๆ กลายเป็น…อิหยังวะ มุมกล้องไม่รู้ว่าแทนมุมมองตัวละครไหนกันแน่ และแน่นอนว่ายังคงดำเนินเรื่องไปแบบเน้นเตะต่อย ไม่เน้นบทพูดอีกตามเคย
ตัวละครนี้โผล่มา ตัวละครนู้นก็ปรากฏตัว แต่กลับไม่รู้เลยว่าใครเป็นใครบ้าง หนังมีความอินดี้มากที่ไม่ขยายความใดๆ สื่อมาถึงคนดูเลย และกลับมอบหน้าที่นั้น…ที่น่าจะเป็นการโยนมากกว่า ให้กับ นิโคลัส เคจ ที่เป็นดาราเบอร์ใหญ่ที่สุดของเรื่องแล้ว มาทำหน้าที่เป็นกาวผสานและสรุปเนื้อเรื่องให้คนดูได้พอเข้าใจยิ่งขึ้นน้อย แม้ว่าเขาจะเป็นส่วนดีที่สุดของหนัง แต่ก็ยังไม่ใช่อะไรที่ดี…แบบที่ควรจะดีอยู่ดี
เรียกได้ว่า Jiu Jitsu เป็นหนังที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าหนังเกรดบีเมื่อสัก 10-20 ปีก่อนด้วยซ้ำ หนังเป็นเหมือนคนทำตามใจตัวเอง ไม่อยากเล่าเรื่องนี้ก็ไม่เล่า อยากจะใส่ฉากบู๊ก็ยัดเยียดใส่เข้ามาแบบชวนสะอิดสะเอียดไปหมดแล้ว ความรู้สึกของคนดูจึงเหมือนกับถูกจับพันธนาการและปล่อยให้ตัวละครและฉากต่างๆ รุมซ้อมแบบขยับไม่ไหนได้ จนรู้สึกสะบักสะบอมไปตลอดทั้งเรื่อง
นอกจากเรื่องซีจีที่ลอยเด่นแล้ว หนังยังมีซาวน์ดนตรีประกอบที่ค่อนข้างน่ารำคาญเปิดคลอไปตลอดทั้งเรื่อง ยิ่งช่วงท้ายยิ่งหนักหูเข้าไปใหญ่ และไม่เท่านั้นงานออกแบบองค์ประกอบต่างๆ ของหนังก็ดูหละหลวมและน่าขบขัน ไม่ว่าจะเป็นฉากต่อสู้ ที่มุมหนึ่งแดดจัด แต่ตัดไปอีกมุมหนึ่งแดดอ่อนแล้ว ขณะที่ฉากต่างๆ ก็ไม่รักษ์โลกกันเลย เพราะเป็นวัสดุโฟมล้วนๆ แต่ที่อดกลั้นขำไม่ได้สุดๆ ก็คือ ดาบที่ใช้สู้ฟันกันดุเดือด เมื่อนำไปค้ำยันพื้นกับโค้งงอลงได้เสียอย่างนั้น
โดยในภาพรวมแล้ว Jiu Jitsu โคตรคน ชนเอเลี่ยน จึงจัดได้ว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างมอบความสิ้นหวังให้กับคนดู ไม่พบข้อดีใดๆ ที่อยู่ในหนังเรื่องนี้เลยสักข้อเดียว ทุกอย่างใส่เข้ามาแบบผิดที่ผิดจังหวะไปหมด กับบรรยากาศแสนกระอักกระอ่วนตลอด 102 นาที…ที่แสนยาวนานเหลือเกิน บอกได้แค่ว่าทีเซอร์ตัวอย่างของหนังเรื่องนี้…ยังดูสนุกกว่าหนังทั้งเรื่องด้วยซ้ำ
อ้อ…หากใครที่อยากจะเข้าไปดูชม จา พนม ราชานักบู๊เมืองไทยของเรา อาจจะไม่ผิดหวังเท่าไหร่ เพราะพี่จาของเราถือว่ารับบทบาทได้อย่างเต็มที่ กับงานออกแบบฉากบู๊ต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา ที่ไม่ต้องให้มากำกับอะไรมากเลย เป็นพรสวรรค์ของพี่แกจริงๆ เพียงแต่ว่าทั้งเรื่องจะได้ยินบทพูดของพี่เขาแค่เพียง “I’m Okay” เท่านั้น ช่างเป็นบทพูดที่ยาวเสียจริง หนัง 4k