รีวิว โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก 2
รีวิวหนัง netflix SONIC THE HEDGEHOG 2 – แอนิเมชั่นภาคต่อสุดบันเทิง พร้อมเสริฟความฮาแบบจัดเต็ม
การกลับมาอีกครั้งของแอนิเมชั่นสุดน่ารักกับหนังภาคต่ออย่าง SONIC THE HEDGEHOG 2 หลังจากภาคแรกอย่าง SONIC THE HEDGEHOG เข้าฉายไปเมื่อปี 2020 และในปีนี้ทางด้านผู้กำกับอย่างเจฟฟ์ ฟาวเลอร์ได้นำตัวละครจากเกมสุดฮิตอย่างโซนิคเจ้าเม่นสายฟ้ากลับมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์อีกครั้งโดยการกลับมาในครั้งนี้จะเป็นเนื้อเรื่องที่ต่อจากตอนจบของภาคแรกนั่นเองที่เราได้เห็น “เจ้าเทลส์” โผล่ออกมาครับ
ส่วนทางด้านนักแสดงนั้นก็ยังได้นักแสดงชุดเดิมอย่างเจมส์ มาร์สเดน, เบน ชวาร์ตซ์ ที่ให้เสียงพากย์เป็น โซนิค, ไทกา ซัมเทอร์, นาตาชา รอธเวลล์, อดัม พัลลี และจิม แคร์รี ที่กลับมาพร้อมกับชีมาร์ มัวร์ และ สมทบด้วยนักแสดงอย่างอิดริส เอลบาที่ให้เสียงพากย์เป็น “นัคเคิลส์”และคอลลีน โอ ชอฟเนสซีที่ให้เสียงพากย์เป็น “เทลส์”
ซึ่งเรื่องย่อของ SONIC THE HEDGEHOG 2 ในภาคนี้จะเล่าถึง เมืองกรีน ฮิลส์ที่โซนิคนั้นอยากจะพิสูจน์ตัวเองว่าเขาคือฮีโร่ที่แท้จริงการทดสอบจึงเริ่มต้นเมื่อดร.โรบ็อตนิค กลับมาพร้อมกับพันธมิตรใหม่ “นัคเคิลส์” พวกเขากลับมาค้นหาอัญมณีมรกตที่มีพลังในการทำลายอารยธรรมโซนิคต้องร่วมมือกับเทลส์ ออกผจญภัยเพื่อค้นหาอัญมณีมรกตก่อนที่มันจะตกไปอยู่ในมือของวายร้ายและใช้ทำลายโลก
บอกเลยว่าในภาคนี้หนังค่อนข้างมีสเกลที่ใหญ่ขึ้นกว่าภาคแรกมากไม่ว่าจะเป็นด้านเนื้อเรื่องหรือตัวละครครับ ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้เจ้าโซนิคก็ไม่ทำให้คนดูผิดหวังตามเคยพร้อมเสริฟความบันเทิงแบบขั้นสุดให้กับคนดูแถมพาเพื่อนมาเพิ่มอีกสองอย่าง “เทลส์” และ “นัคเคิลส์” ที่ดูแล้วค่อนข้างน่ารักเลยทีเดียวครับนอกจากจะน่ารักแล้วเหล่าแฟนเกมคงฟินกันแน่นอนกับการที่ทั้งสามนั้นต้องมาร่วมมือกันล้มวายร้ายอย่าง ดร.โรบ็อตนิค
นอกจากความบันเทิงแล้วตัวหนังยังจัดใหญ่จัดเต็มกับ CGI ที่ดูแล้วเพลินตามาก ไม่ว่าจะเป็นฉากใหญ่ของหนังที่ ดร.โรบ็อตนิคนั้นกลายเป็นหุ่นยนต์หรือการดีไซน์ทั้ง 3 ตัวละครที่ทำออกมาได้สมจริงดีครับ นอกจากงานภาพสวยๆแล้วในหนังยังเต็มไปด้วยความฮาจากมุกตลกล้อหนังดังเรื่องอื่นๆที่คอยแทรกมาให้คนดูได้ยิ้มกันเรื่อยๆ และสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ตั้งแต่ภาคแรกแล้วนั้นคือเดอะแบกอย่าง จิม แคร์รี ที่เขานั้นรับบทเป็น ดร.โรบ็อตนิค ในภาคนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปท์ความฮาไว้เหมือนเดิมครับแถมฮากว่าเดิมอีกด้วย
และสิ่งที่พีคสุดๆนั้นคือเอ็นเครดิตครับบอกเลยว่ามีภาค 3 อย่างแน่นอนสำหรับแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ แล้วใครที่เป็นแฟนเกมหรือคอหนังแอนิเมชั่น หนังเรื่องนี้ไม่ควรพลาดครับกับ SONIC THE HEDGEHOG 2 โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก 2
สรุปแล้ว SONIC THE HEDGEHOG 2 คือหนังแอนิเมชั่นภาคต่อดูเพลินอีกหนึ่งเรื่องการกลับมาในครั้งนี้หนังมีสเกลที่ใหญ่ขึ้นพร้อมกับความน่ารักที่มากขึ้นกับการมาของ “เทลส์” และ “นัคเคิลส์” และยังมอบความบันเทิงแบบครบรสจัดเต็มแต่จัดจ้านกว่าภาคแรกอีกด้วย พร้อมด้วย CGI สวยๆสุดตระการตา กับความฮาขั้นสุดของจิม แคร์รี่ และปิดท้ายด้วยเอ็นเครดิตชวนลุ้นในภาค 3
รีวิว โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก 2
เรียกได้ว่ามาสานต่อความสำเร็จจากภาคที่แล้วแบบรวดเร็วไม่ทิ้งช่วงให้รอนาน อย่างกับเจ้าเม่นสายฟ้าออกวิ่งอย่างนั้นแหละ เพราะว่า ‘Sonic The Hedgehog 2’ หรือ ‘โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก 2’ นี้ ทิ้งห่างจากภาคแรก ‘Sonic The Hedgehog’ (2020) ภาพยนตร์กึ่งแอนิเมชันแบบไลฟ์แอ็กชัน ที่สร้างมาจากคาแรกเตอร์และเกมในตำนานของค่ายเซกา (Sega) เพียงแค่ 2 ปีเท่านั้นเองกลายเป็นหนังสร้างจากเกมไม่กี่เรื่องที่สามารถรอดพ้นอาถรรพ์หนังสร้างจากเกมที่มักจะเห่ยสนิทและเจ๊งยับจนในที่สุดก็ได้มีโอกาสกลับมาสร้างภาคใหม่อีกครั้ง โดยได้ ‘เจฟฟ์ ฟาวเลอร์’ (Jeff Fowler) ผู้กำกับจากภาคแรกและนักแสดงชุดเดิมจากภาคแรกกลับมาร่วมงานแบบครบทีม
เคล็ดลับความสำเร็จก็น่าจะมาจากการที่ตัวหนังดูสนุกดูง่าย เด็กดูได้ผู้ใหญ่ก็ดูดี แถมยังเอาใจคอเกมด้วยการใส่แฟนเซอร์วิสและ Easter Egg จากเกมมาให้แบบจุกๆ รวมทั้งการที่พาราเมาต์พิกเจอร์ส (Paramount Pictures) ยังยอมอัดงบเพิ่ม 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อปรับแก้ดีไซน์เจ้าโซนิคเวอร์ชันแรกที่โดนแฟนๆ ถล่มเพราะออกมาทรงประหลาดเกินรับไหว เรียกว่าปรับแก้กันจนในที่สุดก็ออกมาน่ารักน่าชังและใกล้เคียงกับคาแรกเตอร์ต้นฉบับที่คุ้นเคยมากกว่าที่จะเน้นความสมจริง
แน่นอนว่าเนื้อเรื่องในภาคนี้เองก็จะต่อมาจาก Mid-Credits จากภาคที่แล้วเลยครับ ซึ่งถ้าใครยังไม่ได้ดูอันนี้ผู้เขียนขอเบรกให้หยุดอ่าน แล้วไปหาดูใน Netflix ก่อนได้เลยนะครับเพราะเนื้อหาค่อนข้างต่อและเชื่อมโยงมาจากภาคแรกพอสมควรถ้าไม่ดูมาก่อนอาจจะมีงงและโดนสปอยล์ได้
เนื้อหาเริ่มต้นหลังจากที่ ‘โซนิค’ (พากษ์เสียงโดย Ben Schwartz) ได้เนรเทศ ‘ดร. โรบอตนิก’ (Jim Carrey) ไปอยู่ดาวเห็ดได้ในภาคแรก เจ้าเม่นสีฟ้าก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของ ‘ทอม’ (James Marsden) นายอำเภอเมืองกรีนฮิลล์ (Green Hills)และคู่รัก ‘แมดดีย์’ (Tika Sumpter)โซนิคกำลังสนุกอยู่กับการแอบเป็นฮีโรฉายเดี่ยวพิทักษ์โลก (ที่สุดท้ายมักจะจบไม่ค่อยสวย) ดูหนังใหม่
จนกระทั่งวันหนึ่ง โซนิคต้องอยู่บ้านเพียงลำพังเพราะทอมกับแมดดีย์ต้องเดินทางไปงานแต่งงานของ ‘ราเชล’ (Natasha Rothwell) พี่สะใภ้ที่ฮาวายในขณะเดียวกันที่ดร.โรบอตนิก หรือด็อกเตอร์เอกแมน (Doctor Eggman) ก็กำลังวางแผนจับมือกับ ‘นักเคิลส์’ (พากษ์เสียงโดย Idris Elba) นักรบเผ่าอีคิดนาที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่่สุดในกาแล็กซี่เพื่อแย่งชิงมรกต (Master Emerald) อัญมณีทรงพลังที่มีอำนาจในการทำลายอารยธรรมมาเป็นของตัว โซนิคจึงต้องแย่งชิงมาให้ได้ก่อนที่จะตกไปอยู่ในมือผู้ร้ายโดยมี ‘เทลส์’ (พากษ์เสียงโดย Collen O’Shanussy) จิ้งจอกสองหางสุดอัจฉริยะแฟนพันธุ์แท้ตัวจริงของโซนิคร่วมมือในการปกป้องโลกในครั้งนี้ด้วย
ในส่วนของพล็อตเรื่อง ผู้เขียนแอบคิดเอาเองว่า ผู้เขียนบทน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากคอนเซ็ปต์เรื่องราวจากเกมบวกกับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวในแอนิเมชัน ‘Sonic X’ (2003 – 2006)(ฉายทาง Netflix) นะครับไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่าแต่ถ้าใครเคยดูแล้วจะร้องอ๋อเหมือนผู้เขียนแน่นอน เพราะเนื้อเรื่องในอนิเมะบางตอนนั้นมีความคล้ายกับเรื่องราวในหนังพอสมควรโดยเฉพาะเรื่องราวของการแย่งชิงมรกตและ ‘ตัวละครบางตัว’ ที่โผล่มาในหนังเป็นครั้งแรก ส่วนคนที่ไม่ใช่แฟนก็น่าจะเป็นเรื่องดีที่ทำให้ได้รู้จักตัวละครใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก และผู้เขียนเชื่อว่า ถ้าดูหนังแล้ว น่าจะอยากกลับบ้านไปดู Sonic X ต่อแน่นอน
โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก 2
ซึ่งตัวหนังเองก็ยังคงยึดวิธีการเขียนบทและวิธีการเล่าเรื่องในแบบเดียวกับภาคแรกที่เน้นความเบาของเนื้อเรื่องเดินเรื่องเป็นเส้นตรง ดูง่ายเบาสมอง เรตไม่แรงรวมทั้งการหยิบ Easter Egg จากในเกมมาใส่ได้อย่างกลมกลืนและเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนเกมได้ไม่แพ้ภาคแรก แต่สิ่งที่ทำให้ภาคนี้มีความแตกต่างก็คือ ความเล่นใหญ่นี่แหละครับเรียกว่าภาคนี้ขยายสเกลทั้งเรื่องราวโปรดักชันซีจีที่เรียกได้ว่าอัปเกรดจากภาคที่แล้วขึ้นอีกหลายเท่าตัว ตั้งแต่บทที่เน้นเรื่องราวการผจญภัยปกป้องกาแล็กซี และซีจีที่อัปเกรดจัดเต็มแบบ Epic ซะจนแทบจะกลายเป็นหนังฮีโร Marvel แบบย่อมๆ ไปแล้ว
ซึ่งไอ้ความเล่นใหญ่แบบ Epic นี่แหละที่ถือว่าเป็นการแก้ Pain Point จากภาคแรกแบบชัดเจนมากเพราะภาคแรกจริงๆ ก็ดูสนุกแหละครับ แต่พล็อตมันก็ค่อนข้างจะเด็กๆ เหมือนดูอนิเมะอยู่พอสมควร แต่พอขยายพล็อตใหญ่ขึ้นได้เห็นการผจญภัยมากขึ้นก็ยิ่งทำให้ตัวพล็อตและการดำเนินเรื่องมีพลังมากพอที่จะเล่าเรื่องได้อย่างน่าติดตามและถือว่าเป็นอะไรที่เกินคาดมากๆ โดยเฉพาะใครที่อาจจะรู้สึกว่าภาคแรกอร่อยแต่ให้น้อยเหมือนกินอาหารเด็ก ภาคนี้รับรองว่ามีจุกแน่นอน
แน่นอนว่าตัวหนังก็ยังมีข้อสังเกตก็คือยังมีบางฉากที่ดูจะไม่ค่อยจำเป็นและไม่ได้มีผลต่อเรื่องมากนัก ซึ่งทำให้ตัวหนังบางช่วงดูยืดยาดน่าเบื่อคล้ายๆ ภาคแรกไปบ้างแต่ก็ถือว่ายังพอจะแฝงเรื่องราวใส่ Plot Twist ให้ตื่นเต้นและดูสนุกแม้ว่าตัวเรื่องจะพอเดาได้ใส่มุกฮาให้ได้ขำพอไหล่สั่นโชว์คาแรกเตอร์ของตัวละครบางตัวได้ชัดขึ้นและยังสามารถขับเน้นประเด็นเรื่องความเป็นเพื่อนและครอบครัวได้มีพลังและชวนให้ซึ้งได้อย่างจัดเต็มมากๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใช้ทีมสร้างเดียวกับ ‘The fast and the furious’ หรือเปล่านะเอะอะก็ครอบครัวๆ
ส่วนในแง่ของการแสดง ก็หนีไม่พ้นล่ะครับที่จะไม่พูดถึงตัวละครที่มาจากเกม ที่ดูจะทำได้ดีกว่าตัวละครที่เสริมแต่งในเวอร์ชันหนังไปทั้งสองภาคซะแล้วแฮะ ไม่ว่าจะเป็นเคมีระหว่างตัวละครระหว่างโซนิค เทลส์ และนักเคิลส์ ที่ทำออกมาได้น่ารักมาก ๆ และหนีไม่พ้นที่จะต้องยก MVP ให้กับลุงจิม แครีย์ (Jim Carrey) เจ้าของบทด็อกเตอร์โรบอตนิกนี่แหละครับ ที่ภาคนี้มีโอกาสได้ปล่อยลีลาแบบจัดเต็มซะยิ่งกว่าภาคที่แล้วอีก คือถ้าลุงจะเล่นหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายจริง ๆ เหมือนอย่างที่ลุงแกออกมาให้สัมภาษณ์ ก็ถือว่าเป็นการทิ้งทวนที่ไม่เสียหลายล่ะครับ
โดยสรุป ‘Sonic The Hedgehog 2’ ก็ยังทำหน้าที่เป็นภาพยนตร์สำหรับครอบครัวได้อย่างดีนะครับ ด้วยพล็อตเบา ๆ และการดำเนินเรื่องแบบเส้นตรงที่ดูง่ายไม่ซับซ้อน ในขณะที่ตัวหนังเองก็จัดเต็มได้แบบจุก ๆ ด้วยโปรดักชันและซีจีที่เล่นใหญ่กว่าภาคแรก เป็นหนังสำหรับครอบครัวที่ให้ความบันเทิงเล่นใหญ่ที่ดูได้สนุกกันทั้งครอบครัว เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ไม่ว่าจะเป็นแฟนเกมหรือไม่ก็ตาม ดูหนังฟรี