รีวิว Doctor John
มีหลายคนไถ่ถามมาว่าดูไปบ่นไปเอาอะไรมาตัดสินว่าซีรีส์เรื่องไหนน่าดูที่ภาษาวัยรุ่นข้างบ้านบอกว่าป้ายยา คำตอบคือเรื่องไหนที่ผู้เขียนดูจบนั่นคือน่าดูทั้งสิ้นเพราะซีรีส์ไม่ว่าจะจากสัญชาติไหนก็มักจะมาพร้อมความยาวและมากจำนวนตอน ซึ่งการที่งานซีรีส์จะสามารถตรึงผู้ชมให้ติดตามจนครบทุกตอนนั้นหากพลังความน่าติดตามไม่สูงพอคนดูก็พร้อมจะทิ้งไว้กลางทางที่วัยรุ่นข้างบ้านคนเดิมเรียกว่าเท นั่นหมายความว่างานซีรีส์ที่สามารถทำให้คนดูดูตั้งแต่ต้นจนจบได้นั้นต้องมีดีแต่คำว่าดีสำหรับคนเรานั้นก็ต่างกัน ซีรีส์ที่ดูสนุกสำหรับคนหนึ่งอาจจะน่าเบื่อสำหรับอีกคนหนึ่งแต่ก็มีไม่น้อยที่ความเห็นออกมาในทางเดียวกัน แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยและไม่ใช่ทุกเรื่องจะไปถึงระดับยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
เช่นกันกับเรื่องนี้ที่นับว่าเป็นงานซีรีส์ทางการแพทย์ที่ผู้เขียนประทับในอีกหนึ่งเรื่อง เพราะนี่คืองานที่เล่าเรื่องของหมอพันธุ์หายาก หมอจอมแหกคอกนอกกรอบที่เชือดเฉือนกันสุดมันส์ แต่กระนั้นเมื่อได้ดูไปสักพักอารมณ์เชือดเฉือนอาจมีแกว่งและลดพลังลงบ้าง แต่ก็ทดแทนด้วยความคมคายในการตั้งคำถามเรื่องสิทธิ์ที่จะจบชีวิตของตัวเองของผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมาน จรรยาบรรณแพทย์ที่จะตัดสินว่าควรจะยื้อชีวิตหรือปล่อยไป และความขัดแย้งในข้อกฎหมายที่มองเป็นอาชญากรรมผ่านการนำเสนอที่แหลมคม เพียงแต่ความเข้มข้นอาจไม่ถึงหยดสุดท้ายอย่างที่ควร Doctor John
เรื่องย่อ
เรื่องเปิดตัวคังชียอง (อีเซยอง) หญิงสาวแพทย์ประจำบ้านปีสองที่คนดูดูออกว่าหนีอะไรบางอย่าง ก่อนเดินทางเธอได้รับข้อเสนอให้ไปเป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์ในเรือนจำเป็นการชั่วคราว และที่นั่นเธอได้พบกับนักโทษคนหนึ่งที่ชอบมาจุ้นจ้านกับคนป่วยจนกระทั่งคังชียองพบว่าเขาคือหมอชาโยฮัน (จีซอง) ที่ความเก่งกาจในการวินิจฉัยโรคเหมือนดั่งมีเนตรทิพย์ปานเทวดา แต่ชาโยฮันก็เป็นคนแปลกที่ไม่น่าไว้วางใจจนเมื่อคังชียองได้ช่วยชีวิตนักโทษคนหนึ่งตามคำแนะนำของชาโยฮัน เธอจึงเริ่มรับรู้และสามารถลุกขึ้นมาจากการจมกับแผลในใจกลับเข้ามาเรียนแพทย์อีกครั้งจากการนั้น แต่จะเป็นโชคชะตาหรือความบังเอิญเมื่อหมอชาโยฮันที่พ้นโทษออกมาก็ได้มาทำงานในโรงพยาบาลเดียวกับคังชียอง
หนักเข้าไปอีกเมื่อเขามาเป็นหัวหน้าศูนย์บรรเทาอาการปวดที่เธอประจำอยู่และต้องมาเป็นอาจารย์หมอของเธอ ยังไม่พอคังชียองพบว่าชาโยฮันที่ต้องถูกขังเพราะเหตุการุณยฆาตผู้ป่วยที่เป็นเรื่องผิดกฏหมาย แพทย์ประจำบ้านคังชียองจึงต้องเรียนรู้จากอาจารย์หมอชาโยฮันด้วยความกังขาตั้งแต่เริ่ม ซ้ำชาโยฮันยังถูกหมายหัวจากอัยการที่เคยทำคดีของเขาคืออัยการซนซอกกี (อีคยูฮยอง) ที่ออกนอกหน้าว่ามีความแค้นกับชาโยฮัน แถมทางโรงพยาบาลมีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแบบยื้อชีวิตอยู่หนึ่งคนที่จะกลายเป็นคำถามถึงความชอบธรรมในการยื้อชีวิตหรือปล่อยให้ผู้ป่วยสิ้นใจอย่างสงบ ในขณะที่แผลในใจของคังชียองก็ต้องได้รับการรักษาเช่นกัน รีวิวซีรีย์ netflix
บทอาจดูหลวมและเห็นได้ทั่วไป แต่แก่นสารที่เล่ายังแข็งพอทำให้มองข้ามข้อบกพร่องได้จนงานออกมาสุดมันส์
แม้เรื่องเปิดตัวอย่างแรงสูงในช่วงต้นที่เหตุเกิดในเรือนจำกับความน่ากังขาในตัวหมอหัตถ์เทวดา แต่พอมาถึงกลางเรื่องกลายเป็นซีรีส์การแพทย์ทั่วไปที่เล่าเรื่องการรักษาผู้ป่วยเคสยากๆไปทีละเคสอย่างน่าเสียดาย และถ้าช่างสังเกตจะเห็นการหลงไปจากประเด็นหลักไกลพอควรก่อนที่จะกลับมาแรงขึ้นเมื่อถึงตอนท้าย และยิ่งน่าเสียดายหนักเข้าไปอีกเมื่อตอนสุดท้ายได้ทิ้งทุกอย่างที่มีมาตั้งแต่ต้นเพื่อความเท่และการพยายามโรแมนติก ว่าตามตรงแบบไม่เกรงใจคือบทโดยรวมหลวม บางเหตุการณ์ดูลอยๆไม่เชื่อมโยงกับแกนหลักที่ตั้งใจจะเล่า ถ้านั่นยังไม่พอบทที่ปูทางไว้อย่างเข้มแต่หาทางลงอย่างง่ายไปเช่นประเด็นการเลือกประธานที่ปูมาอย่างน่าสนใจแต่หาทางออกง่ายๆแบบใครจะทำไม
รีวิว Doctor John
แต่… ถ้ามองอย่างเป็นธรรมในสิ่งที่เรื่องตั้งธงไว้นับว่าได้ผลดีแม้จะเป๋ไปและดูเลือนไปบ้างในช่วงกลาง (เหมือนคิดอะไรไม่ออกเลยจับเอาสถานการณ์โรคแปลกๆมาใส่) นั้นคือประเด็นของการุณยฆาต สิทธิ์ที่จะเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองอย่างสงบของผู้ป่วยที่เจ็บปวดทรมานและไม่มีทางรักษาหาย มุมของจรรยาบรรณแพทย์ที่เป็นผู้รักษาชีวิตไม่ใช่ผู้พรากชีวิตและข้อถกเถียงกันในเรื่องกฎหมายที่สร้างทางแยกในใจให้ตั้งคำถาม ซึ่งบทก็ฉลาดพอที่จะปล่อยให้เป็นคำถามอยู่อย่างนั้นไม่ฟันธงว่าอะไรถูกหรือผิด และสิ่งที่บททำได้ดีคือประเด็นรองที่ว่าด้วยเรื่องการเยียวยาแผลในใจที่ทำให้คนบางคนไม่กล้าลุกขึ้น
ด้วยความเปลี่ยนแปลงภายในที่เป็นการเริ่มต้นใหม่ของทั้งคังชียองและหมอชาโยฮัน ซึ่งเป็นสิ่งที่พาสิ่งที่เรียกว่าการส่งต่อความดีที่เห็นชัดและเป็นสิ่งที่ประคองเรื่องไว้ในช่วงกลางที่เริ่มหลุดไปจากประเด็นหลัก แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่ทำให้เรื่องยังมีพลังมากพอที่ดึงคนดูอยู่ด้วยความระทึกในการรักษาโรคประหลาดต่างๆ ถ้าจะบอกว่าบทพยายามเน้นเรื่องภาวะจิตใจภายในของตัวละครและเลยเถิดมาถึงคนดูก็คงไม่เกินเลยและมันได้ผล ทั้งยังรวมถึงความกล้าที่จะเล่นประเด็นที่หมิ่นเหม่และเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนอย่างเรื่องของสิทธิ์ที่จะจบชีวิตของตนเองเมื่อรู้ว่าอาการป่วยไม่มีทางรักษา เมื่อในทุกนาทีในแต่ละวันต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด
การแสดงและเสน่ห์ที่จัดจ้านจนจัดการได้ทุกอย่างของ “จีซอง”
นอกจากเรื่องที่กล่าวมาความเข้มในเรื่องของการล้มแล้วลุกและการเยียวยาหัวใจ ความรักความเข้าใจในครอบครัวก็ยังชัดและเป็นส่วนหนุนให้กับความสนุกของเรื่องโดยเฉพาะในช่วงกลางที่หลุดออกไป สิ่งที่น่าดูอีกอย่างคือการแสดงของอีเซยองในบทหมอคังชียองผู้มีปมในใจ คนที่ล้มแล้วไม่ยอมลุกจนกระทั่งมาเจอกับหมอชาโยฮันและได้พบแรงบันดาลใจ แน่นอนว่าความรักทำให้เธอตาสว่างและลุกขึ้นยืนในจุดที่เธอควรยืนและพิสูจน์ตัวเองในฐานะหมอ ซึ่งอีเซยองทำหน้าที่ได้เกือบสมบูรณ์แบบ ที่ว่าเกือบคือยังมีบ้างที่มองเห็นความพยายามเกินไปและเห็นว่าเป็นการแสดง แต่โดยรวมแล้วการแสดงของเธอสมควรได้รับคำชื่นชม
แต่เรื่องนี้ (ความจริงก็ทุกเรื่อง) จีซองแข็งแกร่งเกินไปในด้านการแสดงรวมถึงพลังดาราและเสน่ห์ ทำให้แม้อีเซยองจะทำได้ดีแบบน่าพอใจแล้วก็ยังต้านทานพลังแรงของจีซองที่รับบทหมอชาโยฮันอย่างน่าเชื่อถือ ทำให้เห็นชัดว่านางเอกบารมียังไม่เสมอกับจีซองเลยเป็นระยะห่างและความเก๋าไม่เท่ากัน แต่อย่างน้อยพระเอกกับนางเอกเคมีก็ยังไปด้วยกันได้แม้คนดูจะรู้สึกเชื่อได้ไม่ร้อยเปอร์เซนต์เรื่องความรักของทั้งคู่ หรือถ้าจะลองนึกดูถึงงานที่จีซองเล่นคูกับฮันจีมินใน Familiar Wife จะเห็นชัดเจนในเรื่องพระเอกกับนางเอกศีลเสมอกันและกลายเป็นเคมีลงตัวเต็มร้อย
อีกอย่างตัวละครสมทบในรุ่นเล็กที่เป็นนักเรียนแพทย์ที่ความจริงมีนาทีในเรื่องค่อนข้างมากแต่ก็มองเห็นว่าเป็นการแสดงอยู่เรื่อยๆ ผิดกับนักแสดงสมทบรุ่นใหญ่อย่างชินดองมี ในบทพยาบาลผู้มีแค้นฝังใจ ที่เวลาออกจอน้อยกว่าและบทยังลอยไปลอยมาผลุบโผล่เป็นพักๆแต่การแสดงอยู่ในระดับที่เรียกว่าเฉียบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบทอัยการที่ลึกๆแล้วเป็นคนดีแต่ถูกความแค้นบดบังจนน่าชิงชังในตอนแรก ก่อนที่จะละลายในตอนหลังและบทก็ดันทิ้งเขาไปอย่างน่าเสียดายอย่างอีคยูฮยองนักแสดงชั้นดีที่พิสูจน์ให้เห็นมาหลายครั้ง รวมๆแล้วอาจไม่ใช่งานที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ แต่ประเด็นที่คมคาย การเล่าเรื่อง และการแสดงทำให้เป็นเรื่องที่ดูสนุกและน่าติดตาม แถมให้ว่าภาพสวยเพลงเพราะอีกต่างหาก
แม้ว่าจะไม่ใช่งานที่ไร้ที่ติเรื่องมีหลุดจากทางหลักไปบ้างในช่วงกลางแต่ก็ไม่ปฏิเสธว่านี่คืองานที่ดูสนุก ได้ลุ้นในทุกตอนเพราะการเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกมีเหตุการณ์เร้าและบีบอารมณ์มากมาย ลุ้นไปกับการวินิจฉัยและการรักษาโรคประหลาดต่างๆ แต่ถ้าจะใส่ความเข้มข้นในการเชือดเฉือนกันระหว่างจรรยาบรรณกับกฏหมายและความขัดแย้งในใจของทั้งหมอและอัยการเข้าไปน่าจะสนุกยิ่งขึ้น เอาง่ายๆทุกฉากที่ชาโยฮันเผชิญหน้ากับอัยการซนซอกกีที่ออกมาทรงพลังและเร้าใจทุกฉาก นั่นเพราะพลังดาราและการแสดงที่ข่มกันไม่ลงทำให้การเชือดเฉือนด้วยคำพูดและภาษากายออกมาสนุกและน่าจดจำ
แต่เมื่อเรื่องเลือกที่จะเล่าออกมาแบบเล่นกับอารมณ์และสร้างคำถามคำโตในใจคนดูแบบนี้ก็ต้องยอมรับ ซึ่งการเล่าเรื่องที่ไม่มีพลิกผันหักมุมแต่ทำให้ผู้ชมสนุกได้ขนาดนี้ก็จัดว่าดีพอ แต่ความสนุกมันมาจากสถานการณ์มากกว่าการเล่นประเด็นย่อยเพื่อไปสู่เรื่องใหญ่ เพราะบทได้ตั้งธงไว้แล้วแต่ขยายไม่ยาวพอเลยต้องใส่เหตุการณ์รายทางให้ลุ้นเป็นเคสต่อเคสไปซึ่งก็ได้ผล แต่ที่ผู้เขียนเสียดายคือเจตนาน่าสนใจและกล้าที่จะตั้งคำถามในเรื่องที่อ่อนไหวหรือละเอียดอ่อนในใจคนได้ขนาดนี้ก็น่าจะระทึกได้กว่านี้ แต่เท่าที่เป็นอยู่นี้ก็สุดๆและสนุกแล้ว
อีกอย่างคือตัวละครของอัยการซนก็น่าเสียดายที่บทไม่เน้นเขาให้มากกว่าที่เป็น ซึ่งจะเป็นการปะทะกันของกฏหมายและจรรยาบรรณที่จะตั้งคำถามในเรื่องที่อยากเล่า แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็มีดีในตัวและคืองานชั้นดี และถ้าจะว่ากันตามจริงก็อาจถึงอดหลับอดนอนกันได้ด้วยชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม (งอมแงมกันได้ง่ายๆ) แม้จะไม่ถึงขนาดสมบูรณ์แบบไร้ที่ติก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะอย่างที่เคยบอกว่า “งานที่สนุกไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ” และกับเรื่องนี้ก็คือประทับใจ ทั้งยังมีคำถามที่ฝากไว้ในส่วนลึกของความคิดว่า “ถ้าถึงเวลาจะตัดสินใจอย่างไร” ดูหนังใหม่
Doctor John
ซีรีส์เรื่อง “Dr. John” หรือ 의사 요한 (คุณหมอโยฮัน) เป็นซีรีส์ที่ออกอากาศทางสถานี SBS ในช่วงกรกฎาคม – กันยายน 2019 เคยมีคนรีวิวซีรีส์เรื่องนี้ไว้แล้ว เป็นรีวิวที่หยิบประเด็นการุณยฆาต (Euthanasia) ขึ้นมาตีแผ่ ( “การุณยฆาต” เป็นศัพท์ทางนิติศาสตร์ หมายถึงการทำให้คนป่วยตายโดยเจตนา หรืองดเว้นการรักษาเพื่อให้คนป่วยจากไปอย่างสงบ ศัพท์ทางการแพทย์ใช้คำว่า “ปรานีฆาต” ) ดังนั้นในรีวิวนี้จะพูดถึงเรื่องโดยรวมของการดำเนินเรื่องและตัวละครก็แล้วกันนะ จะได้มองเรื่องจากมุมต่าง ๆ กัน
ชาโยฮันเป็นวิสัญญีแพทย์ (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางยาสลบ ยาชา บล็อกไขสันหลัง หรือทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้ป่วยเจ็บปวดน้อยที่สุด) เขาถูกตัดสินจำคุกเนื่องจากให้ยาลดความเจ็บปวดเกินขนาดแก่ผู้ป่วยจนผู้ป่วยตาย ในขณะที่เขาติดคุกเขาได้เจอกับคังชียอง แพทย์ศึกษาเฉพาะทางปี 2 ที่เข้ามาทำงานพาร์ทไทม์เป็นแพทย์ประจำเรือนจำที่โยฮันถูกคุมขังอยู่ ด้วยทักษะและความรู้อันโดดเด่นของโยฮัน ทำให้ชียองสะดุดใจกับเขามาก
ชาโยฮันถูกจำคุกอยู่ 3 ปี เมื่อถูกปล่อยตัวออกมา เขาได้รับการทาบทามจากศูนย์การแพทย์ฮันเซให้มาเป็นอาจารย์หมอ เขาจึงได้เจอกับชียองอีกครั้งที่นี่ ในฐานะอาจารย์หมอและแพทย์ฝึกหัด โยฮันต้องฝ่าฟันกับคำพิพากษาจากสังคมที่เห็นว่าการการุณยฆาตของเขาไม่ต่างจากการฆาตกรรม ส่วนชียังก็มีแผลในใจที่เชื่อว่าตัวเองมีส่วนทำให้พ่อต้องทุกข์ทรมาน เนื่องจากชียังเป็นผู้ตัดสินใจหยุดการทำ CPR ให้กับพ่อของเธอตอนประสบอุบัติเหตุDr John 5
เรื่องนี้มีพล็อตเรื่องที่โดดเด่นจากซีรีส์การแพทย์ทั่วไป เนื่องจากหยิบยกประเด็นเรื่องการรุณยฆาตมาถก ซึ่งไม่มีข้อสรุปและยังเป็นที่ถกเถียงกันในสังคมจนถึงทุกวันนี้ว่าการุณยฆาตเป็นสิ่งที่ผิดหรือถูกกันแน่ นอกจากนั้นเนื้อเรื่องยังน่าติดตามเพราะเป็นการชูเรื่องวิสัญญีแพทย์เป็นหลัก ทั้ง ๆ ที่ซีรีส์การแพทย์ส่วนใหญ่จะโฟกัสเรื่องแพทย์เกี่ยวกับ หัวใจ สมอง หรือศัลยกรรม แทบไม่มีเรื่องในโฟกัสเรื่องวิสัญญีแพทย์เลย จึงถือว่า Dr. John ได้หยิบยกประเด็นที่แปลกแหวกแนวขึ้นมาเล่าDr John 2
Dr. John ไม่ถือว่าเป็นซีรีส์แพทย์ที่ดีที่สุด แต่ก็นับว่าเป็นหนึ่งในหลาย ๆ เรื่องที่โดดเด่น เพราะมีเคสการรักษาที่แปลกออกไปจากเคสทั่ว ๆ ไปที่เห็นบ่อย ๆ ในซีรีส์เกี่ยวกับหมอ ขนาดตัวพระเอก เจ้าของชื่อเรื่องเอง ยังป่วยเป็นโรคแปลก ๆ เพราะเขาไม่สามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้ บางคนอาจจะคิดว่าดีเสียอีก เป็นอะไรก็ไม่เจ็บ แต่ความจริงแล้วมันน่ากลัวมาก เพราะการที่คนเรารู้สึกเจ็บ นั่นหมายถึงเรารู้ว่าร่างกายเราผิดปรกติ ในขณะที่หากเราไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย เมื่อร่างกายเราไม่ไหว เราอาจจะตายไปเองดื้อ ๆ เลย นึกภาพว่าถ้าเกิดเราไส้ติ่งแตก แต่ไม่รู้สึกเจ็บดูสิ คือ มันจะแตกแล้วเน่าไปเลยในท้องและก็ตายไปเลยนะตัวเอง ไม่ดีหรอก
พล็อตเรื่องรองลงมาคือเรื่องความรักของพระ – นาง ซึ่งเอาตรง ๆ นะ ไม่ค่อยมีความน่าสนใจ และไม่มีเสน่ห์ในตัวเท่าไหร่ พูดง่าย ๆ เคมีของพระ – นางไม่แรงมากนัก ครึ่งหลังของซีรีส์เริ่มโฟกัสเรื่องความรัก ความสนุกในเนื้อเรื่องเลยเนือยๆ ไปบ้าง แต่ก็ยังพอถูไถ ดูได้อยู่ แต่ดำเนินเรื่องรับตามตำราซีรีส์เกาหลีเลย คือ ต้องรักกัน จากนั้นจากเข้าสู่สเตปการพรากจากกัน แล้วกลับมาเจอกันใหม่ แล้วจบด้วยแฮปปี้เอนดิ้ง เหมือนผลัก ๆ เรื่องรักให้มาเข้าในเนื้อเรื่องยังไงไม่รู้Dr John 3
การดำเนินเรื่องถือว่าผูกเรื่องได้ดีเลยทีเดียว คือไม่มีการโฟกัสเคสต่อเคสนะ เมื่อเริ่มมีเคสแรก บางทีก็แทรกเคสที่สองมากลาง ๆ เคสแรกเลย ทำให้เนื้อเรื่องมันเกี่ยวพันกันไปเรื่อย ๆ น่าติดตามชมยิ่ง แถมนักแสดงรับเชิญในแต่ละเคสก็แสดงได้ดีเยี่ยมด้วย ตัวอย่างเคสแชมเปี้ยนศิลปะการต่อสู้แบบผสมที่ได้ คิมยองกู นักแสดงจากเรื่อง Stove League มาเล่น คิยองกูจับอารมณ์ของนักกีฬาที่ยอมตายดีกว่าต้องมาทุกข์ทรมานเพราะไม่ได้ต่อสู้อีกต่อไปได้ดีมาก มีความหยิ่ง แต่ใจลึกๆ คือกลัวว่าตัวเองจะไม่ได้เล่นกีฬาที่รักต่อ
เอาจริง ๆ นี่ว่าบทไม่ค่อยแน่นนะ ดูแล้วคนเขียน คิมจีอุน ไม่ค่อยมีประสบการณ์เขียนเรื่องให้น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ ผลงานที่ผ่านมาคือ Hyde, Jekyll, Me และ Cheongdamdong Alice ก็ไม่ค่อยถูกใจเหล่าผู้ชม คือเกริ่นเรื่องดี ประเด็นที่จะเอามาเล่าก็น่าสนใจ แต่พอเอามาเขียนจริง ๆ บทหลวม ดีที่ว่าผู้กำกับ ตัดต่อ ดำเนินเรื่องได้ค่อนข้างดี ผู้กำกับโจซูวอน เคยกำกับเรื่องเด่น ๆ อย่าง Pinocchio, Thirty But Seventeen, I Hear Your Voice และ Gap Dong มาแล้ว (แถมยังเคยร่วมงานกับคนนักเขียนคิมจีอุนจาก Cheongdamdong Alice อีกด้วย) มีประสบการณ์หลายแนว เลยเอาอยู่ทั้งด้านความระทึก และน่าติดตาม ไปดึงความน่าติดตามให้น้อยลงหน่อยตรงประเด็นความรัก แต่นั่นมีหลายปัจจัย ทั้งบทโรมานซ์อ่อน คนแสดงเคมีไม่เข้ากันด้วย เลยไม่น่าติดตามเท่าไหร่ ดูหนังฟรี