รีวิว netflix HOME TEAMทีมกากจะคว้าชัย
HOME TEAM (โฮมทีม) ภาพยนตร์ตลกกีฬาจากเน็ตฟลิกซ์ แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของ ฌอน เพย์ตัน อดีตโค้ชของเนชันแนลฟุตบอลลีกแห่ง นิวออลีนส์ เซนต์ ที่พบเจอกับการพักงานภายหลังเหตุอื้อฉาว และตัดสินใจลุกขึ้นใหม่ด้วยการเป็นโค้ชนำทีมอเมริกันฟุตบอลของลูกชายวัยสิบสองของเขาที่ขึ้นชื่อว่าไม่เอาถ่าน และใช้โอกาสนี้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับลูกชาย เพื่อค้นหาจุดยืนที่หายไป นำแสดงโดย เควิน เจมส์ นักแสดงตลกคู่บุญ อดัม แซนด์เลอร์จาก GROWN UP ที่รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างให้หลังผ่านงานกีฬาอเมริกาฟุตบอลมาก่อนแล้วใน The Waterboy และ เทย์เลอร์ เลาต์เนอร์ เจ้าของบทมนุษย์หมาป่าจาก หนังแฟรนไชน์ TWILIGHT พร้อมเสียงพากย์ภาษาไทย
รีวิว netflix HOME TEAMทีมกากจะคว้าชัย
รีวิว HOME TEAM (โฮมทีม)
ภาพยนตร์สร้างรอยยิ้มจากเรื่องจริงของ ฌอน เพย์ตัน โค้ชเอ็นเอฟแอลที่ถูกสั่งพักงานจากเหตุอื้อฉาวที่ไม่มีคำอธิบายแน่ชัด ทำให้เขาหวนนึกถึงครอบครัวที่เขาทอดทิ้งไป เขาจึงกลับมาที่บ้านเพื่อสานสัมพันธ์กับลูกชาย คอนเนอร์ จึงอาสาเป็นโค้ชทีมฟุตบอลเยาวชนที่อนาคตไม่รุ่งสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเข้าขั้นฝีมือกาก ด้วยความหวังว่ามันอาจจะทำให้เขาได้กลับไปคุมทีมอเมริกาฟุตบอลอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ง่ายนักเพราะทีมฟุตบอลเหล่านี้ล้วนมีแต่เด็กที่มีความสามารถแต่ใช้ผิดจุด แม้แต่โค้ชคนเก่ารูปหล่ออย่างทรอยเองก็แทบเอาไม่อยู่ แถมท่ามกลางผู้คนที่ยังค้างคาและกังขาในคดีความของเขา ฌอนต้องเรียนรู้จากสิ่งเล็ก ๆ และเข้าใจเด็กแสบที่มีปัญหานานับประการเพื่อนำพาทีมกากไปคว้าชัยและกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองให้จงได้ ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าทีมตัวแสบและลูกชายของเขา รีวิว netflix
หนังเล่าเรื่องเรียบง่าย ไม่มีอะไรหวือหวามากนักกับเรื่องราวของตัวเอกที่เจอวิกฤติและต้องแก้ปัญหากับอดีตของตัวเอง แต่ด้วยความที่มันสร้างจากเรื่องจริง มันจึงแอบน่าสนใจว่าจะเล่าออกมายังไง มันเลยมีความตลกจากเหล่าตัวละครสมทบอย่างแก๊งเด็ก ๆ หลากหลายเชื้อชาติ ดราม่าครอบครัวนิด ๆ พร้อมกีฬาที่ดูไม่ค่อยจะเน้นเป็นจริงเป็นจังเท่าไหร่ แต่ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เรื่องราวเดินไปข้างหน้า มันเลยกลายเป็นหนังที่ดูได้เรื่อย ๆ เพลิน ๆ แต่ก็ไม่ได้น่าประทับใจ เพราะมันธรรมดามากและยังไม่สามารถขยี้อารมณ์ให้เป็นหนังที่ดีได้อย่างคมกริบ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ใช่หนังที่แย่ แต่แค่ไม่มีอะไรใหม่ ๆ จะนำเสนอ นอกจากการดิ้นรนเพื่อหาจุดยืนของตัวเอง และเป้าหมายที่สำคัญก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่คนดูคาดคิด เพราะมันเป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจจากเรื่องจริง มันเลยไม่ค่อยมีอะไรฉีกสักเท่าไหร่ นอกจากความอบอุ่นหัวใจในความสัมพันธ์ของเรื่องราวที่ทำออกมาได้ดี และมุกตลกที่แอบชวนแหวะไปนิดจนแอบรู้สึกอึดอัดไปบ้าง แม้จะเข้าใจในบริบทของสถานการณ์ในเรื่องก็ตาม
ตัวละครถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจ แม้จะไม่ได้มีอะไรมาก ไม่ว่าจะเป็น ฌอน เพย์ตัน ตัวแทนของผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบในหลาย ๆ สิ่งและมีบางอย่างที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ เขาเลือกความสำเร็จจนหลงลืมลูกชาย และเหตุการณ์ก็ค่อยทำให้เขาตระหนักถึงความจริงที่ว่าความสุขและความสำเร็จเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ เป็นตัวละครที่อาจจะไม่ได้เป็นที่รักเพราะเขาไม่ได้ทำตัวให้รัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าถ้าเขาพยายาม เขาก็ได้รับสิ่งที่ควรได้รับ แม้หนังอาจจะไม่ได้เฉลยว่าเขาทำเรื่องฉาวจริง ๆ หรือแค่ยอมรับผ่าน ๆ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็พบตัวตนของตัวเอง เป็นคนใหม่ที่ดีกว่า แต่นอกนั้นแล้ว ตัวละครอื่น ๆ เหมือนมาคอยเป็นตัวสมทบชงมุกตลกมากกว่า แม้ว่าบางตัวละครจะมีปมแต่ก็ใช้เป็นมุกตลกมากกว่าจะเล่าเรื่องราว ทำให้จุดเด่นอยู่ที่ตัวฌอน เพย์ตัน และความสัมพันธ์กับคอนเนอร์ที่ห่างเหินเพราะเขาถูกพ่อทอดทิ้งไป ก่อนที่เขาจะได้เปิดใจคุยกับพ่อและเข้าใจความหมายของคำว่าทีมเวิร์ค
ในส่วนของประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่นั่น หลายครั้งเราอาจต้องดิ้นรนแทบเป็นแทบตาย แต่สุดท้ายแล้วความพยายามไม่ได้อยู่ที่ตัวของเราอย่างเดียว มันขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลาด้วย ถ้าพยายามแล้วสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง งั้นก็ต้องรู้จักเตรียมรับมือและเข้าใจความหมายของความพยายามที่ทำมาแล้วเราจะมีความสุข เหมือนกับตัวละครในเรื่องที่บางครั้งการพยายามมากมาย ก็นำมาซึ่งพ่ายแพ้ เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องรู้จักปรับตัว เข้าใจสถานการณ์และพลิกผันมันแม้คนจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรือมันดูไร้สาระ การตัดสินใจของเราคือตัวตัดสินของผลลัพธ์และเราพอใจกับมันมั้ย แล้วมีใครที่ยินดีในความพยายามของเราด้วยหรือเปล่า บางครั้งการแพ้ก็คือการชนะ เพราะชีวิตมันมีปัญหามากมายให้ต้องแก้ บางอย่างก็แก้ไม่ได้ บางอย่างก็ต้องปล่อยไป เหมือนเกมกีฬา มีแพ้ก็ต้องมีชนะ อย่าได้เสียใจไป เพราะสุดท้ายสิ่งสำคัญคือการที่เรามีชีวิต มีหนทางเริ่มต้นใหม่เสมอ และเราอาจจะได้รับสิ่งที่เราไม่คิดจะได้รับเป็นของตอบแทน เหมือนกับการที่เราเปิดใจให้กับคนอื่น ยอมรับในความผิดพลาด และมองเห็นในข้อดีของเขาและเราก็จะสามารถทำให้ปัญหาที่มีอยู่่เบาบางลงได้เช่นกัน หรือครอบครัวเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ที่จะหวนกลับมาหาคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ด้วยการแก้ไขและปรับปรุงตัว
ในส่วนของมุมกล้องและโปรดักชั่นก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวาก็เป็นภาพยนตร์ทั่วไป แต่ที่ดีคงเป็นการแสดงของเควิน เจมส์ ที่เล่นดราม่าได้อย่างเป็นธรรมชาติและยังรับมุกส่งตลกได้แพรวพราว ท่ามกลางตัวละครที่เหมือนจะเล่นมุกตลกตลอดเรื่องแต่เขาน่าจะเป็นไม่กี่คนที่เป็นศูนย์กลางของเรื่อง แต่ที่น่าเสียดายคือเทย์เลอร์ เลาต์เนอร์ที่บทไม่ค่อยเอื้อให้เขาได้โชว์ของมากเท่าไหร่่เลยกลายเป็นตัวละครตลกเล็ก ๆ ธรรมดา เมื่อเทียบกับจุดสนใจไปอยู่ที่เหล่าเด็ก ๆ ที่แสดงออกมาได้อย่างหลากหลาย มีคาร์แร็คเตอร์ที่น่าสนใจและยังเป็นธรรมชาติแทบจะเห็นความใสซื่่อในการเล่นกีฬาและความไร้เดียงสาแบบเด็ก ๆ ที่เคมีอบอุ่นกับเควิน เจมส์เหมือนเป็นโค้ชกับเหล่าลูกทีมจริง ๆ บางคนก็ขโมยซีน แต่ก็ไม่มีใครกลืนหายไปไม่ว่าคนในทีมจะมีมากแค่ไหนก็ตาม ก็สามารถเฉลี่ยความสำคัญได้ดี ตัวละครนอกจากนั้นก็ตามมาตรฐาน ไม่มีอะไรโดดเด่น แม้จะมีบางตัวที่ตลกที่ทำให้ขำได้บ้างก็ตาม เพลงประกอบมีไม่มาก แต่มีฉากนึงที่ใช้ได้ถูกเวลาทั้งน่ารักและอลังการ
สรุป HOME TEAM (โฮมทีม) สนุกและดีไหม?
หนังนั้นมีความตลกอบอุ่นใจแต่ไม่ได้นำเสนออะไรแปลกใหม่ ดูเอาสนุกเพลิน ๆ แต่อย่าหวังอารมณ์เปี่ยมล้นแบบหนังดราม่ากีฬาเรื่องอื่น ๆ มันอยู่ในขั้นพอใช้ เรื่องราวที่ธรรมดาเพราะสร้างจากเรื่องจริงที่ทำให้มันติดกรอบกลายเป็นหนังดูได้เรื่อย ๆ ที่ได้นักแสดงและเคมีความสัมพันธ์ของตัวละครมาโอบอุ้ม พร้อมด้วยมุกตลกที่บางอันก็ดี บางอันก็แหวะ เพลงประกอบที่ใช้ได้ แต่นอกนั้นแล้วก็ค่อนข้างใช้ตัวละครได้ไม่คุ้ม พล็อตไม่ค่อยมีการขยี้ให้ซึ้ง น้ำตาร่วงแบบที่ควรจะเป็น และเนือยไปหน่อยในบางช่วง ปมของตัวละครที่เล่าแบบผ่าน ๆ ถึงกระนั้นแล้วก็คิดว่าถ้าอยากดูหนังตลกแบบง่าย ๆ ไม่ต้องซีเรียสอะไรกับมัน เรื่องนี้ก็อาจจะสามารถเป็นตัวเลือกในการฆ่าเวลาที่ดี ไม่เสียหายครับ
Home Team ถือเป็นหนังสูตรแนวกีฬาที่ดูได้เพลินๆ อีกเรื่องหนึ่ง ดูหนังออนไลน์ 4k
ตัวเอกคือ ฌอน เพย์ตัน (Kevin James) โค้ชอเมริกันฟุตบอลที่กำลังประสบความสำเร็จแบบสุดๆ
แต่เกิดมีเรื่องอื้อฉาวอันส่งผลกระทบต่อเขา เขาเลยต้องพักงานครับ แล้วก็หลบไปพักใจในเมืองที่ลูก (Tait Blum) และภรรยาเก่า (Jackie Sandler) อาศัยอยู่
แล้วก็พอดีที่ลูกเขาอยู่ในทีมอเมริกันฟุตบอลครับ เขาเลยไปดูแล้วก็พบว่าทีมของลูกนั้นแพ้แล้วแพ้เล่า แพ้จนเป็นที่รู้กันไปทั่ว
จากนั้นก็ตามสูตรครับ ฌอนลงไปช่วยบริหารทีม ทำให้ทีมของเด็กๆ เล่นดีขึ้น จนสามารถฝ่าด่านไปแข่งกับทีมเก่งๆ ได้แบบพลิกความคาดหมาย
ส่วนตอนท้ายจะแข่งชนะหรือไม่ คำตอบอยู่ในหนังครับ
เป็นหนังอีกเรื่องที่ดูได้เรื่อยๆ ครับ คือมันยังไม่ถึงกับสนุกแบบสุดๆ หรือกลมกล่อมแบบเต็มๆ แต่ก็ถือว่าโอเค อย่างน้อยระหว่างดูเราก็พร้อมจะเอาใจช่วยเด็กๆ ให้สู้ตอไปจนถึงฝั่งฝัน
เพียงแต่ความอินอาจจะไม่เยอะ ความเร้าใจอาจจะไม่มากเท่านั้น
หนังแบบนี้มักมาพร้อมแง่คิดสอนใจที่คุ้นเคยครับ ไม่ว่าจะเป็น
+ เวลาต้องทำอะไรสักอย่าง ก็ควรทุ่มเททุ่มใจ ทำให้เต็มที่
+ หากมีอะไรอยากทำ แต่ใจไม่กล้า ก็ควรลองกล้ามันดูสักตั้ง ให้มันรู้กันไป
+ เล่นกีฬา หากห่วงแต่แพ้ชนะ อาจบั่นทอนความสนุกและความสุขระหว่างเล่นได้
+ เมื่อต้องทำงานเป็นทีม ก็ควรทำงาน “เป็นทีม”
+ เจอปัญหาเหนื่อยหนัก ก็พักสักหน่อย หายเหนื่อยแล้วค่อยไปสู้ใหม่
Kevin James ถือว่าเรื่อยๆ กับบทฌอนครับ โดยส่วนตัวผมชอบเวลาเขาเล่นบทหงอๆ แต่น่ารักมากกว่า แต่เรื่องนี้ถือว่าเขาเล่นได้ดีตามมาตรฐานครับ
แอบดีใจที่ได้เจอ Rob Schneider ด้วย แต่บทของเขาดูธรรมดากว่าที่คิด และมีบทน้อยกว่าที่คาด
ส่วน Jackie Sandler ที่เล่นเป็นภรรยาเก่าของฌอนนั้น เธอคือภรรยาในชีวิตจริงของ Adam Sandler ครับ โดยเรื่องนี้ Adam เขาอำนวยการสร้าง แต่ไม่ได้โดดมาเล่น ให้ภรรยามาแทน
อีกคนที่ผมว่าเข้าท่ากว่าที่คิดคือ Taylor Lautner ในบท ทรอย แลมเบิร์ต โค้ชที่ชั่วโมงบินอาจยังไม่มาก เลยทำให้ผลงานคุมทีมยังไม่สวย ยอมรับว่าท่าทางเขาเวลายอมรับว่าตัวเองยังเก่งไม่พอนั้นดูน่าเชื่อ ผมว่าบทแบบนี้เหมาะกับเขามากกว่าบทประเภทที่ต้องไปเก๊กไปเท่ห์ซะอีก
ที่น่าจดจำอีกอย่างคือดนตรีประกอบของ Rupert Gregson-Williams ท่วงทำนองของดนตรีได้อารมณ์หนังแนวแข่งกีฬาแบบนี้ ตอนได้ยินในหนังก็อารมณ์หนึ่ง ครั้นพอตอนดู End Credits เราก็จะได้ยินดนตรีเหล่านั้นอีกหน เป็นการปิดท้ายเรื่องที่ดีครับ ส่งท้ายอารมณ์ให้คนดูได้อย่างพอเหมาะ
ว่าตามใจคิดก็คือหนังอาจไม่ได้สนุกมากมายอะไรครับ ออกมากลางๆ ดูได้เรื่อยๆ ฉากแข่งบอลบางช่วงก็ทำออกมาได้ชวนลุ้นไม่เลว เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นสุด แต่อย่างน้อยก็ยังลงสูตรมาตรฐานครับ (ประมาณว่าฉากแบบไหนต้องมีหรือตัวละครแบบไหนต้องมีในการแข่งนัดสุดท้ายก็จัดมาให้ค่อนข้างครบครับ)
สำหรับผมแล้วหนังสไตล์นี้เรื่องที่เด็ดๆ โดนๆ ต้องยกให้ Remember the Titans เรื่องนั้นดูกี่รอบก็ได้ใจทุกที ดูหนัง 4k