รีวิว netflix Hypnotic สะกดตาย
รีวิว netflix Hypnotic สะกดตาย หนัง Original Netflix แนวทริลเลอร์ เรื่องราวของหญิงสาวที่จิตใจแตกสลายจากปัญหาครอบครัว และหันไปพึ่งการบำบัดด้วยการสะกดจิตให้ผ่อนคลาย แต่กลับกลายเป็นหายนะมาสู่ตัวเธอเองและคนรอบข้าง
รีวิว netflix Hypnotic สะกดตาย
หนังแนวทริลเลอร์ระทึกขวัญที่ได้ดาราสาว Kate Siegel จากซีรีส์ Midnight Mass ที่พึ่งฉายไปไม่นานนี้มาเล่นต่อเนื่องกันทันที (หลังๆ เน็ตฟลิกซ์มักใช้ดาราขาประจำเดิมๆ บ่อยขึ้นมาก) แต่ได้ Matt Angel ผู้กำกับมือโนเนมมาคุมงาน ซึ่งพึ่งมีผลงานหนังลงโรงเรื่องเดียวคือ The Open House ที่คะแนนวิจารณ์แย่สุดๆ (imdb โหวตที่ 3.2 เว็บมะเขือ 13%) ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ต้องคาดหวังว่าผลงานเรื่องใหม่นี้จะดีอะไรมาก เพราะทำได้แค่ประคองตัวให้รอดไปได้เท่านั้นเอง
เนื้อเรื่องเริ่มจากการเปิดฉากให้เราเห็นหญิงสาวปริศนาเข้าไปในลิฟต์แล้วมีสายโทรเข้าบอกว่าถึงจุดจบของโลกแล้ว จากนั้นก็กลายเป็นลิฟต์ถูกบีบเข้าหากันอัดก๊อปปี้เธอจนตาย ก่อนที่จะตัดมาที่ “เจนน์” สาวสวยที่แท้งลูกจนเครียดเลิกกับสามีได้รับคำแนะนำจากเพื่อนให้ไปบำบัดจิตกับด็อกเตอร์คอลลิน จิตแพทย์ที่ใช้การสะกดจิตบำบัดเยียวยาจิตใจ ซึ่งเมื่อเจนยอมรับการสะกดจิตครั้งแรก เธอกลับพบว่าตัวเองจำอะไรไม่ได้เลยในระหว่างนั้น ก่อนที่เรื่องจะเลวร้ายลงเมื่อเธอมีอาการความจำหายไปหลายครั้ง พร้อมกับเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอเรื่อยๆ ซึ่งเธอก็ต้องสืบหาว่าเกิดอะไรขึ้นพร้อมกับนักสืบเวดที่ตามคดีหญิงสาวปริศนาที่ตายในลิฟต์จนมาเชื่อมกับด็อกเตอร์คอลลินในที่สุด ดูหนังออนไลน์
รีวิว Hypnotic (Netflix) หนังทริลเลอร์สะกดจิตโม้โอเว่อร์เกินจริงระดับ X-MEN 1หนังแนวจิตหลอนแนวนี้จุดขายสำคัญมักอยู่ที่ฉากหลอนทางจิตเพ้อฝันสลับกับความจริง ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำมาในแบบเดียวกัน แต่ฉากเปิดเรื่องกลับกลายเป็นฉากเด็ดที่สุดของเรื่องนี้แล้ว ก่อนที่หลังจากนั้นฉากเหล่านี้ค่อนข้างธรรมดามาก ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นอีกแล้ว อาจจะเพราะด้วยทุนสร้างที่คงไม่มากตามประสาหนังเน็ตฟลิกซ์ทั่วไป ตัวเรื่องจึงใช้พวกฉากหลอกแนวสะกดจิตซ้อนซึ่งก็เป็นการหักมุมเบาๆ ลุ้นได้นิดๆ สำหรับใครที่เดาเรื่องไม่ทันได้อยู่ แต่สิ่งที่มีปัญหามากเลยคือความเว่อร์ของการโดนสะกดจิตในเรื่องที่แค่ได้ยินเสียงสั่งก็หยุดการเคลื่อนไหวสั่งเหยื่อเป้าหมายให้ทำอะไรก็ได้ทันที ระดับเดียวกับโปรเฟซเซอร์ X ของ X-men เลย ซึ่งมันเว่อร์เกินไปมากจนทำให้เชื่อตามไม่ได้เลยจริงๆ
และที่สำคัญคือตัวเรื่องขาดความซับซ้อนตั้งแต่แรก คือไม่ต้องเดาอะไรก็รู้เลยด็อกเตอร์คอลลินคือตัวร้ายตรงๆ ไม่มีการหักมุมหรืออะไรทั้งสิ้น มีแค่ความสงสัยนิดๆ ว่าหมอนี่คิดจะทำอะไรกับนางเอก แต่พอเฉลยก็ไม่ได้ลึกลับอะไร บททุกอย่างดูลงล็อคง่ายๆ ไปหมด มีเพียงแค่ฉากก่อนสุดท้ายที่มีหักมุมนิดนึงพอให้รู้สึกว่ามีดีหน่อยเท่านั้น
รีวิว Hypnotic (Netflix) หนังทริลเลอร์สะกดจิตโม้โอเว่อร์เกินจริงระดับ X-MEN 2สิ่งที่ดูดีคือตัวนักแสดง Kate Siegel ที่สวยดูน่าดึงดูดชวนให้ดูได้เรื่อยๆ ซึ่งเธอก็เล่นได้ดีไม่มีอะไรให้ติ เพียงแต่บทของเธอค่อนข้างตื้นๆ ตามโครงเรื่อง ไม่ค่อยมีอะไรให้น่าจดจำนัก เมื่อเทียบกับมิดไนท์แมสเรื่องก่อนนี่คนละชั้นกันมาก แถมตัวบทยังดูไม่ค่อยเมคเซนส์เท่าไหร่กับการที่โดนสะกดจิตขนาดหนักแล้วยังบุกเดี่ยวลุยไปสืบเรื่องราวต่างๆ ด้วยตัวเองไม่พึ่งตำรวจอีก
เมื่อสาวผู้ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิต ไม่รู้จะหาทางทำอย่างไร อยู่มาวันหนึ่งไปเจอ Therapist(นักบำบัด) และได้เข้า Course Hypnotherapy(หลักสูตรสะกดจิตบำบัด) จากนั้นความโกลาหลมากมายจึงเกิดกับสาวคนนั้น
ในขณะเดียวกัน ด็อกเตอร์มี้ดมีพรสวรรค์ในการแพร่หลาย ปรากฏตัวทุกที่ที่เจนไป เติมพลังให้เธอด้วยการตอบสนองที่ราบรื่นต่อทุกข้อกังวลของเธอ ทำให้จิตใจของเธอยุ่งเหยิงยิ่งขึ้นไปอีก Dule Hill ที่ต่ำต้อยไม่ได้มีตัวละครมากนักที่จะเล่นเป็นนักสืบตำรวจพอร์ตแลนด์ที่กำลังสืบสวนผู้ป่วยของ Meade และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่หลายคนดูเหมือนจะทนทุกข์ทรมานมานานหลายปี นอกจากนี้ยังสะดวก (และไม่น่าจะเป็นไปได้) ที่เขาไม่มีที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถ ทำให้เขาไม่สามารถเข้าถึงได้ในช่วงเวลาสำคัญ
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่นี่เรียบง่ายมาก แต่บ้ามากจนคุณอยากให้ทีมผู้สร้างได้สำรวจมันเพื่อความเพลิดเพลินสูงสุดในการกรีดร้องที่หน้าจอ ความเป็นไปได้สำหรับสิ่งที่ดร. มี้ดทำที่นี่นั้นไร้ขอบเขต และเป็นรากฐานสำหรับหนังระทึกขวัญทางจิตวิทยาที่น่าสนใจมากขึ้นในอดีต (การตั้งชื่อเรื่องเหล่านี้อาจทำให้เสียประโยชน์มากเกินไป ขอโทษด้วย) แองเจิลและคูททำงานจากบทภาพยนตร์โดยริชาร์ด โดวิดิโอ ผู้เขียนThe Callในปี 2013 ที่นำแสดงโดยฮัลลี เบอร์รี่ในฐานะเจ้าหน้าที่ 911 ไล่ตามผู้ลักพาตัว นั่นเป็นภาพยนตร์ B ที่ตึงเครียดโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีซีเควนซ์แอ็กชันแบบแบ่งกันหลายส่วนและนางเอกที่ขับเคลื่อนด้วยเป็นศูนย์กลางโดยมุ่งเน้นที่เป้าหมายของเธอเหมือนเลเซอร์ ไม่มีอะไรที่เกือบจะน่าสนใจเกิดขึ้นใน “Hypnotic” จนถึงจุดไคลแม็กซ์ที่วุ่นวายและวุ่นวาย การแสดงของซีเกลส่วนใหญ่เป็นการตอบสนองต่อสิ่งที่เธอทำกับเธอ ตัวละครของเธอไม่ได้มีอะไรมากไปกว่ารูปร่างหน้าตาของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ด็อกเตอร์มี้ดจะสนใจเจน และจนถึงจุดหนึ่ง เมื่อเธอรู้ว่าเขากำลังตามเธอและชีวิตของเธอตกอยู่ในอันตราย เธอก็กลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอและขดตัวบนโซฟา
1เรื่องนี้แนวความคิดค่อนข้างดีเลยครับ ตัวร้ายจะออกแนว Mastermind (ควบคุมจิตใจ) หน่อยๆ Conflict (ความขัดแย้ง,ปมปัญหา) อาจไม่ได้ดีเด่นมาก เพราะทางหนังเน้นไปทางสืบเสาะหาเบาะแส และสู้กันซึ่งๆหน้ามากกว่า อารมณ์จะแบบสู้และตัดสินกันตรงนั้นเลย การวางบทค่อนข้าง Classic ครับ ก็คือตอนแรกตัวร้ายจะดู ‘ถือไผ่เหนือกว่า’ อยู่นิดหน่อยและฝั่งดีจะดูเหมือนสู้ไม่ได้ ก็ต้องถอยไปก่อนและหา Solution (วิธีแก้,ทางออก) และค่อยๆโต้คืนอย่างช้าๆ เส้นเรื่องค่อยๆดำเนินไปเรื่อยค่อยๆคลายไปทีละปม แต่มีช่วงคล้องช้างนิดๆ แต่ไม่มากเพราะ ดูหนัง
2ในด้านของการแสดงอารมณ์ของตัวละคร ค่อนข้างดีเลยครับ ช่วงต้นเรื่องอาจไม่เท่าไหร่แต่ตอนท้ายนี่พยายาม Build (สร้างให้เราอินไปร่วมกับหนัง) ได้อยู่ครับเป็นเพราะ Situation (สถานการณ์) ตอนนั้นด้วยเลยทำให้การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายค่อนข้างกดดันพอสมควร และเราเอาใจช่วยตัวละคร Jenifer ให้รอดจากเงื้อมือจากหมอนักสะกดจิตไปให้ได้ ทำให้เรารู้สึกอยากช่วย Jenifer ในสถานการณ์นั้นๆ
3Costume (เครื่องแต่งกาย) ของตัวละครค่อนข้างเข้ากับ Theme (ธีม) ของเรื่องครับ และการเเสดงของนักแสดงแต่ละคนค่อนข้างเป็นธรรมชาติครับ ไมแข็ง ไม่เล่นใหญ่จนเกินไปนับว่าดีทีเดียว ในส่วนของแต่ละ Scene (ฉาก) ต่างๆ ค่อนข้างทำได้ดีเลย ช่วง Investigate (สืบสวน,สอบสวน) ของตัวละคร Wade ค่อนข้างสนุกมากอยู่ครับทำให้เราคิดตามไปได้เรื่อยๆว่าหมอตัวร้ายนักสะกดจิตเลือกเหยื่ออย่างไร และทำไมต้องเป็นเหยื่อ Type (ลักษณะ,รูปแบบ) นี้ในส่วนข้อเสียที่ผมได้เกริ่นๆไปแล้วคือช่วงช้าๆเอื่อยๆเรื่องนี้ก็พอมีอยู่บ้าง ซึ่งผมก็เข้าใจครับเพราะเป็นการปูภูมิหลังของตัวละครว่าสาเหตุที่ตัวละครต้องทำแบบนั้น เหตุผลของตัวละครนี้คืออะไร แต่พอเมื่อปูเสร็จแล้ว เตรียมตัวรับความลุ้นระทึกเลยครับ ผมจะไมใช้คำว่ามันส์ เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ได้ Action (บู๊,ต่อสู้) ขนาดนั้น ไม่ได้บู๊พร่ำเพรื่อ จะเป็นแนว Make Sense with Situation Fight Scene (การต่อสู้ที่สมเหตุสมผลกับสถาการณ์) มากกว่าครับ และจบได้ดีในมุมมองของหนังครับ
ตัวร้ายที่แสดงโดย Jason O’Mara ก็เช่นกันบทแทบไม่มีมิติอะไรเลย เป็นแค่หมอป่วยจิตจากเหตุผลตื้นๆ แถมยังดูเว่อร์ๆ ตรงบุกไปสะกดจิตสั่งนางเอกถึงบ้านของเธอเอง แต่เรื่องก็กลับบอกว่าไม่มีหลักฐานเอาผิดได้ ทั้งๆ ที่ยุคนี้แล้วกล้องวงจรปิดมีกันเกลื่อน แต่เรื่องก็พยายามหาเหตุผลให้หมอดูเป็นตัวร้ายเว่อร์ๆ ที่ตำรวจเอาผิดไม่ได้ไม่มีหลักฐานไปง่ายๆ ซะแบบนั้น
แต่ข้อดีของหนังก็ยังมีตรงถ้าดูแบบไม่คิดเรื่องสมเหตุผลอะไร ไม่ต้องการความซับซ้อนของเรื่อง ตัวหนังก็ยังพอดูเพลินๆ ได้ มีฉากระทึกแทรกมานิดหน่อย ไม่ได้ถึงกับแย่อะไร เรียกว่าเป็นหนังเน็ตฟลิกซ์มาตรฐานทั่วไปที่พอใช้ดูผ่านๆ ไปได้เรื่องหนึ่งเท่านั้นครับ
Hypnotic เปิดเรื่องมาที่หญิงสาวท่าทางหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ราวกับว่ามีบางสิ่งในเงามืดกำลังหายใจรดต้นคอของตัวเธออยู่ ท่ามกลางออฟฟิศที่เงียบสงัดไร้ผู้คน เมื่อเธอตัดสินใจกดลิฟต์เพื่อจะลงไปยังชั้นล็อบบี้ จู่ๆก็มีสายโทรศัพท์ปริศนาโทรเข้าเครื่องของเธอและกล่าวประโยคว่า “จุดจบของโลกได้มาถึงแล้ว” ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกว่ากำแพงลิฟต์ทั้งสี่ด้านกำลังบีบตัวเข้ามา เธอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง! และแน่นอนว่าเธอกลายเป็นศพรายแรกของหนังเรื่องนี้
หนังตัดภาพมาเล่าเรื่องราวที่เจนน์ (เคท ซีเกล) ที่กำลังเผชิญกับมรสุมชีวิตทั้งเรื่องงานและปัญหาครอบครัวหลังจากเธอพบว่าตัวเองแท้งลูกกับแฟนหนุ่ม จนไม่สามารถมูฟออนความสัมพันธ์ต่อไปได้ เพื่อนสนิทของเธออย่างจีน่า (ลูเซีย เกสต์) จึงแนะนำให้เจนน์ไปพบกับจิตแพทย์ ด.ร.คอลินส์ มีดส์ (เจสัน โอ’มารา) เพื่อเข้ารับการสะกดจิตบำบัด ทว่าเจนน์กลับพบว่าหลังจากนั้นเธอไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ใดๆระหว่างกระบวนการได้เลย
ไม่นานนักเหตุการณ์แปลกๆก็เริ่มเกิดขึ้นกับตัวเอง ตั้งแต่ที่เธอได้แวะเข้าซูเปอร์มาร์เกตเพื่อจะเข้าครัว หลังจากนั้นเธอกลับพบว่าตัวเองกำลังนั่งแน่นิ่งอยู่บนโต๊ะกินข้าว โดยมีแฟนเก่านอนอาการโคม่าอยู่ในห้องน้ำ! ทำให้เจนน์เริ่มสงสัยว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับการถูกสะกดจิตในครั้งนั้น แล้วทำไมความทรงจำของเธอจึงชอบหายไปอยู่เรื่อยๆ ดูหนังออนไลน์ 4k
จะว่าไปแล้ว Hypnotic มีความน่าสนใจในเรื่องการนำประเด็นการสะกดจิตเพื่อเยียวยารักษาอาการป่วยของผู้คน ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีว่าในปัจจุบันคนทั่วโลกต้องเผชิญกับสภาวะความกดดันทางสังคมมากมายจนนำมาซึ่งปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต อย่างไรก็ตามด้วยความตื้นเขินของตัวหนังที่ไม่มีการปิดบังอำพรางอะไรให้รู้สึกว่าผู้ชมจะจับทางได้ ไม่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใดสิ่งที่พอทำให้คนดูได้ลุ้นอยู่บ้างคือเจนน์จะต้องประสบพบเจอกับสถานการณ์อะไรเป็นลำดับต่อไป ระหว่างที่เธอกำลังรู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อของด.ร.คอลินส์ มีดส์ โดยไม่ว่าเธอจะต่อสู้หรือขัดขืนอย่างไร แค่คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคอาจจะทำให้เธอกลายเป็นอัมพาตหรือสลบหลับกลางอากาศได้ในพริบตา
แม้ว่าพล็อตเรื่องจะแอบดูเหลือเชื่อ แต่การใช้ประโยชน์จากบรรดาฉากตื่นเต้นระทึกขวัญอันเป็นผลงานการกำกับของแมตต์ แองเจิ้ล ไม่ว่าจะเป็นฉากลิฟต์ตอนเปิดเรื่อง ฉากที่นางเอกโดนสะจิตในทุกครั้ง หรือแม้กระทั่งเหยื่อแต่ละคนที่โดนจู่โจมจากผลของการสะกดจิต ก็เรียกได้ว่ายังพอเป็นความบันเทิงอยู่บ้างน่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ตัวหนังเองสามารถเล่นกับประเด็น “ทางจิต” ได้สลับซับซ้อนมากกว่าแค่ฉากหักมุมตอนท้ายเรื่อง แต่พอหนังมาอีหรอบนี้ก็คงต้องสรุปว่า “เรียบไปหน่อย” จริงๆครับ
สรุป
หนังแนวจิตหลอนระทึกขวัญนิดๆ เนื้อเรื่องขาดความซับซ้อน แค่พอดูกล้อมแกล้มผ่านไปได้ แต่ถ้าใครดูแบบจับผิดหรือคิดมากกับความสมจริงนี่มีปัญหาแน่ เพราะการสะกดจิตในเรื่องดูเว่อร์เกินไปมาก แบบเดียวกับโปรเฟซเซอร์ X ของ X-men เลย ดูหนัง 4k