รีวิว netflix Lupin Part 2 จอมโจรลูแปง
รีวิว netflix Lupin Part 2 จอมโจรลูแปง ซีรีส์ออริจินอลฝรั่งเศสชื่อดังที่ติด 1 ใน 10 ซีรีส์ยอดนิยมใน Netflix ที่หลายคนตั้งตารอได้กลับมาอีกครั้งกับภาค 2 จอมโจรลูแปง สุภาพบุรุษจอมโจรที่ทางการฝรั่งเศสต้องการตัวที่สุดได้กลับมาแล้ว เรื่องราวภารกิจโจรกรรมของอัสซานในภาค 2 นี้จะไม่ใช่เกมอีกต่อไป เขากลับมาเพื่อแก้แค้น อูแบร์ เพลเลกรินี ที่ทำลายครอบครัวของเขาเป็นชิ้น ๆ เมื่อจนมุมแล้วเขาจึงต้องคิดหาแผนการใหม่ แม้ว่ามันจะหมายถึงการทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายก็ตาม เรื่องราวชวนให้ติดตามขนาดนี้ พลาดไม่ได้เลยนะคะ
รีวิว netflix Lupin Part 2 จอมโจรลูแปง
หลังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ในตอนจบซัีรีส์พาร์ตแรก LUPIN กลับมาสานต่อจากจุดที่มันวางไว้เพราะคราวนี้ปมความแค้นระหว่าง ฮัสซาน จ็อบ (โอมาร์ ซี – Omar Sy) และอูแบร์ เพลเลกรินี (เฮิร์ฟ ปิแยร์ – Hervé Pierre) กำลังสะเด็ดน้ำเพราะเพลเลกรินีเริ่มคุกคามและหวังตัดตอนกำจัดจ็อบไปให้พ้นทาง ในขณะเดีัยวกันเกมแค้นคราวนี้เริ่มทำให้จ็อบต้องมองย้อนว่ามันคุ้มค่าหรือไม่หากต้องสูญเสียครอบครัวไป
นับเป็นความชาญฉลาดของผู้สร้างไม่น้อยที่เลือกนำเสนอซีรีส์ชุดนี้ในรูปแบบมินิซีรีส์ (Mini Series) 5 ตอนแล้วแบ่งการเล่าเรื่องออกเป็นภาคแทนการทำซีรีส์ยาว ๆ แล้วให้ผู้ชมรอข้ามปีเพราะนอกจากจะตอบสนองกับความกระหายอยากดูต่อของคนดูได้ทันท่วงทีแล้วมันยังทำให้ระยะเวลาของงานโปรดักชันสั้นลงและสามารถกำหนดโปรแกรมลงสตรีมมิงในระยะเวลาที่ไม่ห่างจากภาคที่แล้วมากนัก
นั่นเลยทำให้เหตุการณ์ที่ซีรีส์ทิ้งในภาคแรกอย่างการที่ ราอูล (เออแตน ซิมง – Etan Simon) ลูกชายของฮัสซานถูกมือสังหารของอูแบร์จับตัวไปและรอยร้าวในความสัมพันธ์ของเขากับแคลร์ (ลูดิวีน ซานเยร์ – Ludivine Sagnier) ถูกสานต่อและติดเครื่องได้เร็วเพราะเนื่องจากเว้นระยะห่างจากซีรีส์ภาคแรกไม่นานนักหรือใครจะเริ่มดูตั้งแต่ภาคแรกก็ไม่ถึงกับเสียเวลาชีวิตนักเพราะก็มีเพียง 5 ตอนเท่านั้นรวมกับภาคนี้ก็ยาวเพียง 10 ตอนเท่ากับดูซีรีส์ซีซันเดียวเท่านั้นเอง ดูหนังออนไลน์
![รีวิวซีรีส์] LUPIN Part 2 - แผนเช็กบิลสุดเฉียบ...ซับซ้อนแต่ไม่เสียทรง - #beartai](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/06/LUPINP206.jpg)
ผลลัพธ์คือ 5 ตอนใน ‘LUPIN’ ภาคนี้ดำเนินเรื่องด้วยสปีดขั้นสุดไม่มีผ่อนไม่มีรั้งให้เสียเวลาดังนั้นการมีข้อมูลของซีรีส์ในภาคแรกจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่คือการแลกหมัดระหว่างฮัสซานกับอูแบร์แบบไม่มีใครยอมใคร โดยในขณะที่ฝ่ายแรกพยายามจะรักษาครอบครัวเอาไว้ฝ่ายหลังก็ทำให้เห็นอำนาจทางการเมืองที่สามารถเอาตัวรอดไปได้ทุกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นซีรีส์ภาคนี้ยังให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องราวจากฝั่งตำรวจที่มีมิติมากกว่าแค่ตามจับฮัสซานจนในที่สุดภารกิจล้างแค้นของฮัสซานเลยกลายเป็นขบวนการปราบโกงไปโดยปริยายและคนดูอย่างเราก็อดเอาใจช่วยพระเอกที่หน้าตาอาจไม่ใช่พิมพ์นิยมแต่เสน่ห์เหลือล้นอย่างฮัสซานแบบนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยทีเดียว ในขณะเดียวกันเราเองก็ต้องลุ้นให้ฝั่งตำรวจทัี่นำโดยสารวัตรจอมขวัญ เอ้ย ! โซเฟีย บูคาเซม (ชิริน บูเทลลา – Shirine Boutella) ได้ปราบคนโกงสำเร็จเสียที
แต่กระนั้นก็ใช่ว่า ‘LUPIN’ ภาคนี้จะไร้ซึ่งอารมณ์โรแมนติกเสียทีเดียวเพราะคราวนี้บทซีรีส์ได้เอาล่อเอาเถิดด้วยการเล่าเรื่องราวการล้างแค้นของฮัสซานตัดสลับกับภาพแฟลชแบ็ก (flashback) ที่ทำให้ปมความรักของฮัสซานตอนเด็ก (มามาดู ไฮดารา-Mamadou Haidara) ที่มีทั้งความรักและความผิดบาปของเขากับแคลร์ (ลัดมิลลา มาโควสกี – Ludmilla Makowski) และการเริ่มความสัมพันธ์ที่นำไปสู่ความแค้นกับ จูเลียต เพลเลกรินิ (ลีอา บอนนู – Lea Bonneau)

ซึ่งเรื่องราวในวัยเด็กนี่เองที่เสริมความแข็งแรงให้เหตุผลว่าทำไมฮัสซานถึงต้องปกป้องแคลร์และหัวใจของจูเลียดเองก็อ่อนระทวยทุกทีเมื่อได้เจอเขาและทีละน้อยมันก็ทำให้เห็นว่าสิ่งที่ฮัสซานพยายามฉกฉวยมาตลอดหาใช่เพชรนิลจินดาแต่กลับเป็นความรักที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นด้านมืดของผู้ชายคนนี้ที่ยอมเล่นกับความรู้สึกของคนที่รักเขาเพื่อให้ได้สะสางบัญชีแค้นอีกด้วย
สรุปแล้วหากให้รีวิวแบบไม่สปอยล์ก็คงต้องบอกว่า ‘LUPIN’ ยังคงมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้บอกเล่าต่อไปอีกและซีรีส์ภาค 2 ก็ได้พิสูจน์แล้วว่่าข้อมูลที่ปูไว้ในภาคแรกสามารถนำมาต่อยอดและเพิ่มความเข้มข้นให้เรื่องราวได้ ด้านโปรดักชันก็ต้องบอกว่ามีความยิ่งใหญ่อลังการขึ้นมากทั้งฉากสุสานใต้ดินคาตาคอมส์ ออฟ ปารีส (Catacombs of Paris) และฉากคอนเสิร์ตท้ายเรื่อง ส่วนนักแสดงอย่างโอมาร์ ซีก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเคยครับ
Lupin จอมโจรลูแปง Netflix ลูแปงเวอร์ชั่นคนผิวดำที่ออกแบบมาทันสมัยนิยมให้คนดำเป็นตัวเอกในนิยายแทนคนผิวขาว และก็อ้างอิงเรื่องราวมาจากฉบับนิยาย ถ่ายทอดมาว่าตัวเอกในเรื่องเลียนแบบชีวิตลูแปงมา จนตัวเขากลายเป็นลูแปงตัวจริงในยุคปัจจุบัน โดยที่ยังคงหัวใจความเป็นจอมโจรสุภาพบุรุษไว้ครบถ้วน ดูหนังออนไลน์ 4k

Lupin หรือลูแปง สุภาพบุรุษจอมโจร เวอร์ชั่นนี้เป็นผลงานซีรีส์ Netflix ฝรั่งเศสที่นำ อาร์แซน ลูแปง ของ มอริส เลอบล็อง นักเขียนชาวฝรั่งเศส มาต่อยอดสร้างเป็นเรื่องใหม่ โดยหยิบเอาเรื่องพื้นฐานความนิยมของลูแปงดั้งเดิมที่มีแฟนๆ รู้จักจำนวนมากในโลก มาสร้างให้เสมือนตัวเอกจากนิยายเรื่องนี้มีตัวตนจริงๆ ขึ้นมาในเรื่อง โดยใช้ประโยชน์จากเรื่องที่ลูแปงไม่เคยถูกจับได้ ดังนั้นเขาจึงเป็นใครก็ได้ และก็ไม่ได้ต้องชื่อลูแปงจริงๆ ก็ได้ ซึ่งก็คือ “อัสซาน” ตัวเอกในเรื่องนี้ที่มีความสามารถในการโจรกรรม ความสามารถปลอมแปลงโฉม และไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างอัจฉริยะ ไม่ต่างอะไรกับลูแปงในนิยายเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นเพียงแค่ว่าเขาเป็นคนผิวดำเท่านั้น
ลูแปงเวอร์ชั่นผิวดำที่พยายามถอดแบบจากนิยายให้กลายมาเป็นคนจริงๆ (อัพเดทจบภาค) 1ลูแปงเวอร์ชั่นนี้เริ่มต้นการเลียนแบบเรื่องราวการโจรกรรม สร้อยเพชรสมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศส (The Queen’s Necklace: The Arsène Lupin) ซึ่งอัสซานได้ปลอมตัวเข้าไปในงานประมูลของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ และวางแผนหลอกใช้โจรที่เขาล่อลวงให้มาร่วมแผนโจรกรรมครั้งใหญ่นี้ แต่กลายเป็นว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการสืบหาความจริงในอดีตเกี่ยวกับพ่อของอัสซาน ที่ถูกนายจ้างใส่ร้ายว่าขโมยสร้อยเพชรเส้นนี้ไป และต้องพบจุดจบในเรือนจำตั้งแต่เขาอายุเพียง 14 ปี จนปัจจุบันผ่านมา 25 ปีเขาก็ยังไม่ลืมเรื่องนี้ และจากหนังสือลูแปงที่เขาได้รับมาจากพ่อ ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาใช้ชีวิตผจญภัยในคราบจอมโจรแบบเดียวกับลูแปงตั้งแต่นั้นมาเช่นกัน แต่ชีวิตส่วนตัวลับๆ นี้ก็ทำให้ชีวิตคู่ของเขามีปัญหาจนถึงขั้นแยกทางกับภรรยาและลูกชายคนเดียวด้วยเช่นกัน
ซีรีส์นำเสนอเรื่องราวของลูแปงในแบบเน้นสืบสวนล้างแค้นให้พ่อของตัวเอกอัสซานที่แทนตัวเองว่าลูแปง มากกว่าจะเป็นแนวโจรกรรมใหญ่ๆ ที่มีแค่ตอนแรกของซีซั่นเท่านั้น ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้มีเพียง 5 ตอนจบซีซั่น 1 เรื่องราวจึงกระชับมาก ตอนแรกเป็นตอนที่เรียกว่าโชว์สกิลการวางแผนโจรกรรมให้คนดูเชื่อว่าอัสซานเก่งขนาดลูแปงจริงๆ ที่มักมีแผนซ้อนแผนเหนือชั้นกว่าที่เห็นเสมอ ซึ่งก็ถือว่าทำได้ว้าวพอสมควรกับวิธีโจรกรรมเพชรออกไปจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ที่แนบเนียนและก็ดูน่าเชื่อถือว่าเป็นจริงได้ระดับหนึ่ง แม้จะมีความไม่เนียนในบางจุดก็ตาม

ลูแปงเวอร์ชั่นผิวดำที่พยายามถอดแบบจากนิยายให้กลายมาเป็นคนจริงๆ (อัพเดทจบภาค) 2
ในเรื่องมีการใช้อุปกรณ์ทันสมัยอย่างโดรนจิ๋ว และอื่นๆ อยู่บ้างแต่ไม่มาก
แต่หลังจากตอนแรกไปเนื้อเรื่องจะถูกดึงเข้าสู่เรื่องราวการสืบสวนคดีในอดีต ซึ่งระหว่างที่ลูแปงในปัจจุบันกำลังตามรอยความไม่ชอบมาพากลของสร้อยเพชรเส้นนี้ ตัวเรื่องจะแฟลชแบ็คสั้นๆ ตัดสลับกับปัจจุบันย้อนไปยังช่วงเวลาที่เขาอายุ 14 ยังเด็ก และก็ค่อยๆ ให้เห็นที่มาที่ไปทั้งหมด ทั้งคดีที่เกิดกับพ่อ การตายของพ่อ ชีวิตในวัยเรียนของเขา และชีวิตรักซึ่งเปิดเรื่องมาเราก็จะได้เห็นว่าเขามีภรรยาที่แยกทางกันแล้วกับลูกชาย 1 คน ซึ่งชีวิตทุกด้านของอัสซานจะค่อยๆ ถูกเล่าเพิ่มมาเรื่อยๆ ในแต่ละตอน จนค่อยๆ ประกอบเป็นเรื่องราวเชื่อมต่อกับปัจจุบันว่าทำไม เขาถึงมาใช้ชีวิตในแบบลูแปงในปัจจุบัน โดยมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เปิดร้านขายวัตถุโบราณของมีค่าบังหน้า แต่อีกด้านหนึ่งก็ช่วยเหลืออัสซานกับงานโจรกรรมไปในตัว มีทั้งขายของที่ขโมยมา ทำของเลียนแบบ ตรวจสอบของมีค่าว่าเป็นของจริงหรือไม่ ซึ่งก็เหมือนคู่หูลับๆ ของเขา และก็มีเรื่องราวที่มาที่ไปแฟลชแบ็คแทรกมาให้เห็นด้วยเช่นกัน
ลูแปงเวอร์ชั่นผิวดำที่พยายามถอดแบบจากนิยายให้กลายมาเป็นคนจริงๆ (อัพเดทจบภาค) 3
เพื่อนและคู่หูคนเดียวของลูแปงในเวอร์ชั่นนี้
ในอีกด้านก็เป็นเรื่องราวของฝั่งตำรวจ ที่มักโดนอัสซานปั่นหัวทุกตอนจากการตามรอยเพชรที่ถูกขโมยไป โดยมีนายตำรวจ “ยูสเซฟ” ที่คลั่งไคล้ในนิยายลูแปงเพียงคนเดียวเชื่อว่า โจรที่ขโมยเพชรไปคือลูแปงตัวจริง และก็พยายามเชื่อมโยงหลักฐานที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดเข้ากับนิยายลูแปง แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครเชื่อเขาสักคน และก็กลายเป็นตัวตลกในที่ทำงานไป ซึ่งบทของยูสเซฟนี้แม้ไม่ได้ออกมามาก แต่ก็เป็นส่วนช่วยเสริมให้เรื่องราวลูแปงดูมีตัวตนเป็นจริงได้มากขึ้น ซึ่งบทของยูสเซฟนี้จะถูกนำมาเป็นตอนจบของซีซั่น เมื่อเขาได้มาเจอกับลูแปงตัวจริงที่เขาตามหา และก็น่าจะเป็นตัวละครสำคัญมีบทมากกว่านี้ในซีซั่นต่อไป ซึ่งเรื่องค่อนข้างพาอัสซานไปจนถึงจุดตันของการสืบสวนในคดีการตายของพ่อแล้ว
ลูแปงเวอร์ชั่นผิวดำที่พยายามถอดแบบจากนิยายให้กลายมาเป็นคนจริงๆ (อัพเดทจบภาค) 6
ชีวิตวัยเด็กของอัสซาน
สรุปโดยรวม ซีรีส์ลูแปงเวอร์ชั่นนี้ตัวเอกของเรื่องอ้างอิงเลียนแบบชีวิตจากลูแปงในนิยาย เสมือนตัวเองเป็นลูแปงแบบที่มีตัวตนจริงๆ ตัวเรื่องนอกจากตอนแรกก็ไม่ได้มีฉากจารกรรมใหญ่โตตามมา แต่เน้นไปที่การสืบสวนตามรอยคดีล้างแค้นให้พ่อในอดีตมากกว่า เป็นฉากแนวสืบสวนแล้วเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่างๆ แทน ก็ทำได้ดีพอตัว ลุ้น สนุก ระทึก กำลังดี และก็มีเรื่องราวปัญหาชีวิตคู่มาเสริมให้เรื่องราวดูเป็นมนุษย์มากขึ้น ดูหนัง

ภารกิจชำระแค้นอูแบร์ เพลเลกรินีทำให้ครอบครัวของอาร์แซนต้องบ้านแตกสาแหรกขาด เมื่อหลังชนฝา เขาจึงต้องคิดหาแผนการใหม่ แม้จะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงตกอยู่ในอันตรายก็ตาม
ซีรีส์ลูแปงของฝรั่งเศสที่มาแรงแบบม้ามืดไต่ขึ้นอันดับท็อปสูงสุดของผู้ชมเน็ตฟลิกซ์ แต่ซีซั่นแรกมีแค่ 5 ตอนแล้วก็ตัดจบแบบค้าง มาในซีซั่น 2 หรือที่เน็ตฟลิกซ์ใช้ว่าภาค 2 ก็ยังมีจำนวนตอนเท่าเดิม และภาคนี้ก็คือการปิดจบปมเรื่องราวการล้างแค้นของพระเอกกับตัวร้ายอย่าง อูแบร์ เพลเลกรินี ซึ่งเรื่องก็ต่อจากตอนจบภาคก่อนเป็นเรื่องเดียวกันและยังคงดำเนินเรื่องราวไปในธีมเดียวกับภาคแรก โดย 2 ตอนแรกคือการช่วงลูกชายกลับมาจากมือสังหารที่ลักพาตัว ต่อจากนั้นคือเรื่องราวการวางแผนจัดการส่งอูแบร์ เพลเลกรินีเข้าคุกให้ได้ โดยแบ่งเป็นสองช่วงใหญ่ของแผนที่เชื่อมโยงกัน และยังมีความเชื่อมโยงกลับไปยังภาคแรกหลายฉากที่ตัดค้างเอาไว้ อย่างตอนจับตัวอธิบดีตำรวจมารีดเค้นแล้วถ่ายคลิปไว้ ก็จะมีการนำกลับมาใช้ในแผนภาคใหม่ครั้งนี้ ซึ่งถือว่าคนเขียนบทวางเรื่องไว้หมดแล้ว ไม่ใช่การเขียนบทต่อเติมมาภายหลัง นับว่าเป็นการเชื่อมโยงที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดดูลงตัวสมเหตุผลมากขึ้นกว่าภาคแรกที่ค้างๆ ไว้หลายจุด

ลูแปงเวอร์ชั่นผิวดำที่พยายามถอดแบบจากนิยายให้กลายมาเป็นคนจริงๆ (อัพเดทจบภาค) 8
ตำรวจที่กลายมาเป็นตัวละครในนิยายอีกคน
ในภาค 2 นี้มีการเพิ่มตัวละครที่อยู่ฝ่ายลูแปงมากขึ้นอีก 2 คน คนแรกคือตำรวจที่เป็นแฟนตัวยงในภาคก่อนและตามลูแปงจนเจอในตอนจบ และก็เชื่อมโยงตัวละครนี้เข้ากับตัวเอกฝ่ายตำรวจในนิยายลูแปง “แกนนิมาร์” โดยถูกนำมาใช้เรียกเป็นโค๊ดลับกับตำรวจคนนี้ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เป็นตัวช่วยเสริมลูแปงในบางครั้ง แต่ก็ยังเป็นฝ่ายตำรวจที่ตามจับลูแปงอยู่เช่นเดิม ส่วนอีกคนคือตัวละครใหม่ของเรื่องเลย ซึ่งแม้จะเป็นตัวละครเฉพาะกิจของแผนครั้งสุดท้ายตอนจบภาค แต่ตัวละครนี้ก็มีเสน่ห์หลายอย่าง ทั้งบุคลิก ความสามารถ ไหวพริบ และยังเป็นแฟนนิยายลูแปงด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าทางซีรีส์น่าจะนำตัวละครนี้มาใช้ต่ออีก
ลูแปงเวอร์ชั่นผิวดำที่พยายามถอดแบบจากนิยายให้กลายมาเป็นคนจริงๆ (อัพเดทจบภาค) 10อีกจุดด้อยคือตอนจบสุดท้ายเรี่อง ที่คนดูถูกบิ้วให้คิดว่าน่าจะได้เห็นอะไรใหญ่โตกับการปิดฉากตัวร้ายของเรื่องในโรงละคร แต่กลายเป็นว่าไม่ได้ใหญ่โตแบบที่คาดหวังไว้ ออกจะสั้นๆ ด้วย แต่โดยรวมก็ไม่ถึงกับแย่อะไร เพราะสามารถปิดจบเคลียร์เรื่องราวทั้งหมดได้โอเคในระดับหนึ่งเลย แม้จะรู้สึกตะหงิดอยู่นิดๆ ว่าตัวร้ายอย่างเพลเลกรินีน่าจะหลุดจากข้อหาด้วยเส้นสายแบบที่เรื่องวางไว้มาตลอดได้อีก ซึ่งก็ต้องรอดูว่าในภาค 3 ที่ประกาศทิ้งไว้ในตอนจบจะเป็นการขึ้นเรื่องใหม่จริงๆ หรือยังมีปมการล้างแค้นกับเพลเลกรินีต่อไปอีก (ซึ่งถ้ามีต่อ คนดูน่าจะเบื่อแล้วเช่นกัน) ดูหนัง 4k